พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 223 ไม่ยุ่งไม่ได้
บทที่223 ไม่ยุ่งไม่ได้
ณ janhao ktv ห้องสูทส่วนตัว
ชิตวรกำลังนั่งอยู่บนโซฟา พี่ธารานั่งอยู่ในอ้อมกอดของชิตวร แขนข้างหนึ่งโอบคอของชิตวรไว้ ใบหน้าของชิตวรกำลังจะแนบชิดกับหน้าอกของพี่ธาราแล้ว
ในขณะเดียวกันนี้ประตูของห้องส่วนตัวได้ถูกเปิดออก ผู้ชายที่ใบหน้าสูบตอบ มีรอยแผลเป็นได้เดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ และแววตาที่โมโห
เขานั่งลงไปข้างๆของชิตวร หยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มหมดทันที
ชิตวรเห็นปฏิกิริยาของคนนี้ ก็ถามว่า “กวี เป็นอะไรวะ? ทำไมโกรธแค้นได้ขนาดนี้”
กวีหันไปมองชิตวร แล้วพูดอย่างเสียอารมณ์ว่า “เมื่อกี้ผมออกมาจากห้องน้ำ เห็นผู้หญิงคนนึงแต่งตัวอย่างกับพวกขายตัว แต่งหน้าค่อนข้างเซ็กซี่ ผมก็คิดว่าเธอขายตัว ดังนั้นจึงได้เดินไปถาม”
“ตอนแรกเธอไม่พอใจ ยังด่าผม ผมจึงพูดว่าผมคือชิตวร ผู้หญิงคนนั้นก็รีบตะครุบมาหาผมทันที แล้วยังจับมือผม ให้ไปลูบไล้บนตัวของเธอ”
“ผมเลยคิดว่านี่เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย ก็จะพาเธอไปสนุกในห้องน้ำสักหน่อย แต่พอเดินเข้าไปในห้องน้ำผมหลุดปากออกมา หลังจากที่เธอรู้ว่าผมไม่ใช่พี่แล้ว ก็ตบหน้าผมทันที ว่าผมเป็นไอ้พวกหมาเห่าเครื่องบิน
“ผมคิด มึงก็แค่ขายตัว ยังจะแสร้งทำเป็นใสๆอีก ก็เลยเธอไป ปรากฏว่าไอ้ผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นมันแข็งข้อ อยากจะตบผมอีกฉาด ผมก็จับมือเธอเอาไว้ แล้วจะจับปล้ำเสียเลย
“ในตอนนั้นเองเธอก็พูดออกมาว่าเธอเป็นคนของกฤติกา บอกผมว่าถ้าผมกล้าแตะต้องตัวเธอล่ะก็ แล้วจะเสียใจ บอกหมายเลขห้องส่วนตัวกับผม ถ้าผมมีปัญญาก็ไปให้เธอได้เลย”
“วันนี้โชคร้ายจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ กระหรี่คนหนึ่ง ยังกล้าทำเป็นใสๆต่อหน้าผมอีก”
หลังจากที่ชิตวรได้ยินคำพูดของกวีแล้ว มองไปที่พี่ธารา แล้วกล่าว “ถ้ากล้าที่จะผยองในถิ่นของฉัน ไอ้กฤติกามันเป็นใคร? ฟังแล้วรู้สึกคุ้นหู”
“กฤติกาก็คือคุณชายของFour Season hotel Breeze เมื่อก่อนกินข้าวกับเราหลายมื้อ ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งมาเที่ยวที่นี่ ไม่คาดคิดว่าเป็นคนของห้องส่วนตัวนั้นยั่วโมโหกวี” พี่ธารากล่าว
“Four Seasons Hotel Breezeก็แค่ขยะ คุณชายของพวกเขากล้าที่จะยั่วโมโหพี่น้องของชิตวร วันนี้กวีมาเพื่อกินเหล้าเป็นเพื่อนกู ไม่ใช่มาเป็นที่รองรับอารมณ์ของใคร พวกเราไปห้องส่วนตัวนั้นกัน ดูดิว่าไอ้กฤติกามันหยิ่งยโสขนาดไหน กล้าทำอะไรก็ได้ตามใจในที่ของกู แม้จะเป็นพ่อของมัน ก็ยังไม่กล้าพูดกับลูกน้องกูแบบนี้” ชิตวรกล่าว
ในห้องส่วนตัวของกฤติกา กฤติกาพูดกับทุกคนเรื่องโรงแรมของครอบครัวเขาเจ๋งขนาดไหนอย่างสะใจ ในktvนี้ ไม่มีใครที่เขาแตะไม่ได้
“เลน่า สบายใจได้ รอให้ไอ้คนที่ลวนลามแกมาถึง ฉันจะต่อยมันหนักๆสักตั้ง ให้มันขอโทษแก
เลน่าพยักหน้าให้กฤติกา แล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พี่กฤติกา คุณนี่หล่อมากจริงๆ”
ในขณะเดียวกันนี้เอง ประตูของห้องส่วนตัวถูกเตะออก กฤติกาตกใจขึ้นมา แล้วรีบหันไปดูด้านหลัง
กวีเดินเข้ามา แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เมื่อกี๊มึงพูดว่าจะต่อยใครนะ?
