พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 233 คุณแพ้แล้ว
บทที่ 233 คุณแพ้แล้ว
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าท้าทายท่านอาจารย์ญาธิปผู้เล่นหมากรุกระดับประเทศ มันจะต้องมีความกล้าขนาดไหน ที่จะพูดแบบนี้ได้
“รพีพงษ์ก็หยิ่งผยองเกินไป แม้แต่ท่านอาจารย์ญาธิปยังกล้าท้าทาย หรือเขาคิดว่าเขาสามารถเอาชนะนวัสสัยได้ ก็สามารถแข่งชนะกับท่านอาจารย์ญาธิปได้?”
“เป็นเด็กที่โง่เขลาจริงๆ ท่านอาจารย์ญาธิปเป็นผู้เล่นหมากรุกระดับประเทศ เขาสามารถชนะนวัสสัยได้ ก็เพราะว่าโชคดี แล้วสถานการณ์เกมนี้ของเขาก็เหมือนกับเกมก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็เคยเห็นสถานการณ์เกมไปก่อน โอกาสที่จะชนะได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากเขาคิดว่าสามารถแข่งกับท่านอาจารย์ญาธิปได้ด้วยวิธีนี้ ซึ่งนั่นก็ดุไร้เดียงสามากจริงๆ”
“คนหนึ่งที่น่ากลัวก็คือไม่ยอมรับสถานะของตัวเอง เช่นเดียวกับคนอย่างรพีพงษ์ ถึงขนาดถูกขับไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ยังรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น ในไม่ช้าก็จะตกม้าตายด้วยความหยิ่งผยองของตัวเอง”
……
หลังจากที่ญาดาได้ยินรพีพงษ์อยากจะท้าทายญาธิป ก็ขมวดคิ้ว เธอเดินตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “รพีพงษ์ นายกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร ความสามารถของท่านอาจารย์ญาธิปไม่ใช่สิ่งที่นายสามารถคาดเดาได้ นายรีบขอโทษท่านอาจารย์ญาธิปเดี๋ยวนี้”
“เขาสามารถเป็นถึงผู้เล่นหมากรุกระดับประเทศได้ ความสามารถไม่ได้อ่อนแอ แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง เนื่องจากฉันสามารถเอาชนะลูกศิษย์ของเขามาแล้ว อย่างนั้นแข่งขันกับเขาอีกครั้งจะดีกว่า เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่คิดว่าฉันชนะลูกศิษย์ของเขาได้ด้วยโชคช่วย”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อญาดาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็กัดริมฝีปาก และพูดว่า: “รพีพงษ์ ไม่ว่านายจะมั่นใจแค่ไหน นายก็ไม่สามารถชนะท่านอาจารย์ญาธิปได้ ดังนั้นอย่ามาคิดเพ้อฝันที่นี่เลย!”
หลังจากพูดจบ ญาดาก็โกรธและเดินไปที่เก้าอี้ข้างๆแล้วนั่งลง
รพีพงษ์ก็ไม่สนใจ แต่มองไปที่ญาธิป แล้วถาม: “ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ญาธิปจะกล้าแข่งกับผมสักเกมมั้ยครับ?”
