พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 326 วีธราถึงดงเย็นแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 326 วีธราถึงดงเย็นแล้ว
บทที่326 วีธราถึงดงเย็นแล้ว
“แกแน่ใจใช่มั้ยว่านี่คือสถานที่ไอ้เศษสวะอย่างรพีพงษ์เคยอาศัยอยู่?”วีธราหันไปมองบอดี้การ์ดข้างๆเธอ พร้อมกับความแปลกใจบนใบหน้า
บอดี้การ์ดคนนั้นรีบพยักหน้าทันที แล้วพูด: “ใช่ครับนายใหญ่ รพีพงษ์พักอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ ถ้าคุณชายอาศัยในเมืองริเวอร์ในฐานะรพีพงษ์ อย่างนั้นก็น่าจะพักอาศัยอยู่ที่นี่”
“คิดไม่ถึงว่าไอ้เศษสิวะนี่จะโชคดีขนาดนี้ ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ ฉันยังคิดว่าอยู่ในเมืองริเวอร์หลายปีมานี้ นอนอยู่ในสลัมซักอีก”วีธราเบะปาก
“ผมตรวจสอบมาแล้ว คฤหาสน์หลังนี้เป็นทรัพย์สินของคนที่ชื่อว่าศศินัดดา ซึ่งน่าจะเป็นแม่ยายของรพีพงษ์ ดังนั้นรพีพงษ์น่าจะโชคดี แต่งเข้าบ้านที่ดี”บอดี้การ์ดกล่าว
“เศษสวะอย่างเขา เป็นเรื่องจริงที่ว่าตอนที่โชคดีถึงจะสามารถเสพสุขได้”วีธราก็เห็นด้วย
“ก็ไม่รู้ว่าจักรพันธ์ของฉันอาศัยอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง ได้ยินมาว่าชื่อเสียงของรพีพงษ์อยู่ที่เมืองริเวอร์ไม่ดีมาก่อน และถูกรังแก ไอ้หมอนี่สมควรตายจริงๆ ถ้าจักรพันธ์ของฉันอยู่ที่แล้วต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเขา ต่อให้เขาจะปรโลกแล้ว ฉันก็จะทำให้มันไปอย่างไม่สงบสุข”วีธราแสดงท่าทางที่โหดร้าย ในใจก็รู้สึกว่าถ้าจักรพันธ์อาศัยอยู่ที่นี่ต้องทนทุกข์ทรมาน อย่างนั้นก็เป็นความผิดของรพีพงษ์
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูของคฤหาสน์ก็เปิดออก ศศินัดดาเดินออกมาจากด้านใน ไปที่ประตูรั้ว หลังจากที่เห็นวีธราและคนกลุ่มหนึ่ง ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยในใจ
“พวกคุณมาหาใคร?”ศศินัดดาถาม เธอรู้สึกผู้หญิงที่ยืมอยู่หน้าประตูคนนี้ดูหน้าคุ้นๆ ไม่รู้ว่าเคยเจอมาก่อนหรือว่ามีคนที่คล้ายกับเธอมาก
“รพีพงษ์อยู่บ้านหรือเปล่า ให้เขาออกมาพบฉัน”วีธราพูด เมื่อคิดถึงว่าจักรพันธ์มาใช้ชีวิตในฐานะของรพีพงษ์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดชื่อจักรพันธ์ออกมา
เมื่อศศินัดดาได้ยินว่าคนกลุ่มนี้มาหารพีพงษ์ ในใจก็กังวล รัศมีของคนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าทำให้คนตกใจ ที่มาคงจะไม่ธรรมดา โดยทั่วไปคนพวกนี้มาที่รพีพงษ์ ไม่มีเรื่องดีแน่
ศศินัดดาก็พูดอีกครั้งในใจว่ารพีพงษ์เป็นดวงหายนะจริงๆด้วย จากนั้นก็พูดกับวีธราว่า: “รพีพงษ์ถูกฉันขับไล่ออกไปบ้านแล้ว ดวงหายนะอย่างเขา ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในบ้านฉัน พวกคุณจะมาหารพีพงษ์ก็ไปหาที่อื่น เขามีปัญหาอะไรกับพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”
หลังจากที่วีธราได้ยินคำพูดของศศินัดดา สีหน้าก็เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะขับไล่รพีพงษ์ออกจากบ้าน เดิมทีเธอต้องการระเบิดโทสะ แต่ว่าเมื่อคิดถึงที่ศศินัดดาพูดถึงคือรพีพงษ์ ไม่ใช่จักรพันธ์ ไม่แน่ก่อนที่จักรพันธ์จะมา รพีพงษ์ก็ถูกขับไล่ออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงถามอีกครั้ง: “คุณไล่เขาไปเมื่อไหร่?”