กฤติกาจ้องไปมาที่กวีรู้สึกว่าคนนี้ถึงแม้จะดูดุร้าย แต่เขาก็ไม่รู้จัก คิดดูแล้วไม่น่าจะเป็นใครที่ร้ายกาจ ดังนั้นตนเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
“ก็มึงไง! มึงกล้าลวนลามเพื่อนของกูกฤติกา เรื่องนี้ถ้ามึงไม่ขอโทษเธอ วันนี้ไม่จบแน่!” กฤติกาพูดอย่างโมโห
“ให้กูขอโทษมัน? มึงฝันไปเถอะ! ไอ้กระหรี่นี่มันให้ท่ากูเอง ยังจะให้กูขอโทษมันอีก พวกมึงฝันไปเถอะ!” กวีกล่าวอย่างเยือกเย็น
“มึงหยุดพูดมากได้ล่ะ! ฉันให้ท่าแกตอนไหน แกอย่าพูดมั่วๆนะ!” เลน่าปฏิเสธทันที กลัวว่ากวีจะพูดเหตุการณ์ตอนนั้นขึ้นมา เพราะถ้าพูดออกมา เรื่องนี้เธอก็จะไม่ได้เปรียบอีกต่อไป
“ไม่รู้ใครที่ได้ยินกูบอกว่ากูคือชิตวร จากนั้นก็เข้ามาให้ท่ากูเอง ตอนนั้นมึงนี่อยากได้มากไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้ไม่อยากแล้วล่ะ? แล้วมาแสร้งทำเป็นน่าสงสารซะงั้น?” กวีมองไปที่เลน่าอย่างเยาะเย้ย
ทุกคนจ้องไปที่เลน่าอย่างตกใจ ไม่คาดคิดว่าเธอจะมีมุมแบบนี้ด้วย
“แกพูดบ้าอะไร ชิตวรรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงกูรู้อยู่แก่ใจ มึงหยุดพูดมั่วได้แล้ว กูขอให้มึงรีบๆขอโทษซะ ไม่งั้นถ้ากูโมโหขึ้นมา ถึงแม้จักรพรรดิ์องค์ไหนก็ช่วยมึงไม่ได้!” กฤติกาตะคอกไปที่กวี
“ถูก พี่กฤติกาของฉันแตะไม่ได้นะ วันนี้แม้จักรพรรดิ์จะมา แต่ก็ช่วยอะไรแกไม่ได้ รีบขอโทษฉันซะ!” เลน่าตะคอกออกมา
“อ๋อ? จักรพรรดิ์ที่ไหนก็ช่วยมันไม่ได้ แล้วกูช่วยมันได้ไหม?” ในขณะนี้เอง ก็มีเสียงอันเยือกเย็นพูดขึ้นมา จากนั้น ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว
จากนั้นชิตวรก็เดินเข้ามาในห้องส่วนตัว มองกฤติกาอย่างอาฆาต โมโหเกรี้ยวกราด
ตอนที่กฤติกามองไปยังชิตวร ตัวสั่นขึ้นมา จากนั้น แม้แต่คำพูดก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาแล้ว
เลน่าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชิตวรนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร คิดว่าคนเหล่านี้มาเข้ามาเป็นคนที่กวีเรียกมาให้ช่วย แค่ยืมมือของกฤติกา ก็สามารถต้านทานพวกนี้ได้แล้ว
“มึงเป็นใคร กล้าเบ่งต่อหน้าพวกกู พี่กฤติกาของฉันไม่ใช่ไอ้พวกไร้น้ำยาอย่างพวกแกคิดจะทำอะไรก็ได้นะ!” เลน่าตะโกนออกมา
สีหน้าของกฤติกาซีดขึ้นมาทันใด เขารีบหันไปตบหน้าของเลน่าทันที แล้วด่า “มึงแม่งว่าใครคือ……? นี่คือชิตวร พี่ชิต เทียบกับพี่ชิตแล้วกูก็เป็นแค่ขยะ มึงยังกล้าพูดอีกนะว่าพี่ชิตทำไรกูไม่ได้ มึงอยากตายหรือไง!”
