พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 209 เป็นทางเลือกที่ดี
บทที่ 209 เป็นทางเลือกที่ดี
“อะไรนะ! หนึ่งหยวน คุณคิดว่าเราโง่เหรอ หนึ่งหยวนก็จะให้เราขายบริษัท!”ญาติของตระกูลฉัตรมงคลสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจทันที เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมขายบริษัทให้ในราคาหนึ่งหยวน
“ประธานเธียรวิชญ์อย่ามาล้อเล่นกับพวกเราดีกว่า มีอย่างที่ไหนขายบริษัทหนึ่งหยวน”ธายุกรคิดว่าเธียรวิชญ์กำลังล้อเขาเล่นอยู่
เธียรวิชญ์ยิ้ม แล้วพูด: “ผมไม่ได้ล้อเล่นกับพวกคุณ หนึ่งหยวนถือว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดที่เพื่อนผมจะซื้อแล้วนะ ถ้าหากพวกคุณไม่ยอม อย่างนั้นผมก็ต้องฟ้องพวกคุณแล้ว”
“จะรอติดคุกได้ หรือจะขายบริษัทให้กับเพื่อนผม พวกคุณไปพิจารณากันเอาเองละกัน ถ้าหากว่าพวกคุณขายบริษัท อันที่จริงก็เหมือนกับว่าผมเสียเงินห้าสิบล้านซื้อบริษัทพวกคุณ บริษัทพวกคุณก็มีมูลค่าแค่นี้ พวกคุณก็ไม่เสียเปรียบ”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเธียรวิชญ์ พวกเขาก็นิ่งเงียบ สิ่งที่เขาพูดมามันก็ไม่ผิด เงินหนึ่งหยวนเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้นเอง คนในตระกูลฉัตรมงคลโกงเงินไปแล้วห้าสิบล้านจากโครงการ ซึ่งเทียบเท่ากับที่พวกเขาขายบริษัทไปแล้ว
“เขาไม่ยอมขายบริษัทออกไปในราคาหนึ่งหยวน ถึงยังไง คุณก็ต้องจ่ายให้หน่อยนะ”
“ใช่แล้ว บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปของพวกคุณมีเงินมากมายขนาดนั้น ให้พวกเราจะเป็นไร”
“ใช่ แม้ว่าเราจะโกงเงิน แต่มันก็เป็นเงินที่เราสามารถโกงมาเองได้ ตอนนี้พวกคุณอยากจะซื้อบริษัทของเรา ยังไงก็ต้องให้เงิน”
……
เมื่อธายุกรได้ยินคำพูดของญาติตัวเอง เขาก็ทำอะไรไม่ถูก คิดว่าคนพวกนี้ไร้ยางอายจริงๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังคงคิดเรื่องเงินบางส่วนจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป
“พวกคุณก็อย่าคิดที่จะขอเงินเพิ่มอีก ถ้าพวกเขาไม่ให้เงิน พวกคุณยังอยากติดคุกอยู่เหรอ พวกเราไม่มีสิทธิ์พอที่ต่อรองกับคนอื่น” ธายุกรกล่าว
“ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ไปต่อรอง ครอบครัวเราได้เงินจากบริษัทเพียงแค่สามแสนเอง เมื่อเทียบกับห้าสิบล้านแล้ว ก็เทียบไม่ได้เลย ดังนั้นเงินห้าสิบล้านนั้นยังไม่ได้ใช้ ฉันขอเงินเพิ่มอีกหน่อยแล้วจะทำไม? ”
“พูดถูก ครอบครัวเราก็ได้มาแค่สองแสนกว่า….”