“ก็วันนี้ เห็นสิ่งของพวกนั้นมั้ย ของพวกนั้นเป็นของรพีพงษ์ เดี๋ยวฉันก็จะให้พวกเก็บขยะ ไอ้หมอนี่ช่วงนี้นำพาแต่ความหายนะมาให้บ้านของเรา ไม่ดีเหมือนเดิม ตั้งแต่ที่เขากลับมาจากเกียวโต ก็ไม่มีอะไรพูดได้อีกล่ะ นับวันฉันยิ่งเห็นเขายิ่งขัดตา ถ้าไม่ใช่ว่าสู้เขาไม่ได้ ฉันลงมือกระทืบเขาไปตั้งนานล่ะ ดังนั้นรพีพงษ์ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเราแล้ว คุณจะหาเขา ก็ไปหาเขาที่อื่นเถอะ”
ศศินัดดาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าครอบครัวของตัวเองและรพีพงษ์ตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว เพราะกลัวว่ากลุ่มคนของวีธราหาเรื่องกับเธอเพราะรพีพงษ์
เมื่อวีธราได้ยินว่าศศินัดดาบอกว่าเธอเพิ่งจะไล่รพีพงษ์ออกไปวันนี้ ที่สำคัญเน้นย้ำว่าหลังจากที่รพีพงษ์กลับมาจากเกียวโต ก็ทำให้เธอขัดตาไปหมด ในมุมมองของวีธรา ศศินัดดากำลังบอกว่าจักรพันธ์คือดวงหายนะ
เนื่องจากรพีพงษ์เสียชีวิตที่เกียวโตแล้ว คนที่กลับมาคือจักรพันธ์
ใบหน้าของวีธราก็เคร่งขรึม เธอคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงสารเลวในสถานที่เล็กแห่งนี้จะกล้าว่าให้ลูกชายตัวเองเช่นนี้ ลูกชายของตัวเองมาที่นี่ พวกเขาควรจะถือว่าลูกชายตัวเองเป็นจักรพรรดิถึงจะถูก
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”วีธราจ้องมองไปที่ศศินัดดา น้ำเสียงมีความอาฆาต
ศศินัดดาตกใจกับคำพูดของวีธรา ความรู้สึกที่อยู่เหนือหัว ทำให้เธอหายใจไม่ออก
“มีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันเปิดประตู ฉันก็บอกกับพวกคุณไปแล้ว เศษสวะอย่างรพีพงษ์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราแล้ว พวกคุณจะหารพีพงษ์ก็ไปหาที่อื่น”ศศินัดดาจ้องมองไปที่วีธราแล้วพูด ในใจก็รู้สึกหวาดกลัว
เธอไม่เข้าใจในเมื่อตัวเองก็บอกไปแล้วว่าตัดขาดความสัมพันธ์กับรพีพงษ์แล้ว คนคนนี้ทำไมถึงได้ใช่ท่าทางแบบนี้คุยกับตัวเอง
หน้าอกของวีธราขยับขึ้นลง จักรพันธ์คือเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ ไม่ยอมให้ใครมารังแกเขา ยิ่งนับประสาอะไรกับคนในสถานที่เล็กๆอย่างเมืองริเวอร์ด้วยไม่ต้องพูดถึง
เธอหันไปมองบอดี้การ์ดของตัวเอง แล้วพูดว่า: “เปิดประตู ฉันจะสั่งสอนคนสารเลวที่รนหาที่ตาย”
เมื่อศศินัดดาได้ยินวีธราด่าว่าตัวเองเป็นคนสารเลว ก็ระเบิดทันที แล้วตะโกนทันที: “แกด่าใครว่าสารเลว รพีพงษ์ก็ถูกฉันไล่ออกไปแล้ว แกยังจะเข้ามาทำอะไรอีก? กลอนประตูนี้ต้องมีกุญแจถึงจะสามารถเปิดได้ พวกแกอยากเข้ามา ไม่มีทาง!”