ญาธิปตะคอกอย่างเย็นชา แล้วพูด: “แค่รุ่นน้องคนหนึ่งที่กำลังเข้าสู่วงการเอง มีอะไรไม่กล้า กลัวแค่ว่าถึงเวลานายแพ้ขึ้นมา ถูกทุกคนหัวเราะเยาะ แล้วจะหาเรื่องอีก”
“ผมรพีพงษ์ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ที่สำคัญ….ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะแพ้”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็หัวเราะเยาะ ดูเหมือนว่ารพีพงษ์กำลังพูดจาโอ้อวด
ตาสีทองจ้องมองรพีพงษ์ แล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และพึมพำ: “อารมณ์ยังไม่คงที่เล็กน้อย ทักษะหมากรุกของญาธิปสามารถพูดได้ว่าอยู่ในห้องโถง ระดับนี้ต้องใช้เวลาในการปรับอารมณ์ ไม่ใช่แค่การพึ่งพาความสามารถก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าวันนี้จะบางอย่างเกิดขึ้น”
นวัสสัยลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ และในเวลานี้ เขารู้สึกโล่งใจจากความล้มเหลวเมื่อกี้นี้ ตอนนี้ได้ยินว่ารพีพงษ์กำลังจะท้าทายญาธิป ใบหน้าก็แสยะยิ้มออกมา
“อย่างนายเหรออยากท้าทายอาจารย์ของฉัน ตลกสิ้นดี ทักษะการเล่นหมากรุกของเขาเก่าแก่ เป็นถึงระดับที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ว่านายจะสามารถท้าทายได้ง่ายๆ”นวัสสัยกล่าว
“ฉันสามารถท้าทายได้ไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนพ่ายแพ้อย่างนายจะมีสิทธิ์มาออกความคิดเห็นได้”รพีพงษ์กล่าว
“แก!”นวัสสัยกำหมัดแน่นทันที โดยหวังว่าตอนนี้จะพุ่งเข้าไปชกรพีพงษ์สักสองสามหมัด
“หึ ฉันไม่ถือสานายหรอก ต่อให้นายชนะฉันแล้วยังไงล่ะ นายก็เป็นแค่ลูกที่ถูกทอดทิ้งแล้วขับไล่ออกจากตระกูล การมีอยู่ของนาย ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับฉัน!”นวัสสัยส่งเสียงอย่างเย็นชา ออกจากที่นั่ง แล้วก็ไม่โต้เถียงกับรพีพงษ์ต่อ
ญาธิปเดินไปตรงข้ามกับรพีพงษ์ และนั่งลงตำแหน่งที่นวัสสัยเคยนั่ง
รพีพงษ์จัดกระดานหมากรุกให้ดี ยิ้มแล้วมองไปที่ญาธิป แล้วพูดว่า: “เชิญเลยครับ”
ญาธิปก็ไม่ได้พูดอะไร เดินหมากดำก่อน คิดในใจว่าต้องเอาชนะรพีพงษ์ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นหางของเด็กนี่ก็จะลอยขึ้นฟ้า
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างจดจ่อกับการดูทั้งสองคนแข่งกัน ในใจของพวกเขา คิดว่ารพีพงษ์แพ้ไปแล้ว
“ในความคิดของฉัน ให้ท่านอาจารย์ญาธิปสั่งสอนเด็กหยิ่งผยองคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร อย่างน้อยก็ทำให้ตัวขอเขาเองรู้ว่าก่อนจะทำอะไรบางสิ่งบางอย่างควรชั่งน้ำหนักดูก่อนว่าตัวเองสามารถทำได้มั้ย อีกหน่อยจะได้ไม่อาละวาดต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้”
“พูดได้ถูก ถึงแม้ว่าวันนี้จะรู้ผลดีแล้วว่าท่านอาจารย์ญาธิปชนะแน่นอน งั้นเราก็มาเดากันดูว่า ไอ้เด็กนี่จะสู้อยู่ในมืออาจารย์ได้นานแค่ไหนกัน”
“ฉันคิดว่าไม่น่าจะถึงสิบนาที ไอ้เด็กนี่ก็ต้านทานท่านอาจารย์ญาธิปไม่ไหวแล้ว”
“สิบนาทีน้อยไป ตอนที่เขาแข่งกับนวัสสัย ระดับความสามารถก็ไม่ได้อ่อนนะ ฉันว่าน่าจะสามารถอยู่ต่อไปได้ยี่สิบนาที”
……
เมื่อทุกคนจ้องมองการแข่งขันระหว่างรพีพงษ์และญาธิปอย่างตั้งใจ วีธราและโยษิตาก็เดินไปที่ประตู ในตอนนี้ใบหน้าของวีธราซีดเซียว ริมฝีปากก็ซีด ดูไปแล้วเหมือนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง และเหมือนกับเป็นโรคร้ายแรงอะไร
