พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 22 การกุมอำนาจโลกมืดในเมืองริเวอร์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 22 การกุมอำนาจโลกมืดในเมืองริเวอร์
บทที่ 22 การกุมอำนาจโลกมืดในเมืองริเวอร์
ในตอนเช้ามืด รพีพงษ์เดินออกมาจากเขตชุมชนเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็ตรงไปยังจุดขายอาหารเช้าที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าชุมชน
ตอนนั้นเขาวางแผนว่าจะทำอาหารเช้าแล้ว แต่ ศศินัดดา บอกว่าเธออยากกิน แป้งทอดใส่ไข่ แถมยังให้ รพีพงษ์ ออกมาซื้อให้อีก
ทั้งอาหารสามมื้อต่อวัน ล้างจาน กวาดถู ซักผ้าตลอดหลายปีมานี้ล้วนเป็นงานที่ รพีพงษ์ ต้องทำทั้งหมด จะบอกว่าเขาเป็นเหมือนพ่อบ้านนั่นก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงไปสักเท่าไหร่
ในตอนเช้ารถขายอาหารเช้าคันเล็ก ๆ จะจอดเรียงรายกันเต็มไปหมด มีทั้งโรตี ซาลาเปา ปาท่องโก๋ และอื่น ๆ อีกมากมาย
รพีพงษ์ เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านขาย แป้งทอดใส่ไข่ แล้วก็พบว่าเจ้าของร้าน แป้งทอดใส่ไข่ เปลี่ยนคนขายแล้ว
“ พี่ชายมาใหม่เหรอ ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นคุณเลย ” รพีพงษ์ เอ่ยปากถาม
“ ใช่แล้วล่ะ พี่สาวคนก่อนเธอเลิกขายไปแล้วน่ะ ผมก็เลยรับช่วงต่อจากเธออีกที ถือว่าได้ทำมาหากิน ” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “ เอา แป้งทอด กี่ชิ้น ? ”
“ เอามาสามชิ้นละกัน ” รพีพงษ์ ตอบกลับไป
ชายวัยกลางคนเริ่มทำ แป้งทอด ทันที เมื่อ รพีพงษ์ เห็นเทคนิคการทำของเขาแล้วก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
หรือว่าจะมองผิดไปนะ ?
ในชั่วขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะหยิบไข่ไก่ขึ้นมา รพีพงษ์ บังเอิญสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ บนร่างกายเขา
การเคลื่อนไหวแบบนี้มักมีให้เห็นเฉพาะผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตลอดหลายปีเท่านั้น รพีพงษ์เองก็มีการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้เช่นกัน อีกทั้งมีเพียงผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาแล้วจริง ๆ ถึงจะสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ เช่นนี้ได้
เป็นไปได้มั้ยว่าพี่ชายคนนี้จะไม่ใช่แค่คนขาย แป้งทอดใส่ไข่ แต่อาจเป็นคนมีฝีมือมา ?
