พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 351 ความคิดของจารุณี
บทที่351 ความคิดของจารุณี
หลังจากที่ทั้งสามคนทานข้าวเสร็จแล้วนั้น ก็เดินออกจากโรงแรมออกไป
ขณะนี้กรภัทร์กำลังยืนอยู่ที่ประตูของร้านอาหาร กำลังพูดคุยกับพนักงานต้อนรับทั้งสอง หลังจากที่เห็นธีรศานติ์ทั้งสามเดินออกมาแล้วนั้น ก็รีบต้อนรับต้อนรับอย่างยินดีปรีดา
“คุณลุง พวกคุณกินเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรอ? ไม่ต้องให้พ่อครัวจัดเตรียมอาหารเพิ่มเติมแล้วใช่ไหม?” กรภัทร์ถาม
“ไม่จำเป็น ค่าอาหารวันนี้ลงบัญชีฉันไว้ก่อนล่ะกัน พวกฉันกลับก่อนนะ” ธีรศานติ์กล่าว
”แค่อาหารมื้อเดียว คุณลุงไม่ต้องคิดมากนะ” กรภัทร์กล่าวพลางยิ้ม
ธีรศานติ์ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ค่าอาหารหนึ่งมื้อ ไม่จำเป็นต้องคิดมากอะไรจริงๆ
กรภัทร์ส่งทั้งสาม สายตาจ้องไปที่รพีพงษ์ อย่างไม่พอใจ
หลังจากที่ทุกคนเดินออกมาแล้วนั้น กรภัทร์พูดกับธีรศานติ์และจารุณีว่า “คุณลุง นี เดินทางปลอดภัยนะ ผมส่งแค่นี้ล่ะกัน”
เขาคิดว่าอีกสักครู่ถ้ารพีพงษ์แยกกันกลับกับธีรศานติ์ล่ะก็ เขาก็จะตามไป ถามว่ารพีพงษ์มีสิทธิ์อะไร ที่จะมาแย่งคุณหนูของหอการค้าสมน.กับเขา
แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ รพีพงษ์นั่งมากับธีรศานติ์ บนรถฮัมเมอร์คันยาวนั้น
นี่ทำให้เขากำหมัด และเต็มไปด้วยความอิจฉา
หรือเค้าจะกลับไปพร้อมกับพวกเขาหรอ เขามีดีอะไรกันแน่ ทำไมนายกของหอการค้าสมน.ถึงให้ความสำคัญขนาดนี้ แล้วจารุณียังพูดอีกว่ารพีพงษ์คือผู้ชายของเธอ เขาก็แค่ไอ้กระจอกเท่านั้น ทำไมจารุณีถึงได้ชอบเขา?
หลังจากที่เห็นรถฮัมเมอร์คันนั้นออกไปแล้วนั้น กรภัทร์กลับไปที่ประตู ตรงจุดต้อนรับนั้น
พนักงานต้อนรับทั้งสองถูกกรภัทร์ตบไปหลายฉาด ตอนนี้สงบลงไปเยอะ จนไม่กล้าพูดอะไร
“พวกแกทั้งสองแน่ใจว่าไอ้นั่นขี่รถจักรยานสาธารณะมา?” กรภัทร์จ้องไปที่พนักงานทั้งสองแล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง
พนักงานต้อนรับทั้งสองรีบพยักหน้าอย่างเร็ว โดยไม่รีรอ
“มั่นใจอย่างที่สุด เขายังอยากที่จะจอดรถจักรยานสาธารณะนั้นไว้หน้าร้านของเราเลย พวกเราให้เขาจอดไว้ไกลๆนู่น เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ไม่งั้นพวกเราก็ไม่กล้าใช่ท่าทีแบบนั้นต่อเขาหรอก” พนักงานต้อนรับหนึ่งในนั้นกล่าว
กรภัทร์พยักหน้า หลับตาลง แล้วยิ้มอย่างดูแคลน
“ดูๆแล้วก็แค่ไอ้กระจอกคนนึงเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้รู้จักธีรศานติ์ เขาไม่อยากให้ธีรศานติ์และจารุณีรู้ว่าไม่มีปัญญาซื้อรถแน่นอน แม้แต่เงินที่จะจ่านค่าแท็กซี่ยังไม่มี ดีงนั้นถึงได้ขี่รถจักรยานสาธารณะมารอตั้งแต่เช้า”