บอดี้การ์ดไม่ได้สนใจศศินัดดาเลย แต่หยิบสิ่งที่ดูแปลกประหลาดออกมาจากมือของตัวเอง ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายกับกุญแจ มาวางกับประตูรั้ว และประตูก็เปิดออก
ศศินัดดาตกใจมาก ยังไงเธอก็คิดไม่ถึง ว่าประตูรั้วนี้จะเปิดออกได้ง่ายขนาดนี้
วีธราเดินเข้าไปข้างใน ยกมือขึ้นตบหน้าของศศินัดดาอย่างรุนแรงหนึ่งที แล้วด่า:แกกล้าว่าให้ลูกชายฉันเป็นดวงหายยานะเหรอ ต่อต้านจริงๆนะแก แล้วคนสารเลวอย่างแกคืออะไร แม้แต่ฉันคนของตระกูลลัดดาวัลย์ก็กล้าพูดจาพล่อยๆ!”
หลังจากพูดจบ วีธราก็ตบไปที่หน้าของศศินัดดาอย่างรุนแรงอีกหลายที
ศศินัดดาไม่ได้จะตอบโต้กลับ แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของวีธรา เธอก็ตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้บอกว่ารพีพงษ์เป็นลูกชายของเธอ ที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ แวบแรกที่ศศินัดดาคิดได้ ก็มีเพียงแต่ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโต
ในขณะนี้จู่ๆเธอก็จำใบหน้าของโยษิตาได้ ก็เข้าใจเลยทันทีว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่าวีธราหน้าคุ้นๆ ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของรพีพงษ์ อย่างนั้นเธอก็เป็นพี่สาวของโยษิตา ทั้งสองยังคงคล้ายกันอยู่บ้าง
คนของตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ควรจะมีปัญหาด้วย โยษิตาก็เป็นคนที่ท่าทางโหดอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สาวคนนี้ของเธอก็สุดยอดเช่นกัน หลังจากตบไม่กี่ที ทำได้เพียงแค่กลืนความคับข้องใจลงคอของตัวเอง เพียงแต่เรื่องที่ทำให้เธอไม่เข้าใจก็คือ รพีพงษ์เป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ใช่เหรอ ครั้งที่แล้วจักรพันธ์ถึงเป็นทายาทสืบทอดของตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ได้ยินว่าตัวเองไล่รพีพงษ์ออกไป ถึงได้โกรธขนาดนี้?
