พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 222 ผมร้องเพลงก็งั้นๆ
บทที่222 ผมร้องเพลงก็งั้นๆ
เข้าไปในktv ผู้หญิงคนนึงสวมชุดกี่เพ้าสีแดง ผอมสูงยั่วยวน มีใบหน้าที่เซ็กซี่มองพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามา
“โอ้ว นี่คุณชายกฤติกาหนิ วันนี้มาอีกแล้วนะ ฉันได้เตรียมห้องสูทส่วนตัวให้กับคุณแล้ว” ผู้หญิงยิ้มพลางกล่าว
“ขอบคุณครับพี่ธารา วันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวหน่อย พี่ชิตอยู่ใช่ไหม ฝากทักทายพี่ชิตแทนผมด้วยนะครับ ไว้ไหนว่างจะชวนเขากินข้าวด้วยกัน” กฤติกาหัวเราะพลางกล่าว
ผู้หญิงที่กฤติกาเรียกว่าพี่ธารานั้นมองไปที่ด้านหลัง เมื่อสายตามองไปที่รพีพงษ์ ก็ชะงักขึ้นมาทันที
เธอทำงานที่นี่ ทุกวันจะต้องเจอกับคนหลายประเภท ดังนั้นมองคนค่อนข้างแม่นยำ ถึงแม้เมื่อกี๊มีจะเวลาไม่นาน แต่เธอก็รับรู้ได้ ในวัยรุ่นกลุ่มนี้ จะต้องมีความร้ายกาจบางอย่างที่เธอมองข้ามไปไม่ได้
ความร้ายกาจนั้น พี่ธาราก็เพียงรู้สึกได้เท่านั้น หลังจากนั้นไม่ว่าเธอจะจ้องรพีพงษ์อย่างไร ก็รู้สึกแค่เขาคือคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“พี่ชิตกินเหล้ากับเพื่อนอยู่ข้างใน ฉันรู้สึกคุ้นหน้าพวกเพื่อนของแกจัง เมื่อก่อนก็น่าจะมาด้วยกันบ่อยนะ แต่คนนี้ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเขาก็เป็นคุณชายของตระกูลไหนสักตระกูลหรอ? พี่ธาราจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม
กฤติกาหัวเราะขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “พี่ธารา คุณคิดมากไปแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นแค่ไอ้สวะมาจากต่างถิ่นเท่านั้น เขาอยู่ที่นู่นก็เป็นเพียงไอ้สวะที่โด่งดังเท่านั้น พวกเราเจอกันที่สนามบิน เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเห็นคนที่เป็นสวะได้ขนาดนี้ รู้สึกสนุกดี เลยมาเที่ยวด้วยกัน
พี่ธาราได้ยินคำพูดของกฤติกา ก็ชะงักไปสักครู่ ไม่คาดคิดว่าวัยรุ่นคนนี้ที่ทำให้เธอสะดุดตาได้นั้นจะเป็นเพียงไอ้สวะที่โด่งดังเท่านั้น
“เขาไปไอ้สวะ? ฉันว่าไม่เหมือนนะ คุณชายกฤติกาตลกไปแล้ว” พี่ธารายิ้มพลางกล่าว
“พี่ธารา ผมจะหลอกคุณทำไม เขาคือไอ้สวะที่มาจากต่างถิ่นจริงๆ คนบ้านนอก คุณเห็นคุณก็ไม่อยากจะเสวนาด้วยแล้ว” กฤติกาอธิบาย
เลน่าและทุกคนก็คล้อยตาม
พี่ธาราพยักหน้า คิดว่าเมื่อกี๊ตัวเองน่าจะดูผิดไป ตอนนี้ดูเด็กคนนี้อีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรพิเศษ แล้วหลายคนยังพูดถึงเขาแบบนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ ดูๆแล้วไม่มีอะไรพิเศษจากคนอื่นเลยจริงๆ
“พวกแกรอหน่อยนะ ฉันจะไปจัดห้องส่วนตัวให้พวกแกเดี๋ยวนี้แหละ” พี่ธารากล่าว แล้วก็เดินไปจัดห้องส่วนตัว
อันนาจ้องไปที่พี่ธาราที่เดินจากไปอย่างแปลกใจ แล้วถามกฤติกาว่า “ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”
เธอเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้วสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจคือ เธอและรพีพงษ์เพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วยกันทั้งคู่ แต่ทำไมพี่ธาราถึงไม่สนใจเธอ แต่กลับสนใจรพีพงษ์ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
“นั่นคือพี่ธารา ผู้หญิงของชิตวร ลูกน้องของพี่ชิตเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มีเพียงพี่ธาราที่อยู่ข้างกายของพี่ชิตมาโดยตลอด อย่ามองว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดานะ มีฝีมือใช้ได้เหมือนกัน ที่นี่ นอกจากพี่ชิตแล้ว คนที่แตะไม่ได้รองลงมา ก็คือพี่ธารา” กฤติกาอธิบาย
อันนาพยักหน้า ก่อนหน้านี้เธอก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของชิตวรมาบ้างแล้ว รู้ว่าคนรอบๆกายของชิตวรแตะต้องไม่ได้
ไม่นาน มีพนักงานหนึ่งคนเดินมา แล้วพาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
ห้องส่วนตัวนี้ดูๆไปค่อนข้างหรู่หรา ในktvแห่งนี้ถือว่าเป็นห้องที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หลังจากที่ทุกคนเข้าไปแล้ว ก็ต่างชื่นชมกฤติกา ว่ามากับเขาแล้วได้รับเกียรติอย่างมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการบริการอย่างดีเลิศ
กฤติกาหัวเราะอย่างมั่นใจ แล้วกล่าว “นี่เล็กๆน้อยๆ โชคดีที่ฉันกับพี่ชิตกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง ไ้ด้รับการบริการที่ดีก็เป็นสิ่งที่ควรจะได้รับอยู่แล้ว”
เขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “แกคงไม่เคยมาห้องส่วนตัวที่ดีขนาดนี้เลยล่ะซิ วันนี้แกมากับฉัน ถือว่าถูกต้องแล้ว ต่อไปเมื่อแกกลับไปแล้ว ก็สามารถโอ้อวดคนที่นั่นได้แล้ว”
รพีพงษ์แค่ยิ้มๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเดินไปนั่งที่มุม
ทุกคนก็นั่งลง กฤติกาสั่งเหล้าและของกินมาบางส่วน ไม่นานเกินรอ ทุกคนก็เริ่มรีแล็กซ์ ใครร้องเพลงก็ร้องเพลง ใครกินเหล้าก็กินเหล้า
อันนาร้องเพลงไม่เพราะ ดังนั้นจึงไม่ถือไมค์ ขณะนี้กฤติกาเดินไปข้างหน้า เลือกเพลงเพราะความรัก แล้วร้องให้กับอันนา
กฤติกาไม่ถือว่าร้องเพลงเพราะมากนัก แต่เขาคิดไปเองว่าเขานั้นร้องเพลงเพราะมาก ในความเข้าใจของเขาเอง คิดว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นชั่งไพเราะเสนอะหูเหลือเกิน บวกกับคนรอบๆกายก็ประจบสอพลอชมเขาไม่หยุด ชมจนเขาตัวลอยแล้ว
อันนารู้ว่ากฤติกาคิดกับตนอย่างไร แต่เธอรู้สึกว่ากฤติกานี้บางครั้งก็หลงตัวเองจนเกินไป ดังนั้นจึงพูดได้ว่าไม่มีความสนใจใดๆในตัวเขาเลย
ตอนนี้กฤติการ้องเพลงอยู่ตรงหน้าเธอ คนรอบๆก็เชียร์กันไม่หยุด ทำให้เธอรู้สึกเขินอายที่สุด
กฤติกาจะร้องเพลงก็ร้องไป แล้วยังจะโค้งคำนับให้ทุกคนอีก
ทุกคนเริ่มปรบมือทันที ชมว่ากฤติการ้องเพลงเพราะ แล้วเริ่มเชียร์ให้เขาสารภาพรักกับอันนา
เมื่ออันนาได้ยินคนพวกนี้ให้กฤติกาสารภาพรักกับตน สีหน้าเริ่มแสดงออกถึงความลำบากใจ แล้วหันไปมองที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ ไม่งั้นแกมาร้องสักเพลงไหม นานๆจะมาสักครั้ง ถ้าไม่ร้องก็เสียดายแย่”