วีธราไม่ได้เจ็บปวดอะไร แต่เพื่อจัดการกับรพีพงษ์ เธอเลยจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเจ็บป่วย ใบหน้าที่ซีดเซียวก็แค่การแต่งหน้าเอง
“ไอ้เศษสวะนี่กล้าแข่งหน้ากับท่านอาจารย์ญาธิป ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ทำไมฉันถึงได้คลอดลูกที่หยิ่งผยองและงมงายแบบนี้ออกมาได้ ตอนนั้นไม่น่าคลอดมันมาออกมาเลย”วีธราขมวดคิ้วแล้วมองไปรพีพงษ์ที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พี่อย่าพูดแบบนี้สิ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูกชายของพี่ และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่นะ”โยษิตาที่อยู่ข้างๆกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขแบบนี้ มันเกิดมาจากการถูกบังคับ เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนนทภู ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่ยอมรับว่ามันเป็นลูกชายของฉัน ฉันมีลูกเพียงแค่คนเดียว นั้นก็คือจักรพันธ์ของฉัน”วีธรากล่าว
ครั้งนี้โยษิตาหัวเราะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
“ใช่แล้ว วันนี้ฉันให้เธอจัดการข้าวปลาอาหารเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง? วันนี้ยังไงพวกเราก็ต้องจับตัวมันไว้ให้ได้ รอพรุ่งนี้ค่อยส่งตัวมันให้กับหอการค้าสมน. ฉันไม่ต้องการให้จักรพันธ์อยู่ในห้องใต้ดินอีกต่อไป”วีธราถาม
“เตรียมเสร็จแล้ว รอแค่ให้รพีพงษ์มาหาพี่ เราก็สามารถลงมือกับเขาได้ ฉันเดาว่าเล่นเกมนี้เสร็จก็น่าจะไปหาพี่”โยษิตากล่าว
วีธราเบะปาก แล้วพูด: “ถึงยังไงมันก็ไม่สามารถชนะท่านอาจารย์ญาธิปได้ ตอนนี้ฉันกลับไปเตรียมตัวก่อน แค่คิดว่าฉันต้องแสร้งทำเป็นแม่ต่อหน้าไอ้เศษสวะนี้ ก็รู้สึกคลื่นไส้”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็หันหลังและออกจากที่นี่ไป
โยษิตาหันกลับไปมองรพีพงษ์ในห้องโถง บนใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ออกจากที่นี่ไป
รพีพงษ์จ้องไปที่กระดานหมากรุกอย่างตั้งใจ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับของญาธิปอยู่ห่างจากระดับของนวัสสัยมาก ญาธิปสามารถกลายเป็นผู้เล่นหมากรุกระดับประเทศได้ ก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่
ความเข้าใจในต่อศิลปะหมากรุกของรพีพงษ์นั้น ไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากใช้เทคนิคเล็กน้อยกับญาธิป รพีพงษ์พบวิธีการเล่นของญาธิป แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปได้เลย
การที่คนสองคนเล่นหมากรุก มันเหมือนกับการปะทะกันระหว่างความคิดของคนคนสองคน ที่มีความคิดและบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน และเมื่อเล่นหมากรุกจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน
ความสามารถของรพีพงษ์สามารถเพียงพอช่วยเขาได้ในเวลาสั้นๆ เพื่อหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม และสามารถโต้กลับได้พร้อมๆกัน เพียงแค่ต้องหาวิธีการที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่มีทางที่คู่ต่อสู้จะชนะได้
ญาธิปเป็นผู้เชี่ยวชาญในเกมหมากล้อม แต่ก็เป็นเพราะชื่อเสียงของเขาแล้ว ทำให้เขามีบุคลิกภาพที่หยิ่งผยอง สิ่งนี้ทำให้สนใจศักดิ์ศรีของตัวเอง ดังนั้นในการเล่นหมากรุก เขาจะพยายามใช้กลวิธีเคล็ดลับที่ยาก มาจัดการกับคู่ต่อสู้ของตัวเอง