รพีพงษ์ รีบพิจารณารอบตัวชายคนนี้ทันที แต่ก็พบว่าลักษณะท่าทางของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ สักเท่าไหร่ ดู ๆ ไปก็เป็นเพียงคนขาย แป้งทอดใส่ไข่ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
อีกอย่าง รพีพงษ์ เริ่มรู้สึกว่าความคิดของเขามันดูเหลวไหลเกินไปหน่อย ถ้าเป็นคนมีฝีมือจริง ๆ จะมายืนขาย แป้งทอดใส่ไข่ อยู่ตรงนี้ทำไม
อาจจะมองผิดไปจริง ๆ นั่นแหละ
รพีพงษ์ ไม่ได้คิดต่อ หลังจากที่เขายืนรอ แป้งทอดใส่ไข่ เรียบร้อยแล้วก็หันหลังแล้วเดินกลับทันที
ในตอนบ่าย รพีพงษ์ เดินออกมาจากบ้านเพียงคนเดียว แล้วหลังจากนั้นก็เรียกรถไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กาย
ภายในห้องห้องหนึ่งใน สถานบันเทิงสตาร์กายนั้นมี ไตรทศนั่งอยู่ข้าง ๆ รพีพงษ์ และกำลังรินเหล้าให้เขาด้วยความเคารพ
ไม่ว่าต่อหน้าคนอื่น ไตรทศจะเป็นคนที่เก่งกาจขนาดไหน แต่พออยู่ต่อหน้า รพีพงษ์ เขาก็เป็นเพียงคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ได้รับมาจาก รพีพงษ์ แต่มันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เขาสู้ รพีพงษ์ ไม่ได้
ถ้าเขากล้าที่จะทำตัวประจบประแจงต่อหน้า รพีพงษ์ ละก็ เขาก็อาจจะโดน รพีพงษ์ ตัดหัวออกมาเลยก็เป็นได้
“ ช่วงนี้สถานการณ์ในเมืองริเวอร์ เป็นยังไงบ้าง ” รพีพงษ์ จิบเหล้าเบา ๆ แล้วเอ่ยปากถาม
“ พี่รพี ด้วยการสนับสนุนของคุณตอนนี้ คนที่สามารถต่อกรกับเราได้ในเมืองริเวอร์ ก็มีแค่อินทัช กับ พิชญุตม์ เท่านั้น แถมสองคนนี้ยังรู้ดีด้วยว่าผมน่ะชอบต่อสู้ พอเจอหน้ากันทีไรก็พากันหลบตลอด ”
ไตรทศตอบพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า
“ สิ่งที่ผมบอกคุณในตอนนั้นไม่ใช่แค่เพื่อให้คุณไปต่อสู้กับอินทัช และ พิชญุตม์ เมื่อสามปีก่อนผมบอกให้คุณเริ่มเตรียมตัว ตอนนี้คุณคิดว่าคุณเตรียมไปถึงไหนแล้ว ” รพีพงษ์ ถามขึ้นเบา ๆ
สีหน้าของ ไตรทศเปลี่ยนเป็นจริงจังกว่าเดิมก่อนจะพูดขึ้นว่า “ พี่รพี หรือคุณหมายความว่าเราจะต้องเริ่มลงมือแล้ว ? ”
“ พวกคุณทั้งสามใช้เวลาต่อสู้กันนานเกินไปและที่นี่มันก็สงบนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นมาบ้าง หรือตอนนี้คุณคิดว่าคุณมีพลังมากพอที่จะทำให้เกิดพายุในเมืองริเวอร์ ได้แล้วรึไง ? ” รพีพงษ์ ถามขึ้น
ไตรทศพยักหน้าอย่างจริงจังก่อนจะพูดขึ้นว่า “ พี่รพีที่ผมพูดว่าจะต่อสู้กับอินทัช และ พิชญุตม์มันเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น ตั้งแต่ที่คุณสั่งให้ผมเตรียมตัวผมก็ได้เตรียมการมาตลอด ถ้าคุณอยากจะเริ่มลงมือละก็แค่ พี่รพี สั่งมาคำเดียวผมจะพาลูกน้องทั้งหมดไปถล่มเมืองริเวอร์ ให้ราบเป็นหน้ากลองเลย ”
รพีพงษ์ พยักหน้าเบา ๆ แต่ภายในดวงตาของเขากลับดูสงบเช่นเคย
“ ต่อสู้กับอินทัช และ พิชญุตม์ แค่สองคนมันยังไม่พอหรอก ฉันต้องการกุมอำนาจโลกมืดทั้งหมดในเมืองริเวอร์ คุณเตรียมตัวไว้เถอะ ช่วงนี้อินทัช อาจจะดูกระสับกระส่ายบ้าง แต่ขอแค่เขาเผยท่าทีออกมาสักหน่อยละก็ฉันจะกำจัดเขาให้สิ้นซากเลย ”
“ ครับ พี่รพี ” ไตรทศตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยว
เขาไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจของ รพีพงษ์มาก่อนเลย และเขาก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นการพูดเกินจริงเกินไปที่ รพีพงษ์ พูดขึ้นมาว่าจะกำจัดอินทัชหนึ่งในสามราชันฟ้าในเมืองริเวอร์
โลกมืดในเมืองริเวอร์ ถูกแบ่งสถานะออกเป็นสามสาขา แต่ว่าจากการลงแรงของ รพีพงษ์ ที่รวมเข้ากับการร่วมมือของ ไตรทศในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้อินทัช และ พิชญุตม์ กลายมาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้แล้ว
รพีพงษ์ ต้องการกำจัดอินทัชไม่ใช่แค่เพียงเพราะเขาต้องการจะร่วมมือกับ ธายุกรในการขโมยวัตถุโบราณเท่านั้น แต่ทว่า รพีพงษ์ได้วางแผนทั้งหมดนี้ไว้นานแล้ว
เมืองริเวอร์ ในตอนนี้อาจพูดได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ รพีพงษ์ เลยก็ได้ ถึงแม้ว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะส่งคนมาเชิญเขากลับไปในฐานะทายาท แต่เรื่องในปีนี้ทำให้ รพีพงษ์ เข้าใจแล้วว่ามีเพียงผู้ที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือได้แล้วเท่านั้นถึงจะได้รับความน่าเชื่อถือจริง ๆ ”
ต่อให้ตระกูลลัดดาวัลย์จะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่นั่นก็ไม่ใช่ของของเขา อีกอย่างเขาก็มีความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าจุดประสงค์ของการที่ตระกูลลัดดาวัลย์ส่งคนมารับเขาในครั้งนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ก็เป็นได้ ”
ดังนั้นเขาจะต้องทำให้เงินทุนในมือของเขาแข็งแกร่งให้มากพอ และด้วยวิธีการนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เขาจัดการกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้อย่างสงบในอนาคต
ในตอนเย็น รพีพงษ์ ไปรับ อารียา หลังเลิกงาน พอถึงด้านหน้าของเขตชุมชน อารียา ก็บอกว่า แป้งทอดใส่ไข่ เมื่อเช้านั้นอร่อยมาก และก็อยากให้ รพีพงษ์ ซื้อให้เธออีกสักอัน
รพีพงษ์ เดินไปหยุดตรงหน้าแผงขาย แล้วสั่งชายวัยกลางคนว่าเอา แป้งทอดใส่ไข่ หนึ่งอัน
“ นั่นคือภรรยาของคุณเหรอ ? สวยมากเลยนะ ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ ขอบคุณครับ ” รพีพงษ์ ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
“ คุณนี่โชคดีมากเลยนะ ได้ภรรยาดีขนาดนี้ต้องทำดีกับเธอให้มาก ๆ นะรู้มั้ย ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างทอดถอนใจ
รพีพงษ์ ได้แต่ยิ้ม ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเขาก็รับ แป้งทอดใส่ไข่ แล้วเดินจากไป
ไม่ต้องให้ชายวัยกลางคนคนนั้นบอก รพีพงษ์ เองก็รู้ดี เขาจะต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะทำดีต่อ อารียา ให้มากที่สุด
สองวันต่อมา อารียาได้รับคำเชิญจาก ธายุกรโดยที่เขาบอกว่าเขาได้ทำผิดพลาดไปในการจัดนิทรรศการวัตถุโบราณครั้งก่อน ดังนั้นเขาจึงอยากจะขอโทษ อารียาด้วยการเชิญเธอไปทานอาหารค่ำกับเขา
อารียา คิดไม่ถึงว่า ธายุกร จะเปลี่ยนไป อีกทั้งเขายังเป็นฝ่ายเข้ามาขอโทษเธอก่อนด้วย
แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก นึกว่า ธายุกร หลงผิดไปแล้วจะกลับตัวกลับใจเลยไม่อยากเป็นศัตรูกับเธออีก
ด้าน ธายุกรเองก็ขอให้ อารียาออกไปทานอาหารกับเขาซ้ำไปซ้ำมา จน อารียาทนการรบเร้าจากธายุกรไม่ไหว ดังนั้นเธอจึงได้ตอบตกลงไปกับเขา
