พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 211 คนชั้นต่ำ
บทที่211 คนชั้นต่ำ
เมื่อภูศิตาได้ยินคำพูดของไชยพศแล้ว สีหน้าก็ซีดลงทันใด เธอในฐานะภรรยาของไชยพศ ปกติผู้คนก็ชอบประจบประแจงเธอ ไม่เคยถึงขึ้นต้องก้มหัวขอโทษใคร
แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เป็นแค่หญิงจนๆคนหนึ่ง ปกติเวลาที่เธอเจอคนแบบนี้ ก็จะดุด่า และคนประเภทนี้ก็จะไม่กล้าพูดอะไร
แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องเจอกับรพีพงษ์ รพีพงษ์ยังรู้จักกับธฤตญาณ ถ้าตอนนี้เธอไม่คุกเข่าคำนับล่ะก็ ก็เหมือนกับไม่ให้เกียรติธฤตญาณ งั้นสามีเธอขอความช่วยเหลือจากธฤตญาณก็ทำไม่ได้แล้ว ถึงเวลานั้นชีวิตที่มีความสุขของเธอก็จะจบลง
เธอกัดฟัน สูดหายใจลึกๆ คุกเข่าคำนับให้กับชนิสราหลายครั้ง แล้วตะโกนอย่างไม่หยุดว่า “ได้โปรดอภัยให้ฉัน ต่อไปฉันจะไม่ทำมันอีก”
ชนิสราเห็นภูสิตาคุกเข่าคำนับให้เธอ ก็ตกใจแล้วรีบห้ามภูศิตา แล้วกล่าว “คุณอย่าทำแบบนี้ อันนี้ฉันรับไว้ไม่ได้นะ ฉันไม่ได้โทษคุณ”
“เจ๊ คุณให้เธอคุกเข่าคำนับเถอะ หญิงบ้าคนนี้ถ้าไม่เสียเปรียบบ้าง ไม่แน่อนาคตอาจสร้างปัญหาใหญ่ให้ผมได้นะ” ไชยพศเดินไป แล้วเอามือของชนิสราที่ห้ามภูสิตาออก
ภูสิตาด่าในใจ แล้วคิดว่าไชยพศคือสามีของเธอจริงๆหรือเปล่า ทำไมถึงอยากให้เธอคุกเข่าคำนับขนาดนี้
ถึงแม้ในใจคิดแบบนี้ แต่ภูสิตาก็ไม่กล้าพูดอะไร ไม่มีใครห้ามเธอ เธอทำได้เพียงคุกเข่าคำนับต่อไป
ผ่านไปไม่นาน หน้าผากของภูสิตาก็เริ่มช้ำเขียว คำนับจนหน้าผากเกือบแตก
ชนิสราเห็นภูสิตายังไม่หยุดคุกเข่าคำนับ ก็หันไปดูรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ไม่งั้นก็เท่านี้ล่ะกัน เธอคุกเข่าคำนับมานานขนาดนี้แล้ว ฉันให้อภัยเธอแล้ว”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “พอล่ะ”
ภูสิตาเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วรีบหยุดทันที
“คุณจำใส่กะลาหัวไว้นะ คราวหลังถ้าอยู่ข้างนอกแล้วยังคุณกล้ายั่วผมด้วยเรื่องแบบนี้ ผมจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!” ไชยพศตะคอกใส่ภูสิตา
ภูสิตารีบพยักหน้า ไม่กล้าฝ่าฝืนใดๆ
ไชยพศมองไปที่ธฤตญาณด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว “พี่ธฤต ไม่ทราบว่าคุณพอใจหรือยัง?”
ธฤตญาณถามรพีพงษ์ “ยังต้องให้เธอชดใช้ค่าเสียหายใดๆไหม?”