แม้ว่ารพีพงษ์จะถูกตระกูลลัดดาวัลย์ขับไล่ออกมา ในใจของผู้หญิงคนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองจะสามารถรังแกได้ง่ายๆ ศศินัดดาถอนหายใจในใจ ในเวลาเดียวกันก็คิดว่าการทำนายดวงออนไลน์นั้นแม่นยำจริงๆ รพีพงษ์เป็นดวงหายยานะจริงๆด้วย เรื่องบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเพิ่งจะจบลง คนของตระกูลลัดดาวัลย์ก็มา ถ้าหากว่ารพีพงษ์ไม่ได้อยู่ที่บ้านของพวกเขา จะมีเรื่องมากมายขนาดนี้ได้ยังไง
“จับตัวเธอมาให้ฉัน”วีธราพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินไปที่คฤหาสน์
บอดี้การ์ดจับตัวของวีธรา และเดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับเธอ
อารียายังคงโกรธศศินัดดา ในเวลานี้เธอได้ยินอะไรผิดปกติข้างนอก และไม่รู้ว่าใครมาที่บ้านในเวลานี้ ดังนั้นจึงเดินไปที่ประตู
ทันทีที่มาถึงประตู อารียาก็สบตาเข้ากับวีธรา ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เห็นวีธรา อารียารู้สึกถึงความกลัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ในใจ ราวกับว่าคนคนนี้สำหรับเธอคือปีศาจ
เธอถอยไปด้านหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ วีธราเดินเข้ามาคฤหาสน์ บอดี้การ์ดก็เดินเข้ามาพร้อมกับศศินัดดา บรรยากาศในคฤหาสน์ก็เริ่มกลายเป็นหดหู่ขึ้นมา
เมื่อศักดาเห็นว่าศศินัดดาถูกจับ ก็รีบเดินไป แล้วถามว่า: “พวกแกทำอะไร ทำไมต้องจับตัวภรรยาของฉันด้วย? รีบๆปล่อยตัวเธอเดี๋ยวนี้นะ!”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า ยกเข่าขึ้น และกระแทกเข้าที่ท้องของศักดา ศักดาก็ร้องโอดโอย หมดแรงที่จะต้านทาน
อารียาจ้องมองไปที่วีธราอย่างกังวล แล้วถาม: “คุณ….พวกคุณเป็นใคร? ทำไมต้องลงไม้ลงมือกับพ่อแม่ฉันด้วย?”
“คนสารเลวเช่นนี้ ฉันอยากจะกระทืบก็กระทืบไปแล้ว จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”วีธรากล่าวด้วยความรังเกียจ
อารียาขมวดคิ้วทันที แล้วพูดว่า: “พวกคุณรีบปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”
วีธราเบะปากให้กับอารียา จากนั้นก็มองอารียาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูด: “เธอก็คืออารียาใช่ไหม? ก็สวยใช้ได้เลยนะ น่าเสียดายอยากจะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลลัดดาวัลย์ยังห่างไกลอีกมาก นับประสาอะไรกับเป็นภรรยาของเศษสวะรพีพงษ์ ในช่วงเวลาที่ลูกชายของฉันอยู่ที่นี่ เธอทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างดีหรือเปล่า?”
“คุณ….คุณเป็นแม่ของรพีพงษ์เหรอ?”อารียาเบิกตากว้าง และมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเธอด้วยความไม่เชื่อ
วีธราตบไปที่หน้าอารียาหนึ่งที ตะโกนว่า: “เศษสวะอย่างรพีพงษ์มีสิทธิ์อะไรมาเป็นลูกชายของฉัน ลูกชายของฉันมีเพียงจักรพันธ์คนเดียว”
อารียากุมหน้าตัวเองไว้ ในใจก็เกิดความคิดมากมายขึ้น จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่าทำไมวีธราจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