เลน่าจับหน้าของตัวเอง แล้วมองไปที่ชิตวรอย่างไม่คาดคิด ยังไงก็คิดไม่ถึง ว่ากวีจะหาคนอย่างชิตวรมาช่วยได้
ทุกคนในห้องส่วนตัวก็หวาดกลัวกันทั้งหมด คำพูดเมื่อกี๊ของเลน่าต้องยั่วโมโหชิตวรเป็นแน่ ถ้าชิตวรโมโหขึ้นมาล่ะก็ วันนี้เกรงว่าทุกคนที่อยู่นี่จะไปไหนไม่ได้
รพีพงษ์จ้องไปที่ชิตวร พบว่าเป็นพนักงานที่ทำงานให้ตระกูลลัดดาวัลย์ในตอนนั้นจริงๆ เพียงแต่ผ่านไปหลายปี ในตัวชิตวรมีความดุร้ายเพิ่มขึ้นมา ไม่เหมือนในช่วงนั้นที่เขาอ่อนน้อมถ่อมตนต่อตระกูลลัดดาวัลย์
เขาไม่ได้สนใจผลลัพธ์ของเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เลน่าก่อขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ปฏิกิริยาที่พวกเขามีต่อตนในวันนี้ก็ไม่ถือว่าดี ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นใจแล้วคิดที่จะไปช่วยพวกที่เหยียดหยามเขาแต่อย่างใด
“คูณพูดว่าอะไรนะ เขา……เขาคือชิตวร?” เลน่ามองไปที่ชิตวรอย่างคาดไม่ถึง ใจเต้นกระวนกระวายจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว
“ไม่งั้นล่ะ!” กฤติกาจ้องไปที่เลน่าอย่างเสียอารมณ์ ขณะนี้เขาไม่มีอารมณ์อวดเก่งอีกต่อไป เพราะชิตวรก็อยู่ที่นี่ ถ้าพูดผิดแม้แต่คำเดียว วันนี้เขาต้องจบเห่แน่ๆ
เขาหันไปมองชิตวร ด้วยใบหน้าเศร้าโศกเสียใจ แล้วกล่าว “พี่ชิต ผมไม่รู้จริงๆว่าพี่ท่านนี้เป็นเพื่อนของคุณ ขอคุณได้โปรดเห็นแก่การทานข้าวด้วยกันของเราเมื่อก่อนนั้น แล้วปล่อยเพื่อนที่ไม่รู้สาคนนี้ไปด้วยเถิด”
“เห็นแก่แก วันนี้ถึงแม้พ่อแกจะอยู่ที่นี่ กูก็จะไม่เห็นแก่เขา กวีเป็นพี่น้องของกู ไอ้กระหรี่นี่กล้าตบเขา วันนี้กูจะต้องเอาคืนแทนมัน” ชิตวรกล่าวอย่างเยือกเย็น
เลน่าเสียใจ แล้วรีบเดินไปข้างหน้า อ้อนวอน “พี่ชิต ฉันไม่ดีเอง เรื่องนี้ต้องโทษฉัน ฉันยอมขอโทษพี่ท่านนี้ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“ในเมื่อแกรู้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องโทษแก งั้นแกก็น่าจะรู้นะว่าคำขอโทษมันไม่มีประโยชน์” ชิตวรกล่าว “กวี ไอ้นี่ให้แกจัดการแล้วกัน แกอยากทำอะไรก็ทำไป ฉันรับรองว่าไม่มีใครแก้ขัดแกแน่”
ใบหน้าของกวีสะท้อนรอยยิ้มอันร้ายกาจออกมา มองไปที่เลน่าด้วยสายตาที่ลามกแล้วกล่าว “ตอนนั้นมึงไม่ให้กูแตะต้องใช่ไหม งั้นตอนนี้กูจะเอามึงต่อหน้าเพื่อนของมึงนี่แหละ ดูสิมึงจะยังกล้าปฏิเสธอีกมั้ย”
เลน่าหวาดกลัว แล้วถอยหลังไปสองก้าว พลางอ้อนวอน “พี่ชาย ฉันผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้ฉันเถิด ถึงแม้คุณอยากได้ฉันจริงๆ ฉันก็ไม่ปฏิเสธ แต่พวกเราอย่าทำที่นี่ได้ไหม?”
