พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 258 ช่างเป็นผู้ชายที่เชี้ยจริง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 258 ช่างเป็นผู้ชายที่เชี้ยจริง
บทที่258 ช่างเป็นผู้ชายที่เชี้ยจริง
ไตรทศที่ล้มลงบนพื้นเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่จักรพันธ์ หลังจากเห็นว่าเขามีรูปร่างหน้าเหมือนกับรพีพงษ์ ใบหน้าของเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
เพียงแค่ตอนนี้จมูกและใบหน้าของจักรพันธ์บวมเขียวช้ำ แต่ว่าไม่ได้มีท่าทางสงบเหมือนรพีพงษ์เลย และเพียงแค่ฟังคำพูดของจักรพันธ์ ไตรทศก็แน่ใจแล้วว่า คนคนนี้ไม่ใช่รพีพงษ์
“แกเป็นใคร ทำไมถึงจะลงมือจัดการกับเธอ?”ไตรทศกัดฟันและถาม
จักรพันธ์แสยะยิ้ม แล้วพูด: “กูอยากจะทำอะไรกับใคร ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? ถ้าจะพูดเหตุผลจริงๆ อย่างนั้นก็เป็นเพราะว่าหล่อนสวยมาก แล้วยังเป็นภรรยาของรพีพงษ์ ถ้ามีอะไรกับหล่อนก็คงจะตื่นเต้นมากเลยทีเดียว”
ทันใดนั้นไตรทศก็กำหมัดแน่น และกัดฟันพยายามที่จะลุกขึ้นสู้กับจักรพันธ์
ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างจักรพันธ์เตะไตรทศหนึ่งที และเตะไตรทศออกไปไกลไม่กี่เมตร
“ไอ้ของเศษสวะแบบนี้ก็กล้าที่จะขัดขวางฉัน? ฝันไปเถอะ! พวกเราไปกันเถอะ ตอนนั้นฉันเห็นว่าใกล้ๆนี้ที่นี่มีKTV พวกเราไปเล่นๆที่นั่นกันเถอะ”จักรพันธ์ด่าแล้ว จากนั้นก็พากลุ่มคนเดินออกจากซอยไป
เขาไม่กังวลว่าไตรทศจะเรียกกำลังเสริมตามมาหาเขา ดังนั้นจึงจงใจพูดให้ไตรทศได้ยินว่าเขาจะไปที่ไหน ถึงยังไงก็มียอดฝีมือของตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ด้วย เขาก็ไม่กลัวใครหน้าไหนในเมืองริเวอร์
หลังจากที่พวกเขาไปได้ไม่นาน ไตรทศก็หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา โทรศัพท์หาธฤตญาณ ให้ธฤตญาณรีบพาคนมา
ในขณะนี้บนหลังคาในซอย ชายในชุดกีฬาสีดำยืนเกาะอยู่ ที่หน้าอกของเสื้อผ้าของเขา มีเครื่องหมายพิเศษ ข้างล่างเขียนอยู่สองตัวTY
เขาจ้องมองไปที่ไตรทศและคนอื่นๆในซอย แล้วมองไปยังสถานที่ที่จักรพันธ์จากไป จากนั้นก็กระโดด และหายไปจากบนหลังคา
ระหว่างทางไปดงเย็น บนรถแท็กซี่ รพีพงษ์มองไปที่จารุณีที่อยู่ข้างๆตัวเองอย่างหมดหนทาง ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เดิมทีเขากลับเมืองริเวอร์ ก็ไม่ได้วางแผนว่าจะพาประดิพุทธิ์และจารุณีมาด้วย ดังนั้นจึงให้ประดิพุทธิ์ซื้อแค่ตั๋วของตัวเขา