“เหอะ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นก็มีวิธีที่จะจัดการไอ้นี่อีกเยอะเลยล่ะ ดูๆแล้วน่าจะต้องเรียกคุณชายเหล่านั้นที่ชื่นชอบนี้มาช่วยจัดการไอ้นั่นแล้วล่ะ แม้ฉันจะไม่ได้นีมาครอบครอง ไอ้นั่นก็ไม่ควรได้ครอบครองเช่นกัน”
พูดกับตัวเองอยู่หลายประโยค กรภัทร์ก็หยิบมือถือขึ้นมา เดินเข้าไปในโรงแรมแล้วโทรหาคุณชายเหล่านั้นที่เขารู้จัก
ณ คฤหาสน์ตระกูลธนาโสจิรัตร์
ในฐานะที่เป็นนายกของหอการค้าสมน. ทรัพย์สินของธีรศานติ์มีทรัพย์มากมายอย่างไม่ต้องพูดถึง บ้านที่เขาอาศัยอยู่ ไม่ได้หรูหราแบบธรรมดา
คฤหาสน์ตระกูลธนาโสจิรัตร์เป็นที่ดินก่อสร้างเพียงผืนเดียวของธีรศานติ์ บนที่ผืนนี้มีเพียงคฤหาสน์ตระกูลธนาโสจิรัตร์เท่านั้น ในนั้นยังมีห้องของคนใช้อีกด้วย ที่เหลือ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นจุดให้จารุณีผ่อนคลายไปแล้ว
คฤหาสน์หลังนี้ยังมีสนามกอล์ฟเป็นของตัวเอง แค่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงหญ้า ก็พอที่จะให้คนทั้วไปได้ซื้อบ้านในเกียวโตได้หลายหลังแล้ว
รอบๆคฤหาสน์เต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย จารุณีเติบโตมาในสภาพแบบนี้ นี่ถือเป็นพระราชวังค์ของเธอ แต่ทว่าตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็อาศัยอยู่แต่ในนี้ รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจารุณีถึงมีนิสัยแบบนี้
การที่พารพีพงษ์มายังพระราชวังค์ของตนนั้น ทำให้จารุณีรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เธออยากจะพารพีพงษ์เดินดูรอบๆจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
เหล่าคนใช้เมื่อเห็นจารุณีพารพีพงษ์เดินดูรอบๆคฤหาสน์ ล้วนมองไปที่รพีพงษ์อย่างแปลกใจ อย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่เคยเห็นจารุณีพาใครเดินดูรอบๆแบบนี้มาก่อน
ยิ่งกว่านั้นจารุณียังพูดอย่างไม่เกรงใจ ต่อคนใช้เหล่านั้นอีกด้วยว่านี่คือเทพบุตรเลิศเลอของเธอ ต่อไปรพีพงษ์จะเป็นนายผู้ชายของที่นี่
ซีรี่ย์ที่ปกติตอนที่จารุณีดูตอนเบื่อๆนั้น ก็ล้วนเป็นเรื่องที่คนใช้แนะนำ ส่วนมากพวกเขาจะดูซีรี่ย์เกี่ยวกับความรักน้ำเน่า จารุณีเห็นพวกเขาชอบ จึงได้ดูด้วย จึงได้คิดว่าใครที่ได้นอนร่วมเตียงกันแล้วนั้น ต้องอยู่ด้วยกันกับเขาตลอดไป แล้วยังต้องมีลูกด้วยกันอีกด้วย
รพีพงษ์เห็นสีหน้าที่เขินอายของคนใช้เหล่านั้น จึงได้พูดกับจารุณีอย่างเบาๆว่าถ้าเธอยังพูดแบบนี้อีกล่ะก็ คืนนี้เขาจะออกไปนอนข้างนอก จารุณีจึงได้หยุดพูด แต่ก็ยังคงกอดแขนรพีพงษ์อยู่เหมือนเดิม แล้วดึงเขาเดินดูรอบๆคฤหาสน์
ธีรศานติ์จัดห้องให้รพีพงษ์ หลังจากที่รพีพงษ์ล้างหน้าเสร็จแล้ว จึงได้กลับไปที่ห้องแล้วคิดถึงเรื่องที่จะกลับไปยังตระกูลลัดดาวัลย์ในวันพรุ่งนี้
