พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 35 ผมซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 35 ผมซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว
บทที่ 35 ผมซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว
ข่าวเรื่องอภิมหาเศรษฐีที่ใช้ชื่อไอดีว่า “ดวงใจตะวัน” ส่งของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนให้บุษบากร ภายในชั่วโมงเดียว ก็แพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ต
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีคนค้นหามากที่สุด คนไม่น้อยล้วนอยากรู้อยากเห็น ว่านายดวงใจตะวันคนนี้เป็นเทพเจ้ามาจากไหนกัน ถึงสามารถส่งของขวัญมูลค่าห้าแสนหยวน ให้ผู้ประกาศหญิงธรรมดาๆคนหนึ่งได้
มีช่องสื่อไม่น้อยถือโอกาสนี้ ใส่สีตีไข่ ทำเรื่องให้เป็นข่าวใหญ่โต เว็บไซต์ข่าวมากมายต่างพาดหัวข่าวว่า “แอบรักออนไลน์” ทำเอาชาวอินเทอร์เน็ตทั้งหลายต้องเข้าไปดู
เรื่องคาดเดาที่ผู้คนเชื่อกันมากที่สุดก็คือ นายดวงใจตะวันคือคุณชายอภิมหาเศรษฐีจากตระกูลใหญ่ที่ไหนสักแห่ง เป็นเพราะว่าถูกตาต้องใจบุษบากร ก็เลยใช้เงินเป็นว่าเล่น เพื่อที่จะซื้อใจของเธอ
อีกทั้ง เพียงแค่ในเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ ข่าวลือระหว่างคุณชายอภิมหาเศรษฐีดวงตะวันกับเน็ตไอดอลสาวไอดีqianxindie ก็สะพัดไปทั่ว
บางคนก็ว่าเขาสองคนคบกันมาตั้งนานแล้ว ช่วงหลังเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างก็เลยเลิกกัน หลังจากที่นายดวงใจตะวันได้ดิบได้ดี ก็ตามกลับมาส่งของขวัญให้qianxindie
บางคนก็พูดนายดวงใจตะวัน จริงๆแล้วเป็นพ่อเลี้ยงของ การส่งของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนให้qianxindie เป็นเรื่องธรรมดาๆเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็เลือกที่จะเชื่อมากกว่าว่าคุณชายอภิมหาเศรษฐีพันล้านคนนี้ ตกหลุมรักเน็ตไอดอลสาวเข้าให้แล้ว
ชรินทร์ทิพย์ที่ถูกกักบริเวณอยู่บ้าน หลังจากที่เห็นข่าวนี้ ก็สะบัดหน้าใส่ทันที
“คุณชายอภิมหาเศรษฐีอะไรกัน ไม่ว่ายังไง ก็หล่อสู้สามีในอนาคตของฉันไม่ได้หรอก”
ณ สำนักงานใหญ่สตูดิโอชาร์กฟันส์ นักไอทีกี่สิบคนกำลังอดตาหลับขับตานอนจ้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ทุกคนกำลังพยายามค้นหาความผิดพร่องในระบบอย่างเร่งรีบ
“หายังไง ก็หาไม่เจอ ไอดีดวงใจตะวันอะไรนั่น อย่าบอกนะว่าหมอนั่นอาศัยช่องโหว่ในระบบซื้อของขวัญ” หัวหน้าแผนกไอทีเปิดปากถาม
“ไม่ใช่หรอก การทำงานของระบบเป็นปกติ บัญชีดวงใจตะวันอะไรนี่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ” พนักงานไอทีอีกคนตอบกลับ
หัวหน้าแผนกขมวดคิ้วเข้มซะยิ่งกว่าเดิม ให้ของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนแบบนี้ เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เลยคิดว่าต้องมีคนอาศัยความผิดพลาดของระบบซื้อของขวัญอย่างแน่นอน
พอถึงตอนนี้ ผู้จัดการสถานีก็เดินเข้ามาพอดี หัวหน้าแผนกไอทีก็รีบรายงานเรื่องนี้อย่างไม่รีรอ
ผู้จัดการได้ฟังดังนั้น ก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง พลางพูด “ไอดีดวงใจตะวันอะไรนี่ ก็คือบัญชีของหัวหน้าคนใหม่ของเรานี่แหละ การให้ของขวัญของเขา ไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งนั้นแหละ”
หัวหน้าแผนกไอที กับพนักงานไอทีที่เหลือ ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ตาโตเป็นไข่ห่าน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าไอดีดวงใจตะวันนี้ จะเป็นบัญชีของหัวหน้าพวกเขา
“อีกหน่อย ไม่ว่าดีเจหรือเน็ตไอดอลคนไหนที่มีบัญชีของหัวหน้าเราติดตาม มีแต่จะส่งผลดีให้พวกเราทั้งนั้น ได้ยินชัดไหม”
“ชัดครับ!”