เดิมทีประดิพุทธิ์ก็ว่าจะตามมาด้วย แต่รพีพงษ์ต้องการให้ใครสักคนคอยจับตาดูสถานการณ์ในเกียวโต อำเภอนกฟ้าอยู่ใกล้กับเกียวโตมาก ประดิพุทธิ์ต้องการรับรู้ข่าวสารจากเกียวโต เป็นเรื่องง่ายมาก ดังนั้นรพีพงษ์ก็เลยให้ประดิพุทธิ์อยู่ที่อำเภอนกฟ้าต่อ เพื่อช่วยเขาจับตาดูสถานการณ์ของเมืองเกียวโต
สำหรับจารุณี รพีพงษ์ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะพากลับมา เขาสั่งให้ประดิพุทธิ์รอให้เขาไปแล้ว ก็ให้ส่งจารุณีกลับไป
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อตอนที่เขาลงจากเครื่องบิน ก็พบว่าจารุณีได้ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเองและตามมาถึงที่นี่ เพราะเขาซื้อเครื่องบินที่ใกล้เวลาที่สุด และจารุณีก็สามารถเดาได้อย่างง่ายดายว่าเป็นเที่ยวบินไหน
ตัวคนก็มาถึงที่เมืองริเวอร์แล้ว รพีพงษ์ก็คงไม่สามารถทิ้งจารุณีได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพาจารุณีรีบกลับมาที่บ้านพร้อมกัน
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของรพีพงษ์ดังขึ้น และประดิพุทธิ์ก็โทรมา
“พี่รพี แย่แล้ว เด็กโง่จารุณีหายตัวไป ผมตามหาอยู่ค่อนวัน ก็หาไม่เจอว่าเธออยู่ที่ไหน”เสียงกังวลของประดิพุทธิ์ดังขึ้น
“เธออยู่กับฉัน”รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“อะไรนะ? ทำไมหล่อนถึงไปอยู่กับพี่ได้? ตอนที่พี่ไป ทั้งๆที่ผมก็จับตามองหล่อนไม่ปล่อยให้หล่อนเข้าไป”ประดิพุทธิ์พูดอย่างสงสัย
รพีพงษ์พูดไม่ออก และวางสายโทรศัพท์
จารุณีหันไปมองรพีพงษ์และ พูดด้วยความโกรธ: “หึ นายอย่าคิดนะว่าจะทิ้งฉันไปได้แบบนี้ นายและฉันเป็นคนที่นอนบนเตียงเดียวกันแล้ว ชาตินี้นายไม่หนีไม่พ้นหรอก!”
คนขับรถด้านหน้าได้ยินคำพูดของจารุณี ก็มองไปที่กระจกมองหลัง แล้วพบว่าจารุณียังเด็กมาก และดูไม่เหมือนผู้ใหญ่ ก็สงสัยว่ารพีพงษ์กำลังลักพาตัวค้าประเวณีหญิงสาว
แต่หลังจากคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นจารุณีตามตื๊อไม่ปล่อยรพีพงษ์ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจในใจ ไอ้หมอนี้เป็นผู้ชายที่สารเลวจริงๆ ดูแล้วก็คงหลอกลวงหญิงสาวไร้เดียงสาให้รักแล้วไม่อยากจะรับผิดชอบ
“เดี๋ยวถ้าถึงบ้านฉัน ถ้าเธอยังจะพูดเรื่องนี้อีก ฉันก็จะขับไล่เธอออกมาเลยทันที ได้ยินมั้ย”รพีพงษ์พูดอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนที่จารุณีจะพูดขึ้น คนขับก็พึมพำขึ้นมา: “มีอะไรเหรอ คุณหลอกเด็กผู้หญิงคนนี้มาแล้ว คุณยังไม่ต้องการรับผิดชอบเหรอ เป็นผู้ชายที่สารเลวจริงๆ”
เมื่อจารุณีได้ยินคนขับรถช่วยพูดแทนเธอ ก็หัวเราะขึ้นมาทันที และตอบกลับทันที: “ก็ใช่ๆ ผู้ชายสารเลว!”