ในช่วงเวลาห้าทุ่มโดยประมาณ จารุณีเดินมาถึงประตูห้องของรพีพงษ์ เธอแต่งหน้า ใบหน้าที่พริ้มเพรา เดิมเธออายุเพียงสิบเก้าปี แต่เมื่อเธอแต่งหน้า เธอกลับดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ขึ้นมาทันใด
ผ้าทูลที่อยู่บนตัวเธอทำให้เธอดูอ่อนช้อย ภายใต้ผ้าทูลนั้นยังมีสิ่งที่แอบซ่อนไว้อยู่ ยิ่งทำให้เซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
จากหญิงสาววัยละอ่อนที่ร่าเริง เปลี่ยนเป็นผู้หญิงเต็มวัยที่มีเสน่ห์ ที่สามารถดึงดูดสายตาผู้ชายนับไม่ถ้วนได้
จารุณีได้ใช้เวลาไปกับการแต่งกายในครั้งนี้อย่างมาก เธอคิดว่ารพีพงษ์มองว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงให้รพีพงษ์มาบ้านของเธอ อย่างนี้เธอถึงจะสามารถแสดงด้านเซ็กซี่ของเธอออกมาได้
และเธอยังอยากที่จะนอนเตียงเดียวกับรพีพงษ์อีกสักคืน ครั้งนี้เธอเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้รู้แล้วว่าการที่นอนเตียงเดียวกันนั้นไม่สามารถมีลูกได้ เพราะเหตุนี้เธอจึงได้เรียนรู้จากหนังโป๊ ดูไปก็หน้าแดงเขินอายไปพลาง ไม่ต้องบอกว่าเขินมากขนาดไหน
สิ่งที่เธอเตรียมทั้งหมดนั้น ก็เพื่อให้รพีพงษ์มองเธออีกด้าน เธอไม่อยากให้รพีพงษ์ปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาว เธอรู้สึกดีต่อรพีพงษ์จริงๆ ไม่ใช่เพราะดูซีรี่ย์มากเกินไป เธออยากหาความสุขให้ตัวเอง
ในช่วงสามทุ่ม จารุณีได้สั่งคนรับใช้เหล่านั้น ว่าพรุ่งนี้รพีพงษ์มีธุระสำคัญต้องทำ ห้ามใครรบกวน หรือเข้าใกล้ห้องนี้เป็นอันขาด
ดังนั้นในขณะนี้ก็ไม่มีใครอยู่รอบๆบริเวณห้องของรพีพงษ์แน่นอน
จารุณีหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หยิบมือถือของตนเองขึ้นมา เช็คการแต่งหน้าของตนเอง แน่ใจว่าแต่งสวยแล้ว เธอก็ได้เดินไปที่ประตูของห้องรพีพงษ์ เปิดประตูห้องออกเบาๆ
ขณะนี้รพีพงษ์ได้หลับสนิทแล้ว เพราะธุระในวันพรุ่งนี้สำคัญต่อรพีพงษ์มาก ดังนั้นเขาต้องเก็บแรงเอาไว้เพื่อจัดการกับเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์
จารุณีเห็นรพีพงษ์นอนหลับไปแล้ว ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา จากนั้นก็เดินไปที่เตียงของรพีพงษ์อย่างช้าๆ ล้มตัวลงนอนข้างรพีพงษ์
ดูออกว่าจารุณีค่อนข้างตื่นเต้น แต่ก่อนที่จะมา เธอได้ฝึกฝนจากเนื้อหาในหนังโป๊มาแล้วบ้าง รายละเอียดเธอยังพอจำได้บ้าง
แต่ไม่นานเขาเธอก็ได้พบกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า คนที่อยู่ในหนังไม่ได้ใส่ชุด แต่รพีพงษ์ใส่ชุดนอน นี่ทำให้จารุณีไม่รู้จะลงมือต่อไปได้อย่างไร
ถอดชุดเขาออกก่อนดีไหม? แต่รพีพงษ์หลับลึกขนาดนั้น เธอจะให้ปลุกรพีพงษ์ให้ตื่นขึ้นมาเปลื้องผ้าเธอได้อย่างไรกัน?
เรื่องแบบนี้ ทำตอนใส่เสื้อผ้าได้ไหม?
