พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 219 ไม่ว่าจะเยอะเท่าไหร่พวกเราให้ได้ทั้งนั้น
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 219 ไม่ว่าจะเยอะเท่าไหร่พวกเราให้ได้ทั้งนั้น
บทที่219 ไม่ว่าจะเยอะเท่าไหร่พวกเราให้ได้ทั้งนั้น
ปวิธรู้สึกว่าช็อคกับตนเอง มองรพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ไม่เชื่อ ไอ้เด็กนี่พูดว่าร้อยล้านไม่เยอะ ใครได้ยินก็อยากจะเตะปากมันจริง
“ร้อยล้านไม่มาก หรือห้าล้านของผมมาก รพีพงษ์ ผมจะบอกให้นะ คุณกำลังล้อเล่นกับผมอยู่ใช่ไหม?” ปวิธยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อรพีพงษ์อยู่
รพีพงษ์ยืดอก แล้วกล่าว “ไม่ได้ล้อเล่น ผมจะฝากเงินร้อนล้านจริงๆ”
“คุณเป็นไอ้สวะขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ไม่ใช่หรอ คุณเอาเงินมาจากไหนเป็นร้อยล้าน ตลก” ปวิธสงสัย
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “บางครั้งเรื่องที่คุณได้ยินมาอาจไม่เป็นความจริงก็ได้นะ”
ต่อมาเขาก็มองไปที่ผู้จัดการ เอาบัตรสีดำนั้นยื่นให้กับผู้จัดการ แล้วกล่าว “โอนออกไปจากบัตรโดยตรงล่ะกัน”
ผู้จัดการรับบัตรนั้นมา สำหรับรพีพงษ์แล้วร้อยล้านอาจจะถือว่าไม่มาก แต่สำหรับธนาคารพวกเขาแล้ว ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย
ประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง ผู้จัดการมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณรพี ผมเลือกแพ็คเกจที่ดีที่สุดให้กับคุณ พวกเราจะทำเงินพิเศษร้อยล้านนี้ให้กับคุณโดยเฉพาะ ชื่อของยอดเงินนี้ จะใส่เป็นชื่อใครหรอครับ?”
“ใช้ชื่อของภรรยาผมก็โอเคแล้วครับ ร้อยล้านนี่ผมฝากแทนเธอ” รพีพงษ์กล่าว
ผู้จัดการพยักหน้า แล้วกล่าว “หลังจากที่ทำธุรกรรมนี้เสร็จแล้ว ผมจะรายงานผลกำไรจากยอดเงินนี้ให้กับคุณทุกเดือน แล้วดอกผลกำไรก็จะโอนเข้าไปในบัญชีภรรยาคุณโดยตรง คุณคิดว่ายังไง?”
“ได้ ผลกำไรต่อปีของร้อยล้านนี้อยู่ที่เท่าไหร่?” รพีพงษ์ถาม
“ถ้าบริหารเงินให้ดีๆ หนึ่งปีห้าล้านก็ไม่น่าจะมีปัญหา” ผู้จัดการกล่าว
ปวิธที่อยู่ข้างหลังสูดลมหายใจ กำไรของบริษัทเขาหนึ่งปีก็ห้าล้าน แต่นี่เป็นกำไรที่เขาเหนื่อยแทบเป็นแทบตายกว่าจะได้มา แต่รพีพงษ์เพียงแค่เอาเงินฝากไว้ในธนาคารร้อยล้าน ก็สามารถมีผลกำไรห้าล้านได้ ไม่รู้จะอิจฉายังไงแล้ว
“ได้ งั้นเดี๋ยวฉันเอาเลขบัญชีของภรรยาให้คุณ ทุกๆเดือนคุณเอาผลกำไรโอนไปในบัตรเธอก็โอเคแล้ว ใช่ ตอนนี้เธอกำลังบริหารบริษัทหนึ่งอยู่ อนาคตอาจจะมีการกูยืมเงินประมาณนี้ ที่นี่จะสะดวกกว่าไหม?” รพีพงษ์ถาม
“เรื่องนี้คุณสบายใจได้ มีคุณที่ฝากเงินร้อยล้านกับธนาคารของเราอยู่ ภรรยาของคุณสามารถกู้ยืมกับพวกเราได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ” ผู้จัดการกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า เมื่อถามชัดเจนแล้ว ห็รับบัตรดำกลับมา แล้วยืนขึ้น