รพีพงษ์หน้าดำหน้าแดง ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้หน้าคนขับฟัง
หลังจากที่ถึงหน้าประตูดงเย็น รพีพงษ์และจารุณีทั้งสองคนก็ลงมาจากบนรถ คนขับรถก็ตะโกนบอกรพีพงษ์ด้วยความโกรธ: “ดีกับผู้หญิงเขาหน่อย อย่าทำแล้วหน้าด้านไม่รับผิด คนแบบพวกแกฉันเจอมาเยอะ ไอ้พวกคนที่ไม่สนใจไยดีลูกสาวบ้านคนอื่น สุดท้ายก็มีจุดจบที่ไม่ดี”
เมื่อพูดจบ คนขับรถก็ไม่เก็บเงิน ก็ขับรถออกไปทันที
รพีพงษ์จ้องมองจารุณีอย่างเอือมระอา แต่ก็พบว่าดวงตากลมโตไร้เดียงสาสองข้างจ้องมองมาที่เขา ในขณะที่เขาก็กลืนคำพูดที่ต้องการจะตำหนิกลับไป
“ตามฉันมา แต่บอกไว้เลยนะ ว่าถ้าเธอกล้าพูดจาเหลวไหลอะไรต่อหน้าภรรยาฉัน ฉันไม่เกรงใจเธอแน่”รพีพงษ์กล่าว ด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
“รู้แล้วรู้แล้วนะ รีบเข้าไปเถอะ”จารุณีพูดอย่างรำคาญ
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในดงเย็นด้วยกัน ตลอดทางจนถึงกลางคฤหาสน์ เมื่อมองดูแสงไฟในคฤหาสน์ อารมณ์ของรพีพงษ์ ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เห็นศศินัดดาและศักดากำลังดูโทรทัศน์ที่อยู่บนโซฟา ก็ตะโกน: “พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว”
ศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าตอนนี้อารียาถูกจักรพันธ์จับตัวไปแล้ว เนื่องจากอารียาออกไปข้างนอกยังไม่นานนัก พวกเราคิดว่าตอนนี้อารียากำลังเดินเล่นผ่อนคลายที่ข้างนอก
ตอนนี้ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ ศศินัดดาและศักดาต่างก็รีบหันหน้าไปมอง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบลุกขึ้นจากโซฟา
พวกเขาคิดว่าเป็นไอ้คนหลอกลวงก่อนหน้าที่เข้ามา ดังนั้นในใจก็เลยรู้สึกหวาดกลัว
“คุณ….คุณกลับมาอีกทำไม ระหว่างคุณและรพีพงษ์ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา เมื่อก่อนรพีพงษ์แต่งเข้าบ้านของพวกเรา พวกเราก็ถูกบังคับจนหมดหนทางนะ คุณปล่อยพวกเราไปเถอะ อย่ามาหาเรื่องพวกเราเลย”ศศินัดดากล่าว
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วพูด: “แม่ แม่กำลังพูดอะไร ผมก็คือรพีพงษ์”
ศศินัดดาจ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างละเอียดรอบคอบ ก็พบว่ารพีพงษ์คนนี้แตกต่างจากคนก่อนหน้านี้ แต่ว่าอารียาบอกว่ารพีพงษ์ตัวจริงนายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแสดงหรือเปล่า
“นายบอกว่าคือรพีพงษ์ อย่างนั้นนายบอกฉันมาซิ ว่าวันเกิดลูกสาวของฉันวันไหน”ศักดาถาม
รพีพงษ์ก็รีบพูดวันเกิดของอารียาออกมาทันที จากนั้นก็พูดในสิ่งที่สามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ ศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนถึงค่อยเชื่อว่าคนตรงหน้านี้คือรพีพงษ์
“แกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาล่ะ?”ศศินัดดาถามด้วยความสงสัย
ในเวลานี้จารุณีก้าวไปข้างหน้าอย่างรู้สึกละอาย และกล่าวว่า: “คุณน้า ขอโทษด้วยนะคะ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่ารพีพงษ์ตายแล้ว คือหนูแค่ล้อเล่นเองค่ะ พวกท่านอย่าได้ถือสาเลยนะคะ”
ศศินัดดาจ้องมองไปที่จารุณี แล้วถาม: “แล้วนี่เธอเป็นใคร?”