“ครอบครัวฉันก็…. ”
ผู้คนก็เริ่มแข่งกันเทียบใครได้เงินน้อยกว่าใคร
“ไม่สนว่าพวกคุณจะได้เงินไปแล้วเท่าไหร่ ถ้ารวมกันแล้วก็เท่ากับห้าสิบล้านอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่”ธายุกรพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“ธายุกร คุณพูดอะไรนะ ห้าสิบล้านคุณเอาไปแล้วสามสิบล้าน ตัวคุณเองก็ใช้ไปมากขนาดนั้น ตอนนี้มาพูดแบบนี้ ผมไม่ยอมกับการขายบริษัทในราคาหนึ่งหยวน ยังไงก็ต้องให้เงิน”
“ผมก็ไม่ยอม!”คนกลุ่มหนึ่งตะโกนพร้อมเพรียงกัน
จู่ๆธายุกรก็ปวดหัว เมื่อตอนที่ปกติคนพวกนี้เมื่อประจบเขาพูดอะไรไปก็เชื่อฟังอย่างกับเป็นหลานชาย ตอนนี้เกิดปัญหา กลับต่อต้านเขาแล้วไม่ยอมรับ
“ถ้าพวกคุณไม่ยอม อย่างนั้นพวกคุณก็รอการฟ้องร้องจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปได้เลย ถึงตอนนั้นถ้าเกิดติดคุกพวกเราก็ติดไปด้วยกันทั้งหมดเนี่ยแหละ!”ธายุกรตะโกนขึ้น เขาก็ทนญาติพี่น้องพวกนี้ไม่ไหวแล้ว คิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ติดคุกไปเลยดีกว่า
แต่ว่าหลังจากที่เขาพูดออกไป เพราะเงินที่เขาเอาไปมากที่สุด ถ้าหากถูกตัดสินจำคุกจริงๆ ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็ออกมาไม่ได้
แต่เมื่อหลังจากที่ญาติพี่น้องของธายุกรได้ฟังเช่นนี้ ก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล แม้ว่าพวกเขาจะเอาเงินมาน้อย แต่ถึงจะน้อย พวกเขาก็ไม่อยากติดคุก
“ผมว่าทางที่ดีพวกคุณไปตกลงกันให้ดี ผมก็ไม่มีเวลามากนักที่จะมานั่งเสียเวลากับพวกคุณ ผมให้เวลาพวกคุณเพียงห้านาที หลังจากห้านาทีแล้ว ถ้าพวกคุณยังตกลงกันไม่ได้ ผมก็จะไม่พิจารณาที่จะซื้อกิจการของบริษัท”เธียรวิชญ์กล่าว
ธายุกรหันไปมองทุกคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็น: “พวกคุณมีใครอยากติดคุกมั้ย? ”
……
ห้างสรรพสินค้า รพีพงษ์และอารียาทั้งคู่กำลังเดินซื้อของในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม
“รพีพงษ์ เสื้อผ้าที่นี่แพงเกินไปจริงๆ แค่กางเกงตัวเดียวก็หลายหมื่นแล้ว เราไปร้านที่ถูกกว่านี้ดีกว่า”อารียาไปที่เสื้อผ้าในร้าน และพูด
“เธอกำลังจะเป็นประธานแล้วนะ ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมเลยสักชุดได้ยังไง รีบเลือกเลย ดูซิว่าชอบตัวไหน”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอย
“อย่าพูดอะไรไปก่อน นายสามารถซื้อกิจบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลได้จริงๆเหรอ ฉันรู้สึกว่ามันเสี่ยงว่าไปนะ”อารียากล่าว
ในตอนนั้น โทรศัพท์ของรพีพงษ์ก็ดังขึ้น คือเธียรวิชญ์โทรมานั่นเอง
“พี่รพี ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ประธานคนใหม่สามารถเข้ารับตำแหน่งได้ทุกเมื่อ”
รพีพงษ์ตอบกลับอืม หลังจากที่วางสาย ยิ้มแล้วกล่าวกับอารียาว่า: “ยินดีกับเธอด้วย ตอนนี้เธอเป็นประธานคนใหม่ของตระกูลฉัตรมงคล”
อารียาอึ้ง แล้วก็ถามอย่างตกใจ: “จริง…จริงเหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูด: “อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้ พวกเรามาเลือกเสื้อสูทกันก่อน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานฉันก็จัดการให้เธอแล้ว”
อารียาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เนื่องจากเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทของฉัตรมงคลได้
ทั้งคู่เลือกไปหลายชุด รพีพงษ์ก็ถาม: “ชอบชุดไหน?”
“รู้สึกก็ดีไปหมดนะ แบบนี้จะเลือกยังไงดี”อารียากล่าวอย่างค่อนข้างน่าเศร้า
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “แบบนี้เลือกง่ายมาก ฉันช่วยเธอเลือกเอง”
“หา? นายจะเลือกยังไง? ”อารียาถาม
รพีพงษ์กวักมือเรียกพนักงานในร้าน พนักงานในร้านก็วิ่งมา แล้วถาม: “คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหรอคะ”
“ผมจะซื้อร้านของพวกคุณ ให้ผู้จัดของพวกคุณมาคุยกับผมหน่อย”รพีพงษ์กล่าว
พนักงานร้านก็นิ่งอึ้ง อารียาก็อึ้งเช่นกัน นี่คือวิธีการเลือกเสื้อเหรอ แบบนี้มันก็เกินไปหรือเปล่า?