“ไม่จำเป็นแล้ว ให้เธอจำไว้เป็นบทเรียนก็พอแล้ว ถ้าแกมีธุระก็เป็นทำก่อนล่ะกัน ไม่ต้องห่วงที่นี่แล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ไชยพศมองไปที่รพีพงษ์ ในใจสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมธฤตญาณถึงได้เคารพคนนี้ขนาดนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ ไม่ว่าตัวตนรพีพงษ์จะเป็นใคร เขาก็แตะต้องไม่ได้ อนาคตถ้าเจอรพีพงษ์ เดินหลบไปเลยจะดีกว่า
ธฤตญาณพยักหน้า แล้วกล่าว “โอเค งั้นฉันไปล่ะ ถ้ามีอะไรแกโทรหาฉันล่ะกัน”
ต่อมาธฤตญาณและไชยพศก็ไปด้วยกัน พาภูสิตาออกจากที่นี่
คนรอบข้างเห็นทุกอย่างจบลงแล้ว ก็แยกย้ายกัน ก่อนจากไปทุกคนใช้สายตานับถือมองไปยังรพีพงษ์ ล้วนรู้สึกว่าเรื่องราวในวันนี้รพีพงษ์ทำได้ดีมาก
ผู้คนเหล่านั้นที่ก่อนหน้านี้ดูถูกรพีพงษ์ก็ก้มหัวอย่างอับอาย
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันแล้ว รพีพงษ์และอารียาทั้งคู่เดินไปข้างหน้าของชนิสรา นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา
“สาวน้อย เด็กน้อย วันนี้ต้องขอบคุณพวกเธอจริงๆ ถ้าไม่ใช่พวกเธอล่ะก็ วันนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ ฉันออกมาหางานทำคนเดียว จะมีเงินมากขนาดนั้นชดใช้เธอได้ยังไง ยิ่งกว่านั้นลูกสาวฉันก็กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ฉันยังต้องหาหาเงินส่งเธอเรียน ฉัน……”
ชนิสราพูดไปพูดมา ก็ตื่นตระหนก อดกลั้นไว้ไม่ไหว ก็ร้องไห้ออกมาทันที
อารียารีบปลอบโยน หยิบกระดาษทิชชู่ออกมา แล้วซับน้ำตาให้เธอ
“เจ๊ ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็ มาเป็นแม่บ้านที่บ้านพวกเราเถอะ พวกเรากำลังหาแม่บ้านอยู่พอดี เพียงแค่คุณสามารถทำงานบ้านได้ก็พอแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ชนิสรามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “เด็กน้อย ความจริงครั้งนี้ที่ฉันมาหางานทำ ก็คือทำงานแม่บ้าน แต่เค้ารังเกียจที่ฉันมาจากบ้านนอก จึงไม่มีใครรับ คุณยอมให้ฉันไปทำงานที่บ้านจริงๆหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “แน่นอน เพียงแค่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นแม่บ้าน เงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ คุณบอกผมหน่อยได้ไหม ผมจะได้ให้เงินเดือนถูก”
“ตอนนี้เงินเดือนของแม่บ้านปกติอยู่ที่เดือนล่ะห้าพันโดยประมาณ ถ้าคุณรับฉันจริงๆล่ะก็ ให้ฉันเดือนล่ะสามพันก็พอแล้ว งานบ้านทุกอย่างฉันทำได้หมด รับรองว่าพวกคุณต้องพอใจเป็นแน่” ชนิสรากล่าว
เธอรู้สึกว่ารพีพงษ์และอารียาทั้งคู่เป็นคนดี ดังนั้นถึงแม้ให้เงินเดือนน้อยสักหน่อย เธอก็ยินยอมที่จะทำงานให้รพีพงษ์พวกเขา
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “งั้นเอางี้ ผมให้คุณเดือนล่ะหนึ่งหมื่น คุณรับรองว่าบ้านจะไม่รกก็เป็นอันว่าโอเคแล้ว ปกติก็แค่ทำกับข้าวอะไรประมาณนี้ แน่นอน งานบ้าน อาจจะเหนื่อยสักหน่อย”