ตอนนี้รพีพงษ์ใจร้อนอยากรู้ว่าอารียาอยู่ที่ไหน ดังนั้นเลยขัดจังหวะศศินัดดา แล้วพูด: “แม่ เรื่องนี้เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้แม่ฟังทีหลัง แม่บอกมาก่อนว่าตอนนี้แคลร์อยู่ที่ไหน”
ศศินัดดาเหลือมองรพีพงษ์ แล้วพูด: “เธอคิดว่าแกตายแล้ว ก็เลยออกไปเดินเล่นคนเดียว”
“เธอไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยเหรอครับ?”รพีพงษ์ถาม
“ไม่ได้เอาไปด้วย รพีพงษ์ ในเมื่อแกยังมีชีวิตกลับมาอยู่ อย่างนั้นฉันก็จะพูดถึงแกหน่อยล่ะ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าหลอกพวกเรา บอกว่าเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ทายาทของที่แท้จริงของตระกูลลัดดาวัลย์ได้มาหาพวกเราถึงที่บ้านแล้ว กิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่อะไรที่เกี่ยวข้องกับแกเลยแม้นิดเดียว เสียดายที่ก่อนหน้านี้ฉันทำดีกับแก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องโกหก ทำให้ฉันเสียความรู้สึก ท้ายที่สุด แกก็ยังเป็นเพียงแค่ได้เศษสวะ ไม่มีทางที่จะนำผลประโยชน์ใดๆมาให้ตระกูลของพวกเรา!”ศศินัดดาประณามรพีพงษ์
“แม่ว่าอะไรนะ! จักรพันธ์มาที่แล้วเหรอ?”หัวใจของรพีพงษ์สะเทือนเบาๆ
“ฉันไม่รู้ว่าคนคนนั้นชื่ออะไร ยังไงก็ตามรูปร่างหน้าตาเหมือนกับแกมาก ถ้าไม่ใช่ว่าอารีจับได้ ไอ้คนคนนั้นยังอยากจะปลอมเป็นแกตีเนียนอยู่กินฟรีที่บ้านฉัน ไม่รู้จริงๆว่าคนแบบนี้เป็นคนประเภทแบบไหนกัน ทั้งที่เป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ยังคงคิดที่จะมาหลอกบ้านของเรา”ศศินัดดาพึมพำ
เธอไม่เข้าใจว่าจักรพันธ์มาที่นี่ทำไม แต่รพีพงษ์รู้ดี ว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการอารียาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะถูกอารียามองออก แต่ตอนนี้อารียาออกไปข้างนอกคนเดียว คนอย่างจักรพันธ์ ลงมือกับเธออีกแน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในขณะนี้อารียาอาจยังตกอยู่ในอันตราย
“แม่ แม่รู้หรือเปล่าว่าอารียาไปเดินเล่นที่ไหน ตอนนี้เธอน่าจะตกอยู่ในอันตรายมาก ผมต้องรีบไปช่วยเธอโดยเร็ว”รพีพงษ์พูดอย่างกังวล
ศศินัดดาเบะปากใส่รพีพงษ์ แล้วพูด: “อย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย แกยังไม่ได้พูดเรื่องทายาทตระกูลลัดดาวัลย์ให้ฉันฟังอย่างชัดเจนเลย แกไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ อย่างนั้นก็ตายดีไปเลยยังจะดีกว่า แบบนี้ฉันก็ยังสามารถหาผู้ชายดีสักคนให้ลูกสาวของฉัน ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้แกจะกลับมา ฉันว่าแกอยากเห็นบ้านเราดีไม่ใช่เหรอ แกรีบไสหัวออกไปให้พ้นๆ เพื่อให้อารียาคิดว่าแกตายไปแล้ว แกก็เหลือเงินค่าชีพไว้ให้ด้วยไม่กี่ล้าน แบบนี้มันก็ดีสำหรับทุกคน”