ตอนที่ออกมาจากห้างสรรพสินค้า อารียาก็ยังคงอึ้งอยู่ รพีพงษ์ถือกระเป๋าสองสามใบ ที่มีเสื้อผ้าสองชิ้นอยู่ข้างใน เขาเอาเสื้อผ้าสองสามชุดให้อารียาใส่ก่อน หลังจากนี้ไปร้านจะส่งเสื้อผ้าให้อารียาใส่ทุกเดือน
“รพีพงษ์ แบบนี้ก็ฟุ่มเฟือยมากไปแล้ว”อารียาก็ยังรู้สึกรับไม่ได้
“ไม่ฟุ่มเฟือยเลย ให้เธอ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสุด แบบนี้จะฟุ่มเฟือยได้ยังไง”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้มีเสียงทะเลาะดังขึ้นอยู่ไม่ไกล รพีพงษ์และอารียาต่างก็หันหน้าไปมอง และพบว่าที่หน้าห้างมีผู้คนรุมล้อมอยู่ โดยไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
“ที่นั่นเกิดอะไรขึ้น เราไปดูกันเถอะ”อารียากล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินไปพร้อมกัน
เมื่อถึงที่ผู้คน รพีพงษ์เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวดูดีสดใสดึงหญิงวัยกลางคนที่มีเสื้อผ้าซอมซ่อ และยังมีรอยซ่อมเป็นผมผู้หญิงวัยกลาง ด้วยใบหน้าที่โกรธ
“แกนี่มันไอ้ขอทาน จงใจกล้าทำเสื้อผ้าฉันสกปรก รู้หรือเปล่าว่าเสื้อผ้าของฉันราคาเท่าไหร่ ชุดที่แกทำสกปรกแบบนี้ราคาตั้งห้าพันกว่า แกรีบคืนเงินมาเลยนะ ไม่อย่างนั้นวันนี้อยากคิดที่จะไปจากที่นี่!”หญิงสาวที่แต่งตัวดูดีกล่าว
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ บ้านฉันจน ฉันออกมาหางานทำ ฉันยังต้องส่งเสียลูกสาวฉันเรียนมหาลัย มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะสอบเข้ามหาลัยได้ ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นจริงๆค่ะ ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ ฉันช่วยซักให้คุณเอง ขอร้องละค่ะปล่อยฉันไปเถอะ”หญิงสาวใส่ชุดซอมซ่ออ้อนวอน
ผู้หญิงคนนี้ดูแลเป็นคนเรียบง่าย ฝ่ามือที่หยาบกร้าน ไม่เหมือนกับจงใจทำให้เสื้อผ้าของคนอื่นสกปรก
“อย่ามาทำตัวน่าสงสารกับฉันนะ ฉันว่าแกเห็นว่าฉันใส่เสื้อผ้าดี แล้วแกไม่มีปัญญาซื้อ เลยจงใจทำเสื้อผ้าฉันสกปรก ที่สำคัญแกไม่ดูตัวเองเลยว่าสกปรกแค่ไหน แกมีสิทธิ์อะไรมาซักเสื้อให้ฉันเหรอ? ”หญิงสาวแต่งตัวดีท่าทางดุดัน “คุณพี่ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่สำคัญคือเสื้อผ้าคุณไม่ได้สกปรกตรงไหนเลย คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า”หญิงสาวแต่งตัวซอมซ่อกล่าว
เธอแค่ปัดไหล่ผู้หญิงแต่งตัวดีคนนี้เอง แต่ก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย ไม่รู้ทำไมจู่ๆเธอก็บอกว่าเสื้อผ้าของเธอสกปรก
เมื่อผู้หญิงแต่งตัวดีได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงแต่งตัวซอมซ่อพูด เธอก็โกรธทันที ตบหน้าของหล่อนและด่า: “แกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ ทำให้เสื้อผ้าของฉันสกปรกและไม่กล้ายอมรับ ฉันเพิ่งซื้อชุดนี้วันนี้นี่เอง และมันก็แพงมากด้วย แม้ว่าจะเป็นเพียงฝุ่นละออง แต่มันก็สกปรกอยู่ดี แล้วดูสาระรูปที่เหมือนขอทานอย่างแกสิ ไม่ควรจะมาเดินอยู่ที่นี่เลย!”