“โอเคล่ะ ที่เหลือคุณจัดการแล้วกัน ผมขอตัวกลับก่อน” รพีพงษ์กล่าว
ผู้จัดการรีบยืนขึ้น ปวิธยังคงอยู่ในความมึนงง รู้สึกเสียใจทีตอนนั้นไม่ได้ขอวีแชทของรพีพงษ์ไว้ นี่ถือว่าเป็นคอนแทร็คค้ำฟ้าเลยนะ พลาดไปได้เสียอย่างงั้น
“ตอนนั้นฉันยังโอ้อวดกับเค้าว่าจะฝากเงินห้าล้าน ชั่งโง่งมจริงๆ ไม่แน่ตอนนี้เค้ากำลังหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองอยู่ก็เป็นได้” ปวิธพึมพำกับตัวเอง
บริษัทฉัตรมงคล
อารียานั่งในห้องทำงานของตัวเองอย่างอึดอัด วันนี้เป็นวันที่เธอมารับช่วงต่อของบริษัท เป็นการทำงานอย่างเป็นทางการวันแรก
แต่ในวันแรกนี้ เธอพบกับปัญหาที่ไม่สามารถมองข้ามได้ของบริษัทตัวเอง
เงินในบัญชีบริษัท ไม่พอที่จะหมุนเวียนในหนึ่งสัปดาห์ หลังจากหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าไม่มีเงินหมุนเวียนเพียงพอ บริษัทอาจเพราะการขาดเงินหมุนเวียน ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ใหญ่
“ไอ้บ้าธายุกร ตอนที่เขาเป็นประธานบริษัทได้ทำอะไรให้บริษัทบ้างนะ เงินในบัญชีบริษัทมีเหลือแค่นิดเดียว ต้องโดนเขาถลุงแน่นอน” อารียาพูดอย่างโมโห
ในขณะที่เธอกำลังปวดหัวกับเรื่องเงินสภาพคล่องของบริษัทอยู่นั้น มือถือเธอดังขึ้น เป็นธายุกรโทรมาพอดี
“ประธานอารียา เข้ารับตำแหน่งใหม่รู้สึกอย่างไรบ้าง? สบายมากใช่ไหม? ตอนนี้ทั้งบริษัทก็เป็นของแกแล้ว ไม่มีใครเป็นศัตรูกับแก แกคงมีความสุขมากสินะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าแกเห็นของขวัญที่ฉันทิ้งไว้ให้หรือยัง” ธายุกรเยาะเย้ยแล้วกล่าว
อารียารู้ว่าของขวัญที่ธายุกรทิ้งไว้นั้นคืออะไร ใบหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมาทันที
“ธายุกร แกเอาเงินในบัญชีบริษัทออกไปใช่ไหม นั่นมันเงินบริษัท นี่ถือว่าแกเอาเงินส่วนรวมใช้ส่วนตัว ฉันขอให้แกเอาเงินเหล่านี้มาคืนจะดีที่สุด ไม่งั้นแกก็รอหมายเรียกได้เลย” อารียากล่าว
“ประธานอารียา คุณอย่าดูถูกคนอื่น ฉันเอาเงินบริษัทของแกตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันเอาเฉพาะรายรับที่ฉันควรจะได้” เสียงของธายุกรดูไม่แคร์ใดๆ
เงินจำนวนนั้นไม่ได้เอาจากบัญชีบริษัทจริงๆ แต่ถลุงเอาจากโครงการของบริษัทซันบับเบิ้ลกรุ๊ป ตั้งแต่เขาเริ่มเป็นประธาน บริษัทก็ไม่ค่อยมีรายได้เข้าบัญชีบริษัทเลย
“ธายุกร แกไอ้สารเลว!” อารียาด่าอย่างไม่พอใจ
ถ้าไม่มีเงินเพียงพอในการหมุนเวียน ก็เปรียบเสมือนกับบริษัทตระกูลลัดดาวัลย์ยังไม่ทันเริ่มก็ล้มละลายแล้ว ตอนนี้อารียาเป็นประธาน ต้องไม่มีเรื่องใดเร่งรีบเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