จารุณีที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป และตะโกนตรงไปที่ศศินัดดา: “ทำไมคุณถึงน่ารังเกียจขนาดนี้ เลวร้ายกว่าแม่นมหยงสักอีก”
“เห้ยนังเด็กบ้านี่ เธอว่าใครเป็นแม่นมหยง เธอกลับไปพร้อมกับรพีพงษ์ไปเลย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของดีอะไร ที่นี่คือบ้านของฉัน เธอรีบไสหัวออกไปให้พ้นๆหน้าฉัน!”ศศินัดดาท่าทางจะทะเลาะกับจารุณี
จารุณีก็รีบหลบด้านหลังรพีพงษ์ แล้วทำหน้าทะเล้นใส่ศศินัดดา
รพีพงษ์รู้สึกรำคาญ ในหัวของเขาตอนนี้แค่อยากจะหาที่อยู่ของอารียาให้เร็วที่สุด เพียงเพื่อแน่ใจว่าเธอปลอดภัยดี เขาถึงจะรู้สึกโล่งอก
ในเวลานี้โทรศัพท์ของรพีพงษ์ก็ดังขึ้นมา รพีพงษ์หยิบมือถือออกมาดู คือธฤตญาณที่โทรเข้ามา
เขารีบรับโทรศัพท์ทันที เสียงที่ดังมาจากด้านธฤตญาณดูแปลกๆ: “รพีพงษ์?”
“ฉันเองนะ ไตรทศยังติดตามภรรยาฉันอยู่หรือเปล่า ให้เขารีบบอกฉันมาว่าภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน”รพีพงษ์พูดตรงๆ
“เมื่อกี้ไตรทศโทรมาบอกฉันว่าภรรยานายถูกคนจับตัวไปแล้ว อีกฝ่ายก็ยังบอกว่านายตายแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ในร้านktv ตอนนี้และฉันกำลังรีบไปที่นั่น”ธฤตญาณกล่าว
ในเวลานั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากไตรทศ หลังจากได้ยินคำอธิบายของไตรทศก็ตกใจ แต่ว่าเขายังถือได้ว่าค่อนข้างใจเย็น อย่างแรกคือโทรหารพีพงษ์เพื่อให้แน่ใจก่อน หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ยังไม่ตาย เขาก็โล่งใจเช่นกัน
“ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่เมืองริเวอร์ บอกตำแหน่งมาให้ฉันเร็วๆ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจะอธิบายให้นายฟังเอง”รพีพงษ์พูดอย่างกังวล
ธฤตญาณก็รีบบอกสถานที่ที่ไตรทศบอกกับเขาให้กับรพีพงษ์ สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากดงเย็น อยากจะรีบไปก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงที่นั่น
ในใจของรพีพงษ์ก็ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอารียาเลย จากนั้นก็จะออกเดินทางอย่างรวดเร็ว และรีบไปช่วยอารียา
เมื่อศศินัดดาเห็นรพีพงษ์จะออกไป ก็รีบวิ่งไปที่หน้าประตู แล้วขว้างเขาไว้
“รพีพงษ์ ฉันพูดกับแกอยู่ตกลงแกได้ยินหรือไม่ได้ยิน ฉันให้แกแกล้งตายด้วยตัวเอง จากนั้นก็ออกจากเมืองริเวอร์ซะ ที่สำคัญฉันรู้ว่าแกมีเงิน ก่อนที่แกจะไป แกต้องเหลือเงินไว้ทิ้งให้ฉันไม่กี่ล้านให้ฉันด้วย ไม่อย่างนั้น วันนี้แกก็อยากคิดจะได้ออกไปจากประตูนี้เลย!”