……
ส่วนคนที่เขาพูดถึงกันหนาหูอย่างบุษบากรกับรพีพงษ์กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้ส่งผลอะไรมากมายแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ที่บ้านของอารียา กำลังคุยเรื่องออกไปเดินช้อปปิ้งข้างนอก
“แคลร์ ฉันลืมบอกเธอเลยแหนะ ที่ฉันมาหาเธอวันนี้ อยากจะมาบอกให้เธอรู้ ว่าอาทิตย์หน้าพวกเราจะจัดงานเลี้ยงรุ่นมหาลัยกัน หัวหน้าสาขาย้ำกับตัวเลยนะ ว่าเธอต้องไปให้ได้” บุษบากรพูด
“เธอว่าไงนะ งานเลี้ยงรุ่นหรอ ทำไมมันเร็วขนาดนี้เนี่ย” อารียาอดแปลกใจไม่ได้ กี่ปีมานี้เธอใช้ชีวิตไม่ค่อยเป็นไปตามที่วาดฝันนัก บวกกันชื่อเสียงของรพีพงษ์ เป็นปกติที่เธอไม่อยากไปงานเลี้ยงรุ่นนัก
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ฉันถึงมาชวนเธอไปช้อปปิ้งไง ฉันอยากจะไปซื้อเครื่องสำอางเพิ่มสักหน่อย พอถึงตอนงานเลี้ยงรุ่น ฉันจะได้สวยให้พวกนั้นตาบอดไปเลย”
“ฉันได้ยินมาว่า หัวหน้ารุ่นเราใช้ชีวิตได้ไม่เลวเลยล่ะ ได้ยินมาว่าตอนนี้เขารับตำแหน่งผู้จัดการของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เลยเชียวนะ แถมยังฝากความคิดถึงมาหาเธอด้วย
“คิดถึงไม่ลืม เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะ” บุษบากรยิ้มอย่างมีเลศนัย
“พอเลยๆ ฉันแต่งงานแล้วนะ” อารียาส่ายหัวรัวๆ
“แต่งงานแล้วยังไงล่ะ มีใครไม่รู้ชื่อเสียงแย่ๆของรพีพงษ์กันบ้าง หัวหน้าสาขาของเราตอนนี้นะเป็นถึงผู้จัดการของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เลยนะ กี่ปีมานี้ชื่อเสียงของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเธอเองก็ต้องเคยได้ยิน ส่วนรพีพงษ์เนี่ย ก็เป็นได้แค่หนูตกถังข้าวสารที่กินข้าวบ้านเธอไปวันๆ เขาจะไปสู้หัวหน้าสาขาเราได้ยังไง”
บุษบากรพูดไปพลางมองรพีพงษ์อย่างดูแคลน ไม่ได้รู้สึกว่าพูดแบบนี้ต่อหน้ารพีพงษ์จะไม่เหมาะสมเลยสักนิด
แต่อารียาไม่ได้เอาคำพูดของบุษบากรมาใส่ใจ เพราะเธอรู้ ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คนเขาว่ากัน
ตรงกันข้าม ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับรพีพงษ์ ทำให้เธอรู้สึกว่ารพีพงษ์เองก็เป็นคนที่น่าค้นหาอยู่ไม่ใช่น้อย
“พอแล้วล่ะ พวกเราไปช้อปปิ้งกันดีกว่านะ เธออย่ามัวมาบ่นฉันเลย”
อารียาลุกขึ้นยืนจากโซฟา จากนั้นหันไปทางรพีพงษ์ พลางพูด “นายไปกับพวกเรานะ”
รพีพงษ์ยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกๆ
บุษบากรถลึงตาโต รีบร้อง “แคลร์ เธอไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม อยู่ๆเธอจะให้เขาไปช้อปปิ้งกับพวกเราเนี่ยนะ”
อารียาพูดยิ้มๆ “ให้เขาไปด้วย แบบนี้ก็มีคนถือของให้ฉันไงล่ะ”