อันที่จริงแล้วผู้หญิงแต่งตัวซอมซ่อไม่ได้ทำเสื้อผ้าเธอสกปรกเลย วันนี้เพิ่งซื้อเสื้อผ้ามาใหม่ และอยากจะอวด ดังนั้นจึงจงใจทำให้ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าซอมซ่ออับอาย เพื่อให้ทุกคนสังเกตเห็นเสื้อผ้าของเธอแค่นั้นเอง
หญิงสาวที่แต่งตัวซอมซ่อยกมือปิดหน้าตัวเอง ที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ เธอแค่อยากหางานทำ และหาค่าเล่าเรียนให้ลูกสาวตัวเอง ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
"ถ้าแกไม่อยากคืนเงินก็ได้ เห็นรองเท้าของฉันมั้ย แกคุกเข่าลงแล้วเลียรองเท้าฉันให้สะอาด ฉันก็จะไม่เอาเรื่องแก"หญิงสาวแต่งตัวดีกล่าว
อารียาทนดูต่อไปไม่ไหว แล้วพูดว่า: “แบบนี้ก็ทำเกินไปแล้ว รังแกขนาดนี้เลยเหรอ”
รพีพงษ์ยื่นถุงเสื้อผ้าในมือให้กับอารียา แล้วกล่าวว่า: “ฉันจะไปไกล่เกลี่ยเอง”
จากนั้นก็เดินเข้าไปหาทั้งสองคน ผู้หญิงแต่งตัวดีกำลังจะยกเท้าให้ผู้หญิงอีกคนเลีย คิดว่าถ้าเธอไม่เลีย จะเตะเธอไปหนึ่งที
ในตอนนี้ รพีพงษ์เดินมาถึงที่คนทั้งสอง และพูดว่า: “ฉันไม่เห็นว่าเสื้อผ้าของคุณมันจะสกปรกตรงไหนเลย ถ้าคุณทำแบบนี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”
หญิงสาวที่แต่งตัวดีมองไปที่รพีพงษ์สักครู่ และด่า: “แล้วแกเป็นใคร กล้ามายุ่งของกู? ถ้าเสื้อผ้าของฉันไม่สกปรกแล้วจะทำไม คนที่ยากจนอย่างหล่อน ไม่ควรมาเดินอยู่ที่นี่ ฉันจะสั่งสอนหล่อน แกมีปัญหาอะไร?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา: “ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าคุณยังทำแบบนี้กับเธอต่อไป ฉันรับรองว่าคุณได้เห็นดีแน่”
“แกนี่มันเก่งจริงๆ ยังกล้ามาพูดจาแบบนี้กับฉัน ทำไม แกเห็นคนอื่นถูกรังแก ดังนั้นเลยทุกข์ใจเหรอ? แกก็แต่งตัวก็ดูเชย ก็เป็นคนอนาถา ไอ้คนจนอย่างพวกแก ก็เหมือนกันหมด น่าจะตายๆไปตั้งนานแล้ว”หญิงสาวที่แต่งตัวดูดีพูดออกมาด้วยความเลวทราม
ในตอนนั้นอารียาก็วิ่งมา แล้วพูด: “ทำไมคุณพูดจาแบบนี้ ถ้าคุณคิดว่าเสื้อผ้าของคุณแพง ฉันก็สามารถเอาเสื้อผ้าของฉันให้คุณได้ คุณก็อย่าทำให้เธอลำบากใจอีกเลย”
ด้วยเหตุนี้ อารียาจึงยื่นเสื้อผ้าในมือของเธอไปให้
ผู้หญิงที่แต่งตัวดีก็จ้องมองไปที่เสื้อผ้าในมืออารียา ยื่นมือออกไปรับมา แล้วพูด: “นี่มันเสื้อผ้าบ้าอะไรของเธอ กล้าเอามาเทียบกับเสื้อผ้าของฉัน เสื้อผ้าขอฉันตั้งห้าพันกว่านะ”
แต่เมื่อเธอเห็นราคาบนป้ายเสื้อผ้า ก็ตกใจ
“อะไรนะ ชุดนี้ชุดเดียวราคา…..หนึ่งหมื่นสามพันกว่า? !!!”