และคนที่แข่งขันกับเขา ก็เป็นคนมีระดับความสามารถที่ยอดเยี่ยม และความสามารถเก่งมากเช่นกัน คนเหล่านี้จะไม่ใช้เทคนิคด้านข้าง
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สามารถรับมือกับพวกเทคนิคด้านข้างได้ เมื่อเวลาผ่านไป ญาธิปอยู่เหนือสถานการณ์ จะมีช่องโหว่บางอย่าง เมื่อฝ่ายตรงข้ามใช้เทคนิคด้านข้าง เขาจะไม่สามารถปัดป้องได้
วิธีการในตอนนี้ของรพีพงษ์ คือการใช้เทคนิคด้านข้างกันเพื่อปิดล้อมญาธิป
ในพจนานุกรมของรพีพงษ์ ยุติธรรมและความซื่อสัตย์ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน เพียงแค่สามารถชนะ ก็คือราชา ไม่มีใครสนใจว่าคุณชนะมาได้ยังไง ทุกคนสนใจว่า ผลสุดท้ายเป็นยังไง
“เทคนิคด้านข้าง ความสามารถระดับนี้ก็ยังคิดว่าจะเอาชนะฉันได้อีก ตลกสิ้นดี”ญาธิปค่อนข้างดูถูกเทคนิคของรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร แต่วางแผนเทคนิคกลยุทธ์ของตัวเองอย่างรอบคอบ และหมากทุกเม็ดมี ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั้งหมด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ญาธิปขมวดคิ้วคิ้ว ความสงบก่อนหน้านี้ของเขาหายไปนานแล้วอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ใบหน้าของเขา มีแต่ความกังวลและตื่นตระหนก
รพีพงษ์สงบนิ่งเช่นเคย ทุกเม็ดของหมากรุก สามารถทำให้ญาธิปคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน มาถึงในระดับนี้แล้ว เป้าหมายของเขาก็สำเร็จแล้ว
ในเวลานี้ผู้คนรอบข้างที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ก็เงียบเช่นกัน ในตอนเริ่มแรก พวกเขายังคงคุยกันว่ารพีพงษ์จะใช้เวลาแค่ในการพ่ายแพ้ให้กับญาธิป แต่ต่อมา พวกเขาก็พบว่า รพีพงษ์มีความสามารถเพียงพอที่จะอยู่ในระดับเดียวกันกับญาธิป
แม้แต่ด้านหลัง รพีพงษ์ก็มีแนวโน้มที่จะปิดล้อมญาธิปได้ ซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ญาดาจ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ ตอนนั้นเธอยังพูดว่ารพีพงษ์ไม่มีทางชนะญาธิปได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่กล้าที่จะพูดเช่นนี้แล้ว
ที่สำคัญเธอเริ่มรู้สึกผิดต่อรพีพงษ์ขึ้นมาเล็กน้อย เธอรู้ตัวดีว่าหลายปีมานี้ตัวเองเข้าใจผิดรพีพงษ์มาโดยตลอด
เธอมองว่าหมากล้อมเป็นสิ่งที่ตัวเองแสวงหามาโดยตลอด และแสดงความสามารถที่น่าทึ่งออกมาจากในการเล่นหมากล้อม ในตอนนั้นรพีพงษ์ถูกขับไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ และมีข่าวด้านลบมากมายออกมา ทำให้เธอได้รับผลกระทบจากข่าวเหล่านี้ และถูกตักเตือนจากผู้คน ญาดาเริ่มรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่คู่ควรกับเธอ
จนถึงตอนนั้นรพีพงษ์เอาชนะนวัสสัยได้ ญาดาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเพราะโชคช่วย
แต่ตอนนี้รพีพงษ์และญาธิปอยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งทำให้อคติในใจของเธอ เริ่มคลายลง
ทุกคนจ้องไปที่กระดานหมากรุกด้วยการกลั้นลมหายใจ และดูเหมือนว่า เกมนี้กำลังจะจบลง
ญาธิปวางเม็ดหมากรุกลง มีความวิตกกังวลในใจ เขาไม่มีการใช้กลยุทธ์วิธีการใดๆแล้ว
รพีพงษ์มองไปยังที่ชิ้นส่วนหมากรุกของญาธิปที่วางลง ใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มตามที่คาดการณ์ไว้แล้วออกมา จากนั้น เมื่อตัวเม็ดหมากรุกวางลง เขาก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ และพูดเสียงดัง:
“ขอโทษด้วย ฉันแพ้แล้ว”