เฮ้อ จริงๆเลย ไม่ได้ศึกษาด้านนี้มา จารุณีรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาให้ถ่องแท้ เธอจะรู้ได้ไงว่าใส่ชุดจะทำเรื่องแบบนี้ได้ไหม
เธอจ้องไปที่ลิบฝีปากของรพีพงษ์ ใจเต้นรัวๆ ไม่ว่าจะต้องถอดเสื้อผ้าก่อนหรือไม่นั้น จูบเขาสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ตั้งแต่เล็กจนโต จารุณีเห็นคนจูบกันแค่ในเฉพาะในทีวี เธออยากลองมานานแล้ว แต่ไม่เจอคนที่ใช่ ครั้งนี้เธอจะไม่มีทางปล่อยรพีพงษ์ไปแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนี้ จารุณีก็ตรงไปที่ริมฝีปากของรพีพงษ์
ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ที่กำลังฝันอยู่นั้นรู้สึกว่าบนเตียงของตนมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เขาเปิดตาอย่างสะลึมสะลือ เห็นจารุณีจะจูบเขา ก็ตกใจขึ้นมา รีบผลักจารุณีออกทันที กระโดดลงจากเตียง แล้วเดินไปเปิดไฟ
“คุณดึกๆดื่นๆไม่นอนมาห้องผมทำไม เมื่อกี๊คุณทำผมตกใจแทบแย่” รพีพงษ์มองไปบนเตียงที่มีจารุณี ด้วยใบหน้าที่เอือมระอา
จารุณีคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตื่นขึ้นมาตอนนี้ เธอมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ แล้วกล่าว “คุณนี่มันเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อจริงๆ อีกนิดฉันก็จะจูบคุณได้แล้ว เค้าอยากลิ้มลองความรู้สึกนี้มาตั้งนานแล้ว ถูกคุณขัดจังหวะซะงั้น”
รพีพงษ์จ้องไปที่จารุณรอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็ได้พบว่าจารุณีแต่งหน้ามา แล้วยังแต่งตัวเซ็กซี่อีกด้วย จึงได้เข้าใจในทันทีว่าจารุณีมาเพื่อทำอะไร
“คุณผู้หญิง พรุ่งนี้ผมมีเรื่องสำคัญต้องทำ คุณอย่าทำเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ได้ไหม ทำไมแต่งตัวแบบนี้ คุณไม่เหมาะที่จะแต่งตัวแบบนี้ รีบกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง” รพีพงษ์ขอร้อง
จารุณรบึนปาก แล้วกล่าว “พวกผู้ชายชอบแบบนี้ไม่ใช่หรอ ฉันแต่งตัวขนาดนี้ คุณยังไม่พอใจอีก คุณจะให้ฉันทำยังไง หรือต้องให้ฉันแก้ผ้าหรอ?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น……”รพีพงษ์กล่าว
“ชิ ฉันไม่สนว่าคุณจะคิดยังไง คุณขัดจังหวะฉัน ต้องชดเชย คืนนี้นอนเป็นเพื่อนฉัน มิเช่นนั้น ฉันจะห้องพ่อว่าคุณไม่มีมารยาทกับฉัน” จารุณีท่าทีโมโห
“งั้นผมจะไปหาพ่อคุณเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมไม่รู้ว่าจะอธิบายกับพ่อคุณยังไง” รพีพงษ์กล่าว
จารุณีโมโหสุดขีด จนอยากจะทำลายเตียงที่อยู่ตรงหน้าทิ้งซะ
“รพีพงษ์ ทำไมคุณชั่งน่ารังเกียจแบบนี้ ฉันก็แค่ชอบคุณ ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้?” นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ราวกับว่าจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
รพีพงษ์เห็นจารุณีเสียใจ ก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายจารุณรแต่อย่างใด เขาก็ถูกปรักปรำ
“นี ผมมองคุณเป็นน้องสาวมาโดยตลอด ถ้ามีใครกล้าทำร้ายคุณ ผมจะออกหน้าทันที สั่งสอนพวกมันแทนคุณ แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักในชีวิตมีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือภรรยาของผม ผมไม่มีทางรักใครได้อีก ดังนั้น……”
จารุณียืนขึ้นจากเตียง แล้วก้มหน้า เดินออกไปด้านนอกอย่างไม่พูดอะไร น้ำตาไหลออกมา โดยไม่รู้ตัว
รพีพงษ์ตะโกนเรียกเธอ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่ใจรพีพงษ์ใดๆ
คำพูดของรพีพงษ์ทำให้จารุณีรู้ว่า สิ่งที่เธอต้องเคลียร์ เหมือนจะไม่ใช่รพีพงษ์ ถ้าเธออยากครอบครองรพีพงษ์ล่ะก็ สิ่งที่ต้องเคลียร์เป็นอันดับแรกคือ เหมือนว่าจะเป็นภรรยาของรพีพงษ์