ชนิสราตาโตขึ้นมาทันมี มองรพีพงษ์ด้วยความไม่เชื่อ ริมฝีปากสั่นคลือ “ หนึ่ง……หนึ่งหมื่นหยวน ไม่ได้ไม่ได้ มากไป เพียงแค่ทำงานบ้านเท่านั้น จะใช้เงินเยอะขนาดนี้ได้ไง”
อารียายิ้มพลางกล่าว “เจ๊ คุณไม่ต้องเกรงใจหรอก งานบ้านของพวกเราค่อนข้างเยอะ รอคุณไปเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”
ชนิสรากลืนน้ำลาย เธอไม่คิดไม่ฝัน ว่าตัวเองจะสามารถหางานที่เงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวนได้
รพีพงษ์ดูชุดที่ชนิสราสวมใส่มันเก่าแล้วจริงๆ ก็คิดว่าจะไปซื้อชุดให้เธอสองตัว แบบนี้ใส่แล้วจะได้รู้สึกสะอาดขึ้นหน่อย พวกเขาดูแล้วก็สบายตา
ชนิสรายังคงยืนยันว่าจะไม่ให้รพีพงษ์ซื้อชุดให้ รพีพงษ์ให้เงินเดือนเธอหมื่นหยวนก็ทำให้เธอประหลาดใจแล้ว แต่รพีพงษ์บอกว่าถ้าชนิสราไม่เอาชุดใหม่ ก็จะไม่รับเธอมาทำงานแล้ว ชนิสราไม่มีทางออก ทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น
ทั้งสามไปซื้อเสื้อผ้าสองชุดด้วยกัน แล้วกลับไปดงเย็นด้วยกัน
หลังจากที่ชนิสราเห็นวิลล่าหลังใหญ่ของรพีพงษ์ ชะงักขึ้นมาทันที
เธอยืนอยู่นอกวิลล่า อ้าปากค้าง ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบอยู่นาน
“เจ๊ นี่คือบ้านของผม ต่อไปคุณอยู่ที่นี่แล้วกัน ข้างในมีห้องเพียงพอ พอดีบ้านค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นผมถึงได้ให้เงินเดือนคุณขนาดนั้น คุณก็อย่ารู้สึกไม่ดี เงินเดือนระดับนี้ก็พอดี” รพีพงษ์กล่าว
“ใช่แล้วเจ๊ ข้างในนี้มีที่ให้ทำความสะอาดเยอะมาก ต่อไปต้องรบกวนคุณแล้วแหละ “อารียากล่าว
ชนิสราได้ยินทั้งคู่พูดแบบนี้ ก็ไม่ได้เกรงใจอีก หายใจลึกๆแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง”
รพีพงษ์และอารียาหัวเราะ จากนั้นก็พาชนิสราเข้าไปในวิลล่า
ศศินัดดากำลังกวาดบ้าน เห็นประตูเปิดออก รีบทิ้งไม้กวาดลงจากมือ แล้วด่า “รพีพงษ์ แกมันสมควรตาย รีบมากวาดบ้านให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันย้ายมานี่ ไม่ใช่เพื่อทำงานบ้านให้แก!”
ชนิสราเห็นดังนี้ รีบไว้เข้าไป หยิบไม้กวาด แล้วกล่าว “ฉันกวาดเองค่ะ ต่อจากนี้ไปในบ้านฉันจะทำความสะอาดเอง”
ศศินัดดาดูชนิสรา ใบหน้าแปลกใจ แล้วถาม “แกเป็นใคร นี่เป็นบ้านของฉัน แกมากวาดพื้นที่นี่ทำไม?”
“แม่ ท่านนี้คือรพีพงษ์ให้มาเป็นแม่บ้าน พี่สา” อารียากล่าว
ศศินัดดาชักตาทันที แล้วกล่าว “มีรพีพงษ์อยู่ ยังจะหาแม่บ้านอีกทำไม แม่บ้านไม่ต้องจ่ายเงินหรอ งานบ้านให้รพีพงษ์ทำก็ได้แล้ว”
“แม่ คุณหยุดไร้สาระสักที รพีพงษ์มีเวลาทำงานบ้านที่ไหน” อารียาพูดอย่างไม่พอใจ
ศศินัดดามองรพีพงษ์อย่างดุร้าย แล้วกล่าว “ได้รพีพงษ์ แกยอมที่จะให้เงินคนนอก แต่ไม่ให้ฉัน แกอยากจะเป็นปฏิปักษ์กับฉันใช่ไหม ตอนนี้กล้าที่จะไม่ขออนุญาตฉัน แล้วหาแม่บ้านเอง แกชักจะเหิมเกริมไปแล้ว!”