ก่อนหน้านี้รพีพงษ์เคยบอกกับเธอว่า จักรพันธ์ถูกจับตัวไปแล้ว ขังไว้ที่ของธฤตญาณ แต่ว่าเรื่องนี้ ตระกูลลัดดาวัลย์ที่เกียวโตไม่รู้
ตอนนี้วีธราเข้ามาถามว่าลูกชายของเธอเป็นอย่างไร คงคิดว่าจักรพันธ์ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะรพีพงษ์ ถ้าหากวีธรารู้ว่าจักรพันธ์ถูกรพีพงษ์จับตัวไว้ อย่างนั้นพวกเขาก็คงจบเห่แน่
อารียาไม่สนใจที่ตัวเองโดนตบไปหนึ่งที แต่คิดอย่างรวดเร็วว่า จะต้องทำยังไงไม่ให้วีธรารู้ว่าจักรพันธ์ถูกรพีพงษ์จับตัวไว้ ไม่อย่างนั้น วีธราคงจะลงมือกับรพีพงษ์แน่นอน
ศศินัดดาที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นเพราะตัวเองบอกว่าไล่รพีพงษ์ออกไป เลยตบตีตัวเอง ตอนนี้อารียาบอกว่ารพีพงษ์เป็นลูกชายของเธอ เธอกลับตบอารียา ซึ่งทำให้เธอสับสนตกลงผู้หญิงคนนี้หมายความว่ายังไงกันแน่
“ฉันไม่รู้ที่คุณพูดคือใคร ที่นี่เป็นบ้านของเรา คุณไปเถอะ บ้านของเราไม่ต้อนรับพวกคุณ”อารียาพูด ท่าทางของเธอตอนนี้คือไม่สามารถแสดงออกว่ารู้ตัวตนของจักรพันธ์ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะเปิดเผยออกมา
ในขณะนี้จู่ๆศศินัดดาก็ตอบสนองกลับมาครั้งก่อนคนที่คล้ายกับรพีพงษ์ก็มีนามชื่อว่าจักรพันธ์ และกล่าวว่า: “คนที่ชื่อจักรพันธ์ก็คือชื่อจักรพันธ์ใช่มั้ย ที่คล้ายไปกับรพีพงษ์? เ ขาไปตั้งนานแล้ว คุณหาผิดที่แล้ว ขอร้องคุณล่ะอย่าทำให้บ้านเราลำบากใจเลย”
วีธราจ้องมอง และถาม: “แกรู้ชื่อลูกชายฉันได้ยังไง? ทำไมเขากลับไปตั้งนานแล้ว หลายวันก่อนเขาบอกฉันว่าอยู่ที่นี่มีความสุขมาก!”
อารียาหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ศศินัดดาอย่างหมดหนทาง หัวใจของเธอเต้นระรัวและเต้นแรงไม่หยุด ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเขา มันจะเป็นเรื่องยากที่จะผ่านพ้นภัยอันตรายครั้งนี้
ในตลาดผัก
หลังจากจัดการปัญหาเสร็จแล้ว รพีพงษ์และธฤตญาณชนิสราทั้งสามคนหลังจากที่ซื้อผักเสร็จก็เดินออกมาข้างนอกพร้อมกัน
ตาของชนิสรากระตุกตลอดเวลา รู้สึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ จึงพูดกับรพีพงษ์: “รพีพงษ์ ตอนนี้พวกเรารีบกลับกันเถอะ ที่บ้านยังรอให้ฉันซื้อผักไปทำอาหาร”
รพีพงษ์พยักหน้า หันไปพูดกับธฤตญาณ: “พวกเรากลับก่อนล่ะ นายก็ไปทำธุระของตัวเองเถอะ”
ธฤตญาณยิ้มแล้วมองไปที่ชนิสรา และพูด: “พี่สา พี่กลับไปเองก่อนเถอะ ผมมีเรื่องจะคุยกับรพีพงษ์หน่อย อาหารวันนี้เขาก็ไม่กลับไปทานแล้ว”
รพีพงษ์มองไปที่ธฤตญาณอย่างสงสัย แล้วถาม: “นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน?”
“เกี่ยวกับจักรพันธ์ นายไปที่สถานบันเทิงสตาร์กายกับฉันหน่อย ตอนแรกวันนี้ฉันว่าจะไปหานายพอดี แต่คิดไม่ถึงจะบังเอิญเจอกับเรื่องนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหานายแล้ว”ธฤตญาณกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องจักรพันธ์ ก็พยักหน้าให้กับธฤตญาณ แล้วพูดชนิสรา: “พี่สา พี่กลับไปก่อนเถอะ ผมจะไปกับธฤตญาณ”