ในตอนเย็นวันนั้น อารียาแต่งหน้าอ่อน ๆ เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กำลังจะเดินออกไป
พอ รพีพงษ์ เห็นดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ คุณจะไปไหน ? ”
อารียา เล่าเรื่องที่ ธายุกร ต้องการจะเลี้ยงข้าวเธอเพื่อเป็นการขอโทษให้แก่ รพีพงษ์ ฟัง หลังจากนั้น รพีพงษ์ ก็กลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นว่า “ ผมไปกับคุณดีกว่า ”
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงปฏิเสธ รพีพงษ์ ไปตรง ๆ แต่หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้เธอไม่ได้มีความรู้สึกขัดแย้งต่อ รพีพงษ์ แบบนั้นแล้ว
“ ก็ได้ ” อารียา พยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับ รพีพงษ์
เมื่อพวกเขาลงไปถึงชั้นล่าง รพีพงษ์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาและส่งข้อความไปถึง ไตรทศ
“ เตรียมการเคลื่อนไหว ”
ขณะที่ทั้งสองเดินออกไปถึงด้านหน้าของเขตชุมชน ทันใดนั้น รพีพงษ์ ก็พูดขึ้นว่า “ ผมไปซื้อ แป้งทอดใส่ไข่ สักหน่อยดีกว่า ธายุกร จะเลี้ยงข้าวคุณ เขาคงไม่มายุ่งกับผมแน่นอน ”
อารียา คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าน่าจะใช่อย่างที่เขาว่าจึงหันไปพยักหน้าให้กับ รพีพงษ์
รพีพงษ์ เดินไปถึงหน้าร้านขาย แป้งทอดใส่ไข่ ก่อนจะสั่งกับชายวัยกลางคนว่าเอา แป้งทอดใส่ไข่ หนึ่งชิ้น
ชายวัยกลางคนยื่นแป้งทอดใส่ไข่ ที่ทำเสร็จแล้วให้แก่ รพีพงษ์จากนั้นมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า “ ระวังตัวไว้ด้วยนะ ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยจับตาดูคุณหรือไม่ก็ภรรยาของคุณอยู่ ”
รพีพงษ์ ผงะไปชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดเลยว่าอยู่ ๆ ชายวัยกลางคนคนนี้จะพูดเรื่องนี้กับเขา
แต่เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แม้ว่าคำพูดของชายวัยกลางคนจะทำให้ รพีพงษ์ รู้สึกได้ว่าคนคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่เขาก็รู้ว่าทุก ๆ คนล้วนมีความลับกันทั้งนั้น
เขามีใจที่คิดจะตักเตือนกันแค่นี้ก็เกินพอแล้ว
รพีพงษ์ เริ่มมีความรู้สึกถูกชะตาต่อชายคนนี้ไม่น้อย
“ ขอบใจนะ ”
รพีพงษ์ ตอบกลับก่อนจะรับ แป้งทอดใส่ไข่ แล้วเดินจากไป
……
ณ ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งในเมืองริเวอร์
ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ นั่งอยู่ด้วยกัน
“ พี่ธายุฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นะว่าทำไมพี่ถึงต้องเชิญผู้หญิงชั้นต่ำอย่าง อารียามาทานอาหารเย็นด้วย แล้วยังจะขอโทษเธออีก พี่เป็นถึงทายาทในอนาคตของตระกูลฉัตรมงคล เลยนะ พี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเธอเลยด้วยซ้ำ ” ชรินทร์ทิพย์ พูดขึ้นอย่างไม่ไยดี
ธายุกร แสยะยิ้มขึ้นมาทันทีพร้อมกับพูดว่า “ เธอคิดว่าฉันต้องการจะขอโทษ อารียา จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ฉันก็แค่พยายามจะดึงเธอให้ติดกับดักของฉันเท่านั้นแหละ ”
“ กับดัก ? กับดักอะไรกัน ? ” ดวงตาของ ชรินทร์ทิพย์เบิกกว้างขึ้นทันที
ธายุกร จึงรีบเล่าแผนการของเขาที่กะว่าจะให้อินทัช จัดการ อารียา ให้เธอฟัง