กฤติกาเห็นอันนาตัดบท ก็หาโอกาสที่จะสารภาพรักไม่ได้แล้ว มองไปที่รพีพงษ์อย่างเกลียดชัง รู้สึกว่าที่ตนเองไม่ได้สารภาพรักนั้นเป็นเพราะรพีพงษ์คนเดียว
“ผมไม่ร้องดีกว่า ผมร้องเพลงก็งั้นๆ” รพีพงษ์กล่าว
กฤติกาได้ยินรพีพงษ์พูดดังนี้ ก็ดูแคลนทันที แกทำลายบรรยากาศสารภาพรักของกู วันนี้กูจะทำให้มึงอับอาย ในเมื่อมึงร้องเพลงก็งั้นๆ งั้นกูก็จะต้องทำให้มึงร้องเพลงให้ได้ ไม่งั้นกูจะเยาะเย้ยมึงได้ไง
พูดจบ กฤติกาก็หัวเราะพลางกล่าว “แกก็หยุดถ่อมตัวได้ล่ะ คนที่พูดว่าตัวเองร้องเพลงได้งั้นๆก็ร้องเพลงเพราะทั้งหมดแหละ ฉันเลือกเพลงให้แกหนึ่งเพลง เพลงเมื่อกี๊ที่ฉันร้องล่ะกัน แกร้องได้อยู่แล้ว แกรีบถือไมค์ พวกเรารอให้แกร้องเพลงอยู่นะ”
ต่อมากฤติกาก็เดินไปเลือกเพลงเพราะความรักอีกครั้ง
เลน่าเอาไมค์อีกตัวยัดเข้าไปในมือของรพีพงษ์ เธอรู้ว่ากฤติกาต้องการทำอะไร ดังนั้นก็อยากเห็นรพีพงษ์ขายหน้าเช่นกัน
“แกรีบร้องเถอะ ให้พวกเราได้เห็นหน่อยว่าไอ้สวะโด่งดังอย่างแกเวลาร้องเพลงจะเป็นอย่างไร ฉันโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?” เลน่าก็กล่าวอย่างแปลกๆ
ความจริงอันนาแค่อยากยืมรพีพงษ์เข้ามาช่วยในการเลี่ยงบรรยากาศนั้น ไม่คาดคิดว่าทุกคนจะให้รพีพงษ์ร้องเพลงจริงๆ ดูๆแล้ว เห็นได้ชัดว่ารอให้รพีพงษ์ร้องจบแล้วจะเยาะเย้ยเขา
เธอรู้สึกรับไม่ได้ แล้วกล่าว “ถ้าแกไม่อยากร้องก็อย่าร้อง ไม่ต้องฟังพวกเขา”
รพีพงษ์ยิ้ม ถือไมค์ไว้ แล้วกล่าว “ในเมื่อทุกคนอยากจะฟังผมร้องเพลง งั้นผมจะร้องให้ฟังล่ะกัน ไม่ค่อยน่าฟังนะ”
กฤติกาหยามเหยียด แล้วกล่าว “แกก็รู้ตัวหรอว่าแกร้องเพลงไม่เท่าไหร่ แล้วยังไม่ค่อยหน้าฟังอีก มันไม่น่าฟังจริงๆเหอะ”
ทำนองเพลงเริ่มดังขึ้น รพีพงษ์กำลังอินไปกับท่วงทำนองของเพลง ครั้งที่แล้วที่เขาร้องเพลง ก็ผ่านมานานมากแล้ว เขาก็อยากจะใช้เพลงเป็นสื่อออกมาเช่นกัน เพียงแต่อารียาไม่ได้อยู่ข้างกายเขา ไม่งั้นเพลงนี้ก็จะมอบให้อารียา เขาจะต้องถ่ายทอดออกมาได้ดีอย่างแน่นอน
ทุกคนล้วนจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างดูแคลน กำลังรอตอนที่เขาร้องออกมาประโยคแรกแล้วเยาะเย้ยเขา
ในขณะนี้รพีพงษ์ได้ถือไมค์ขึ้นมา เมื่อเปล่งเสียงออกมาแล้ว เสียงที่ออกมาสบายหู ไพเราะเพราะพริ้ง
กฤติกาและคนอื่นที่รอที่จะเยาะเย้ยรพีพงษ์นั้นชะงักทันใด พวกขามองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อน ว่าจะร้องเพลงออกมาได้ไพเราะขนาดนี้
อันนาก็จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง ชั่วขณะหนึ่ง เธอได้ถูกใบหน้าด้านข้างของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าแล้ว บวกกับเสียงอันน่าฟังนี้ อันนาหญิงสาวผู้ไม่เคยมีความรักมาก่อน ในสมองก็ฟุ้งซ่านไปด้วยความคิดที่พิเศษ
“รีบดูให้ฉันหน่อย ว่าฉันลืมปิดเสียงศิลปินหรือเปล่า?” กฤติกากล่าว
เลน่ารีบเดินไปดู พบว่าเปิดแค่ทำนองเท่านั้น งั้นก็หมายความว่า เสียงนี้ เป็นเสียงที่รพีพงษ์เขาร้องออกมาเอง
ทุกคนตกตะลึง สามารถใช้เครื่องเสียงของktvแล้วร้องออกมาได้ขนาดนี้ ทักษะการร้องเพลงของรพีพงษ์ ก็ระดับเทพแล้ว