“แคลร์ เธอคงจะไม่ได้….ตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับเขาทั้งชีวิตจริงๆใช่มั้ย” บุษบากรพูดอย่างไม่เชื่อหูเชื่อตาตัวเอง
“ถ้าเขาทำตัวดีๆน่ะนะ ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นไปไม่ได้” อารียายิ้มขึ้นมา
รพีพงษ์เองก็ยิ้มไปกับเขาด้วย
บุษบากรรู้สึกแต่ว่าหูตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ สติหลุดไปพักใหญ่ ไร้การตอบสนอง
ทั้งสามคนไปห้างด้วยกัน บุษบากรอยากจะซื้อเครื่องสำอาง ก็เลยตรงไปที่แผนกขายเครื่องสำอางทันที
“พวกเธอดูกันไปก่อนนะ ฉันจะไปห้องน้ำสักหน่อย” รพีพงษ์เอ่ยปากพูด
“สมกับเป็นคนขี้เกียจจริงๆ “ บุษบากรพูดแซะ
รพีพงษ์หมุนตัวเดินออกไป ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับเดินเลี้ยวไปที่มุมๆหนึ่ง
“คุณชายครับ ไม่เจอกันหลายวัน ดูแจ่มใสขึ้นนะครับ” ตาสีทองเอ่ยปากแซวยิ้มๆ
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา” รพีพงษ์พูดเสียงเรียบ
“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับ ก็แค่เห็นว่าคุณชายมาเดินช้อปปิ้ง ผมก็เลยซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว ที่ห้างนี้ ไม่ว่าคุณชายอยากซื้ออะไร ไม่ต้องควักเงินจ่ายทั้งนั้น” ตาสีทองพูด
“แกคิดว่าใช้วิธีนี้ แล้วจะทำให้ฉันยอมกลับตระกูลลัดดาวัลย์กับแกรึไง”
“กระผมเชื่อว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
“ฉันพูดได้เพียงแค่ แกคาดหวังมากไป”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินออกไป กลับไปหาอารียากับบุษบากร
สาวๆสองคนกำลังยืนอยู่หน้าบูทเครื่องสำอางของแชนแนล จ้องเครื่องสำอางที่อยู่บนชั้นวางตาเป็นมัน
“แคลร์ ฉันได้ยินมาทั้งชีวิตว่าแบรนด์นี้ใช้ดีมาก ฉันอยากซื้อมาลองสักชุดมาตั้งนานแล้ว” บุษบากรเปิดปากพูด
“ฉันเองก็เคยได้ยินมา แต่มันแพงเกินไป ราคาชุดหนึ่งนี่เงินเดือนฉันตั้งสามเดือนเลยนะ”
แน่นอนว่าอารียาเองก็อยากได้เครื่องสำอางเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าเงินเดือนของเธอมันน้อยเกินไป เครื่องสำอางที่แพงขนาดนี้ เธอทำได้เพียงมองเท่านั้น
ถ้าจะซื้อจริงๆล่ะก็ คงจะต้องเจ็บปวดใจไม่น้อย
บุษบากรที่เพิ่งได้รับของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสน แบ่งครึ่งหนึ่งก็เหลือแค่สองแสนห้า ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังตัดใจซื้อไม่ได้อยู่ดี
“แคลร์ เธอว่าฉันซื้อชุดนี้ หรือไม่ซื้อดี” บุษบากรจ้องอารียาพลางเอ่ยปากถาม
อารียา ยังไม่ทันได้พูดอะไร อยู่ๆ ผู้หญิงรูปร่างท้วม อายุรุ่นราวประมาณสามสิบกว่า สวมแว่นตา ก็เดินเข้ามาหาเธอ
เธอจ้องบุษบากรกับอารียาอย่างไม่ลังเลก่อนจะเอ่ยปากพูด “ซื้อไม่ไหวก็อย่ามายืนอยู่ตรงนี้ ขวางทางคนจะเลือกซื้อของ”