“ พี่ธายุ วิธีการของพี่มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้น
“ นี่มันจะไปนับอะไรได้ ใครมันบอกให้ อารียามาเป็นศัตรูกับฉันล่ะ อีกอย่างหลังจากเหตุการณ์คราวที่แล้วคุณปู่ก็ดูจะให้ความสำคัญกับ อารียา มากขึ้นด้วย ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปเธออาจจะเข้ามาแย่งทรัพย์สมบัติไปจากฉันก็ได้ ” ธายุกร พูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ
“ ใช่ มีแค่ อารียา คนเดียวเท่านั้นที่ได้แต่งงานแล้วเอาสามีเข้าบ้าน เพราะอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแบ่งสมบัติในตระกูลเราได้อีกแล้ว อีกอย่างนะอาจเป็นไปได้ว่า รพีพงษ์ มันต้องการที่จะเข้ามาเอาสมบัติของพวกเรา เลยจงใจใช้ให้ อารียา มาเป็นศัตรูกับเรา เพราะอย่างนั้นนะเราต้องขัดขวางมันทุกวิถีทางอย่าให้มันได้ประสบความสำเร็จ ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้นอย่าเด็ดเดี่ยว
“ เหอะ ๆ แค่ไอ้โง่คนหนึ่งอย่าง รพีพงษ์ น่ะเหรอ เงินของตระกูลฉัตรมงคล สักแดงเดียวฉันก็ไม่มีวันให้มันได้แตะ อีกอย่างถ้าวันนี้มันกล้าตาม อารียา มาละก็ ฉันจะให้มันได้เห็นความไร้ยางอายของ อารียา ที่อยู่ภายใต้ร่างกายของ พี่ทัช เลยคอยดู ” ธายุกร พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
ชรินทร์ทิพย์กลอกตาไปมาแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ พอถึงตอนนั้นเราก็ค่อยเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป ชีวิตของอารียาจะได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แบบไปเลย เธอก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงขายตัวไปตลอดชีวิต แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการไล่เธอออกไปจากตระกูลฉัตรมงคล ตรง ๆ เลยด้วย พี่คิดว่ายังไง ? ”
ธายุกรถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่า ชรินทร์ทิพย์จะโหดเหี้ยมไปกว่าเขาได้ เธอไม่เพียงแค่ต้องการให้ อารียา สูญเสียความบริสุทธิ์ไปเท่านั้น แต่เธอยังต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปอีกด้วย
“ น้องสาวของฉันนี่รู้จักวางแผนจริง ๆ เลยนะ เอาตามที่เธอว่าเลยแล้วกัน พอถึงตอนนั้นเราก็เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณปู่ บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัว ล่อลวงอินทัช ออกไป ให้ชื่อเสียงของเธอย่อยยับภายใต้ตระกูลฉัตรมงคล นี่แหละ ” ธายุกร พูดขึ้นอย่างเห็นด้วย
ชรินทร์ทิพย์ยิ้มออกมาด้วยท่าทางราวกับว่ากำลังรอคอยดูความพินาศของชีวิต อารียา อยู่
“ พี่ธายุ ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ไว้อีกเดี๋ยวถ้าผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นมาแล้ว วันนี้พี่ต้องให้ พี่ทัช เล่นกับเธอให้สนุกสุด ๆ ไปเลยนะ ” ชรินทร์ทิพย์ยืนขึ้นก่อนจะเดินออกไปข้างจากร้านอาหารไป
ธายุกร ยิ้มเยาะขึ้นมาพร้อมกับพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ อารียา การที่เธอมาเป็นศัตรูกับฉัน เธอได้รู้ซึ้งถึงผลของมันในเร็ว ๆ นี้แน่ แล้วก็ รพีพงษ์ ฉันจะทำให้แกรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นเลยล่ะ ! ”