“เหอะเหอะ ตอนนี้คิดว่าฉันเป็นไอ้สารเลวแล้ว ตอนแรกที่แกไล่พวกเราออกถึงไม่คำนึงว่าแกจะมีวันนี้ล่ะ จะบอกให้นะ นี่เป็นเวรกรรมที่สวรรค์ประทานให้แก” ธายุกรพูดอย่างเยือกเย็น
“แกอย่าคิดว่าเป็นแบบนี้ แล้วฉันจะไม่มีทางออก ฉันจะหาเงินหมุนเวียนมาให้ได้” อารียากล่าว
“อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ความสามารถระดับแกจะไปหาเงินมาจากไหน บริษัทตระกูลลัดดาวัลย์ในเวลานี้ไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ฉันได้เอาสถานการณ์ของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลบอกไปยังธนาคารใหญ่ๆแล้ว ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้แกจะไปกู้ยืมเงิน เค้าก็ไม่ให้แกกู้หรอก” ธายุกรยิ้มอย่างร้ายกาจ
อารียากำหมัดไว้อย่างแน่น เมื่อกี๊วิธีที่เธอคิดได้วิธีเดียวก็คือไปธนาคาร แต่ตอนนี้ธายุกรทำแบบนี้ ก็เหมือนกับได้ทำลายทางออกสุดท้ายของเธอแล้ว
“ธายุกร หรือแกอยากจะเห็นบริษัทตระกูลฉัตรมงคลพังลงใช่ไหม” อารียากัดฟันแล้วกล่าว
ธายุกรนิ่งไปสักครู่ จากนั้นก็กล่าวว่า “ตอนนี้ฉันไม่ใช่คนของบริษัทตระกูลฉัตรมงคล มันพังหรือไม่พังเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน แต่ถ้าแกไม่อยากให้บริษัทตระกูลฉัตรมงคลล้มละลายล่ะก็ แกสามารถมาขอร้องฉัน ให้ฉันกลับไปเป็นประธาน แล้วฉันจะเอาเงินในมือของฉัน ใส่ไว้ในบัญชีบริษัท
“ฝันไปเถอะ! ฉันจะไปธนาคารเดี๋ยวนี้ ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ให้ฉันกู้”
พูดจบ อารียาก็วางสายไป แน่นอกไปหมด
เธอผ่อนคลายสักแป๊ป จากนั้นก็ยืนขึ้นและถือเอกสารที่จำเป็น เพื่อไปธนาคาร
เมื่อถึงประตูธนาคาร อารียาเห็นธายุกรรออยู่ตรงนี้แล้ว สีหน้าเริ่มไม่ดีขึ้นอีกครั้ง
ธายุกรมองไปที่อารียาด้วยความดูแคลน เขามาที่นี่เพื่อเยาะเย้ย
“อารียาฉันขอแกล่ะอย่าพยายามเลย ธนาคารไม่มีทางให้แกกู้ยืมหรอก แกมีเวลาอยู่สู้มาขอร้องฉันดีกว่า ไม่แน่ถ้าฉันมีความสุขอาจจะเอาเงินให้แกก็ได้นะ แน่นอน แกต้องให้ฉันกลับไปเป็นประธานก่อน แล้วต้องขอโทษฉันอย่างเป็นทางการ” ธายุกรกล่าว
“แกเลิกฝันได้เลย แม้จะกู้ธนาคารไม่ได้ ฉันกลับไปขายวิลล่าของครอบครัวห็ไม่มีทางอ้อนวอนแก ให้แกกลับไปที่บริษัท ก็เหมือนผลักบริษัทลงเหว” อารียากล่าวอย่างเยือกเย็น
“เหอะ งั้นฉันก็จะรอดูว่าแกจะทำยังไงให้บริษัทผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้ จะบอกให้นะ ไม่มีฉันบริษัทก็ไปไม่รอด” ธายุกรก็กล่าวอย่างเยือกเย็นเช่นกัน ด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
อารียาไม่สนใจเขาอีกต่อไป เดินเข้าไปในธนาคาร
ธายุกรเห็นดังนั้นก็รีบเดินตามเข้าไป เขาอยากเห็นตอนที่อารียาเศร้าสลดด้วยสายตาตนเอง
ผู้จัดการหน้าฟร้อนไม่รู้จักอารียา หลังจากที่ได้ยินอารียาพูดว่าจะกู้เงินนั้น ก็พาเธอไปที่หน้าเคาน์เตอร์