“พี่ชิต เรื่องวันนี้มันเป็นแค่การเข้าใจผิดกัน ไม่งั้นเหตุการณ์วันนี้ก็จบแค่นี้แล้วกัน ผมเลี้ยงคุณกับพี่ท่านนี้ไปเที่ยวที่ร้านนวดกัน พวกเราอย่าทำอะไรเลน่าเลย” กฤติกายังคิดว่าชิตวรยังคงไว้หน้าเขาอยู่ ก็เลยกล่าวออกมา
เมื่อชิตวรได้ยินคำพูดของกฤติกาแล้ว ก็ยันไปที่ท้องของเขาโดยตรง แล้วด่า “เป็นการเข้าใจผิดแม่มึงสิ วันนี้กูมาทวงคืนความยุติธรรมให้พี่น้องกู มึงคิดว่ามึงเลี้ยงกูที่ร้านนวด ก็สามารถคลายความโกรธแค้นของพี่น้องกูได้หรอวะ? ตอนนี้สิ่งที่จะทำให้พี่น้องกูหายโกรธ ก็คือเอาอีผู้หญิงนี่ ต่อหน้าพวกมึง มึงหยุดทำให้กูเสียเวลาได้ล่ะ”
กฤติกานั่งลงกับพื้น แล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อไปอีก
อันนาเห็นเหตุการณ์ดังนี้ก็โมโหขึ้นมา แม้ชิตวรจะเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่ควรที่จะไร้เหตุผลขนาดนี้ แล้วกล่าว “ทำไมคุณทำเป็นแบบนี้ เลน่าก็พูดแล้วว่าจะขอโทษพวกคุณ ทำไมพวกคุณยังทำแบบนี้กับเธออีก แล้วพวกคุณยังจะทำเรื่องแบบนั้นกัยเธออีก ที่นี่ยังมีกฏอยู่ไหม?”
กวียิ้ม แล้วกล่าว “กฏ? พี่ชิตนั่นแหละคือตัวกำหนด แกไอ้เด็กผู้หญิงคนนี้ยังชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอีก ฉันว่าแกก็สวยดีนะ ไม่งั้นวันนี้พวกแกก็มาสนุกกับฉันด้วยกันทั้งคู่เลยมา”
สีหน้าของอันนาเปลี่ยนไป ไม่คาดคิดว่ากวีจะรวมเธอเข้าไปเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ในใจก็เกิดความกลัวขึ้นมา
ชิตวรจ้องไปที่อันนา แล้วยิ้ม “คนนี้สวยกว่าหน่อยนึงนะ ไม่งั้นแกเอาไอ้นี่ก่อนดีไหม”
กวีหัวเราะฮ่าฮ่า แล้วกล่าว “ยังไงก็เป็นพี่ชิตที่เข้าใจผม งั้นผมฟังพี่ล่ะกัน เอาไอ้คนที่ชอบวุ่นวายเรื่องคนอื่นก่อนแล้วกัน”
กฤติกาเห็นกวีจะลงมือกับอันนา ในใจก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับชิตวร ดังนั้นถึงแม้จะรู้สึกเจ็บปวดแทนอันนา แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าออกหน้าแทนอันนาได้
กวีเดินไปที่อันนา ยื่นมาไปเพื่อจะดึงเธอมา
อันนาร้อนใจเดินถอยหลังไปสองก้าว กล่าวอย่างลนลานว่า “แกจะทำอะไร? ถ้าแกกล้าทำอะไรมิดีมิร้ายกับฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ” กวีหัวเราะ แล้วกล่าว “ถ้ามึงมีปัญญาก็ไปแจ้งสิ มึงดูล่ะกันว่าตำรวจจะมาจับกูไหม”
“อันนา แกยอมเถอะ อยู่ในถิ่นของพี่ชิต ไม่มีใครกล้าต่อต้านคำสั่งของเขา” เลน่ากล่าวอย่างจำใจ เธอได้ทำใจยอมรับเหตุการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเธอในวันนี้แล้ว
อันนาได้ยินคำพูดของเลน่า ก็จ้องไปที่เธออย่างเกลียดชัง แล้วกล่าว “เมื่อกี๊ฉันออกหน้าแทนแก คิดไม่ถึงว่าแกจะทำแบบนี้กับฉัน”
“ฉันไม่ได้ให้แกรับหน้าแทนเลยนะ แกหาเรื่องเอง แกอย่าโทษฉันสิ” เลน่าปฏิเสธทันใด
สายตามองเห็นอันนากำลังจะถูกกวีจับไป ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น ขวางหน้าของอันนาเอาไว้ แล้วกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เมื่อกี๊เธอไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าวันนี้แกจะทำเธอล่ะก็ งั้นฉันไม่ยุ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้แล้ว”