รพีพงษ์มองไปที่ศศินัดดา แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ผมหาแม่บ้านทำไมต้องได้รับการอนุญาตจากคุณ? คุณอย่าเกินไป”
“นี่คือบ้านฉัน ทำไมไม่ขออนุญาตฉัน!” ศศินัดดาตะคอกออกมา
“งั้นผมไปซื้อวิลล่าใหม่อีกสักหลัง ต่อจากนี้ไปค่าส่วนกลางที่นี่คุณจ่ายเองแล้วกัน แบบนี้คุณพอใจหรือยัง?” รพีพงษ์กล่าว
ศศินัดดาไม่พูดอะไรต่อ แค่พึมพำพึมพำ หันไปหาชนิสรา ด้วยใบหน้าไม่พอใจ
หลังจากจัดห้องให้ชนิสราแล้ว รพีพงษ์ก็ให้เธออาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่ ชนิสราทำความสะอาดบ้านใหม่อีกครั้ง ข้างนอกข้างในทำความสะอาดอย่างเอี่ยมอ่อง ศศินัดดารู้ว่าตนเองไม่ต้องทำความสะอาดแล้ว จากนั้นก็ไม่พูดกับรพีพงษ์เรื่องแม่บ้านอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้น อารียาและรพีพงษ์ออกไปพร้อมกัน วันนี้เป็นวันที่อารียาไปบริษัทตระกูลฉัตรมงคลเพื่อรับหน้าที่ประธาน อารียาเตรียมตัวมากมาย ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้คนเหล่านั้นของตระกูลฉัตรมงคลที่ดูแคลนเธอกลับมาให้ได้
แล้วรพีพงษ์ก็ไปประกบอารียา เพื่อช่วยอารียาให้เป็นประธานบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลอย่างราบรื่น
หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว ชนิสราก็เริ่มทำงานบ้าน ศศินัดดานั่งที่โซฟาอย่างชิวๆ กินเมล็ดแตงไปพลางดูชนิสราทำงานบ้านไปพลาง
“ชนิสรา แกมานี่หน่อย” ศศินัดดากล่าว
ชนิสรารีบเข้าไปกวดพวกนั้นทันที
“กวาดเปลือกของเมล็ดแตงที่อยู่บนพื้นให้ฉันหน่อย”
ชนิสราทะความสะอาดเมล็ดแตงพวกนั้นจนหมด
ศศินัดดาเห็นเธอทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ก็แกะเมล็ดแตงอีกหลายเม็ด พุ้ยเปลือกลงไปบนพื้น
ชนิสรารีบกวาดเปลือกพวกนั้นออกไป
ศศินัดดาเห็นดังนี้ ก็หัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “พวกชั้นต่ำแบบแกนี้ ชั่งเชื่อฟังจริงๆ เข้ามาเช็ดรองเท้าให้ฉันหน่อย”
ชนิสราก็ไม่กล้าพูดอะไร รีบก้มลงเช็ดรองเท้าให้กับศศินัดดา ศศินัดดาหัวเราะดูแคลน แล้วถีบไปที่ร่างกายของชนิสราโดยตรง ให้เธอนั่งลงบนพื้น
ศศินัดดาหัวเราะ ราวกับสิ่งที่ทำไปนั้นชั่งน่าสนใจยิ่งนัก
ชนิสราขมวดคิ้วมองไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “พี่นัดดา นี่คุณกำลังทำอะไร?”
“ทำไม แกเป็นคนใช้ของบ้านฉัน ฉันจะทำอะไรกับแกก็ได้ แกมีปัญหา?” ศศินัดดาเหยียดหยาม
“พี่นัดดา ถึงแม้ฉันคือแม่บ้าน แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉันไมาใช่ทาส กรุณาให้เกียรติฉันด้วย” ชริสรากล่าว
ศศินัดดายืนขึ้น แล้วตบไปที่หน้าของชริสรา ด่า “แกไอ้คนใช้มีสิทธิ์พูดด้วยหรอ? ทำงานให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะไล่แกออก!”