สีหน้าของกฤติกาดูไม่จืดเลย แม้เขาจะหลงตัวเอง รู้สึกว่าตนเองร้องเพลงเพราะ แต่เมื่อได้ยินรพีพงษ์อ้าปากร้องประโยคแรก เขาก็รู้ได้ ว่าเสียงของเขาที่ร้องออกมาเทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้เลย
แล้วเห็นอันนามองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาหลงใหล กฤติกาก็เกิดอิจฉาขึ้นมา อยากที่จะไปแย่งไมค์ในมือรพีพงษ์ออกมาเดี๋ยวนี้
“ไอ้บ้านี่ มันเป็นไอ้สวะไม่ใช่หรอ? ทำไมร้องเพลงเพราะได้ขนาดนี้?” กฤติกากัดฟัน โดยเฉพาะที่รพีพงษ์ร้องเพลงนั้นก็เป็นเขาที่ยุยง ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
ผ่านไปสักระยะ รพีพงษ์ร้องจบ เอาไมค์วางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับไปนั่งในมุม
ทุกคนยังคงหลงอยู่ในเสียงเพลงของเขา ตกอยู่ในภวังค์อยู่นานแสนนาน
จนถึงทำนองของเพลงถัดมาดังขึ้น ทุกคนถึงจะมีสติกลับมา
อันนาหันมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยแววตาที่หลงใหล อยู่นาน แล้วเธอก็ถามขึ้นมาว่า “แก ทำไมแกร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้เนี่ย ฉันรู้สึกว่าในเสียงของแกที่เปล่งออกมานั้นได้แอบคนอีกคนหนึ่งเอาไว้ คนๆนั้น……”
พูดถึงประโยคนี้ อันนาก็แอบคิดขึ้นมา ถึงไม้รู้ว่าความเป็นไปได้นั้นจะน้อยนัก แต่เธอก็อดคิดไม่ได้เช่นกัน
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ภรรยาของผม ผมรักเธอมาก”
อันนาผิดหวังในทันที ไม่รู้ว่าทำไม เธอเพิ่งจะรู้จักรพีพงษ์ได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหึงขึ้นมาแล้ว
สีหน้าของกฤติกาและทุกคนดูไม่ดี ความจริงพวกเขาคิดว่ารพีพงษ์
ก็เป็นแค่ไอ้สวะ แต่กลับร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ นี่ทำให้พวกเขาตะลึง และอิจฉารพีพงษ์ขึ้นมา
ก็แค่ไอ้สวะ ทำไมต้องเก่งกว่าพวกเขา
แต่ว่าหลังจากที่รพีพงษ์ร้องจบแล้ว ก็กลับไม่มีใครมาเยาะเย้ยเขาอีกต่อไป
ไม่นาน เลน่ายืนขึ้น บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกจากห้องส่วนตัวไป
ทุกคนร้องเพลงกันต่อ แต่ดูออกชัดเจนว่าไม่ครึกครื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ผ่านไปสักพัก เลน่ากลับมาจากด้านนอก สีหน้าดูไม่ดี แล้วยังปิดประตูอย่างดัง ทุกคนในห้องหันไปมองทางเธอทันที
“เลน่า เป็นอะไร?” กฤติกาถาม
“อย่าพูดถึงเลย เมื่อกี๊ตอนเข้าห้องน้ำเจอเข้ากับไอ้คนมือไว ลวนลามฉัน ฉันตบมันไปหนึ่งฉาด มันบอกจะทำให้ฉันอับอาย ฉันจึงพูดชื่อพี่กฤติกาไป มันก็เลยบอกว่าเดี๋ยวอีกแป๊ปจะมาคิดบัญชีกับฉัน พี่กฤติกา คุณต้องช่วยฉันนะ คนนั้นน่าจะเป็นพวกต้มตุ๋น เทียบกับพี่กฤติกาไม่ได้แน่นอน
กฤติกาได้ยินเลน่าพูดแบบนี้ ก็รีบตบไหล่ แล้วกล่าว “แกสบายใจได้เลย เอามาให้ฉัน ไม่ว่าใครจะมา ฉันก็สามารถเคลียร์ให้แกได้ ไม่เหมือนกับไอ้สวะคนหนึ่ง นอกจากความสามารถปลอมๆพวกนั้น ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากนั้นแล้ว
กำลังพูดอยู่นั้น เขายังจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างหยามเหยียดอีกด้วย