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจเหตุการณ์แล้ว สีหน้าของอารียาก็แย่ลง ธายุกรที่ยืนข้างๆดูแคลนอารียา เขาเดาได้ ธนาคารไม่มีทางให้อารียากู้แน่นอน
“คุณอารียา คืออย่างนี้นะคะ สถานการณ์บริษัทของคุณฉันได้ทำความเข้าใจมาแล้วบ้าง ฉันได้ยินมาว่าการจัดการในช่วงนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วบริษัทก็ได้ถูกเทคโอเวอร์มาแล้วหนึ่งครั้ง ถ้าพวกเราให้คุณกู้ล่ะก็
“บริษัทของเราไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุณเชื่อฉัน เพียงแค่คุณให้ฉันกู้ บริษัทของเราจะมีกำไรมาอย่างเร็ว การคืนเงินกู้ก็จะเป็นไปตามที่นัดเอาไว้” อารียาพูดอย่างเคร่งเครียด
สีหน้าของผู้จัดการหน้าฟร้อนลำบากใจ ดูออกชัดเจนว่าไม่อยากให้อารียากู้ยืม
“อารียา แกอย่าเสียแรงอีกเลย ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ไม่มีธนาคารไหนให้แกกู้ยืมหรอก แกก็ขอร้องฉันแต่โดยดี ยังมีทางออกให้บริษัทฉัตรมงคลอยู่รอดได้นะ” ธายุกรที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวออกมา
อารียากัดฟัน ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
หรือต้องขายวิลล่าจริงๆหรอ? ถ้าหารพีพงษ์ล่ะก็ เขาน่าจะคิดวิธีออกนะ
ในขณะที่อารียากำลังยืนขึ้นเพื่อจะไปหารพีพงษ์เพื่อหาทางออกนั้นเอง ผู้จัดการธนาคารก็เดินออกมา เขามองมาตรงนี้ ตอนที่เห็นอารียานั้น ก็ชะงักขึ้นทันที
ตอนที่เขาช่วยรพีพงษ์ทำเรื่องฝากเงินนั้น ได้เห็นข้อมูลส่วนตัวของอารียามาแล้ว ดังนั้นถึงได้รู้ลักษณะของอารียา
ตอนนี้อารียาสามารถพูดได้ว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารพวกเขา เขาไม่กล้าทำงานช้า ดังนั้นจึงรีบเดินไปทางนั้น
“ตอนนี้พวกคุณกำลังทำธุรกรรมอะไรอยู่? ทำไมไม่เชิญลูกค้าไปที่ห้องรับรอง?” ผู้จัดการถามผู้จัดการหน้าฟร้อนโดยตรง
ผู้จัดการหน้าฟร้อนเห็นผู้จัดการมา แล้วรีบกล่าว “เธอเป็นคนของบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ตอนนี้เงินหมุนเวียนของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลเริ่มมีปัญหา อยากจะกู้เงินจากธนาคารของเรา แต่ผลกำไรของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลนั้นไม่ค่อยสู้ดี ดังนั้นพวกเราต้องไตร่ตรองอีกครั้ง”
ธายุกรคิดว่าถึงแม้ผู้จัดการทั่วไปของธนาคารมา ก็ไม่มีทางปล่อยให้อารียากู้ ไม่แน่อาจเหยียดหยามอารียาอีกก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอาผู้จัดการมาใส่ใจ
แต่ทว่ามีสิ่งที่เขาไม่คิดถึงก็คือ หลังจากที่ผู้จัดการได้ยินผู้จัดการหน้าฟร้อนพูดแล้ว ก็พูดออกมาว่า “ใครบอกว่าพวกเราต้องไตร่ตรอง ต่อไปเพียงแค่คุณอารียามากู้ยืม ไม่ว่าจะเท่าไหร่ พวกเราต้องให้กู้ แค่ไม่เกินร้อยล้านก็โอเคแล้ว”
หลังจากที่อารียาได้ยินผู้จัดการแล้วนั้น แววตาประกาย แล้วกล่าว “ผู้จัดการ ฉันไม่ต้องการกู้เยอะขนาดนั้น ฉันต้องการแค่สามสิบล้านก็พอแล้ว”