พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 201 พ่ายแพ้อยู่ใต้เงื้อมมือเท่านั้น
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 201 พ่ายแพ้อยู่ใต้เงื้อมมือเท่านั้น
บทที่201 พ่ายแพ้อยู่ใต้เงื้อมมือเท่านั้น
“แกเป็นใคร?” ฌัลล์มองไปคนทั้งหกที่โผล่เข้ามาในซอยทันใด ก็ถึงกับตกใจ คิดไม่ถึงว่าคนทั้งหกคนนี้จะปรากฏตัวขึ้นในซอยตันนี้
ทั้งหกคนนี้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของจิรายุศ วันนี้ตอนที่จิรายุศมารับรพีพงษ์ ได้จัดให้ทั้งหกคนนี้ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆนี้
เมื่อตอนที่อารียาพวกเขาทั้งสามคนออกไปซื้อของ ทั้งหกคนก็ค่อยติดตามอยู่ ในเวลานั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นล่อให้อารียามาที่ในซอย ทั้งหกคนก็สังเกตเห็นพวกคนของฌัลล์แล้ว
เพียงแต่ตอนนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าพวกคนของฌัลล์ต้องการจะทำอะไร ดังนั้นจึงสังเกตดูอย่างลับๆ
แต่เมื่อได้ยินฌัลล์บอกว่ามีคนจ่ายเงินจ้างพวกเขามา ทั้งหกคนก็รู้เป้าหมายของฌัลล์ทันที ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาเพื่อขัดขว้างพวกเขา
“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ แกรู้เพียงแค่ว่า ถ้าแกทำอะไรพวกเขาทั้งสามคน คือแกตัดสินใจผิดพลาดที่สุดเท่าที่เคยทำมา ” ผู้นำของทั้งหกคนก็แสยะยิ้ม คนคนนี้ชื่อว่าชัยสิทธิ์ เป็นนักฆ่ามือทองมือหนึ่งของโลก
คนอย่างฌัลล์เทียบกับชัยสิทธิ์แล้ว ก็เหมือนเทียบกับกระต่ายและเสือ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำเลย
อารียาพวกเขาทั้งสามคนก็คิดไม่ถึงว่าทั้งหกคนจะปรากฏตัวมาช่วยพวกเขาในเวลานี้
“ลูก แล้วพวกเขาจะทำอะไรอีก?”ศศินัดดาถามสั้นๆ
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ดูท่าทางพวกเขาแล้ว น่าจะมาช่วยเรานะคะ”อารียาขมวดคิ้วแล้วกล่าว
“พระเจ้าช่วย วันนี้ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรเลย พวกเราก็กำลังจะไปจากที่นี่แล้ว ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ”ศศินัดดาอธิษฐาน
ฌัลล์เหลือบมองไปทั้งหกคนที่อยู่ตรงหน้า คิดในใจฝั่งตัวเองมีคนมากกว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องกลัวพวกเขาทั้งหกคน
“ฉันขอเตือนพวกแกทั้งหกคนรีบไสหัวออกไปซะ จะบอกพวกแกให้ ฉันเป็นนักฆ่า!”ณัลล์พูดอย่างเย็นชา
ชัยสิทธิ์พวกเขาทั้งหกคนก็หัวเราะเสียงทันที เสียงหัวเราะก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
การอ้างตัวว่าเป็นนักฆ่ามือหนึ่งตรงหน้าชัยสิทธิ์ เท่ากับเป็นแค่กลลวงเท่านั้น
“ระดับอย่างแกเหรอ ถ้าไปเป็นนักฆ่า ก็กลัวว่าจะถูกฆ่ามากกว่า”ชัยสิทธิ์กล่าว
ฌัลล์ปล่อยเสียงออกมาแผ่วเบา และพูดว่า: “อย่ามาพูดจาเล่นลิ้นกับฉัน คนที่ตายในเงื้อมมือฉันมีจำนวนเลขสองหลัก พวกแกคิดว่าฉันพูดเล่นเหรอ! ”
ศศินัดดาพวกเขาทั้งสามคนก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนที่มาหาเรื่องพวกเขาจะฆ่าคนมามากมายขนาดนี้
ชัยสิทธิ์เบะปาก จากนั้นร่างก็หายเหมือนกับผี และไปข้างหลังของฌัลล์อย่างเงียบๆ แล้วโน้นตัวไปข้างหูเขาและพูดว่า “จริงเหรอ?”
สีหน้าของฌัลล์เปลี่ยนไปกะทันหัน เขาไม่รู้ว่าชัยสิทธิ์ไปอยู่หลังเขาได้ยังไง ขนบนร่างก็ลุกขึ้นพร้อมกันหมด
เขาก้าวไปข้างหน้าสองกล้า แล้วหันกลับไปมองด้านหลัง ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
เขาก็หันกลับมาอีกครั้ง เห็นว่าชัยสิทธิ์ไม่รู้ว่ากลับไปอยู่ฝั่งเดียวกับทั้งหกคนตั้งแต่เมื่อไหร่
“แค่การซ่อนตัวแบบพื้นฐานแกอย่างมองไม่ออก จะมีหน้ามาบอกว่าตัวเองนักฆ่าอีกเหรอ?”ชัยสิทธิ์พูดด้วยรอยยิ้ม
ฌัลล์กลืนน้ำลาย เขารู้แล้วว่าครั้งนี้อาจเจอกับปรมาจารย์เข้าแล้ว
“จะบอกให้แกนะ พี่ใหญ่ของเราเป็นถึงนักฆ่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาก็ถือว่าเป็นนักฆ่าตัวจริง อย่างแกก็แค่เด็กเล่นบ้านก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ชื่อเล่นของพี่ใหญ่เราชื่อชัยสิทธิ์ แกเคยได้ยินมั้ย?”ชายข้างๆชัยสิทธิ์พูด
สีหน้าของฌัลล์เปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่า แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของในบรรดานักฆ่าระดับโลกมาบ้าง
เมื่อตอนที่ได้ยินสองคำชัยสิทธิ์ ฌัลล์ก็เริ่มรู้สึกเสียใจ
“แก……แกนะเหรอคนที่มันเคยหลอกใช้ยืมมือคนอื่น ไอ้ชัยสิทธิ์ที่ใบหน้ามันฉาบไว้ด้วยหน้ากากลอบสังหารทั้งองค์กรป่าเถื่อนนั่น”ฌัลล์ร้องอุทานออกมา
“คิดไม่ถึงว่าแกจะเคยได้ยินชื่อของฉันด้วย ถ้าอย่างนั้น วันนี้แกยังจะหาเรื่องพวกเขาทั้งสามคนอีกมั้ย?”ชัยสิทธิ์พูดด้วยรอยยิ้ม
ฌัลล์กลืนน้ำลาย จ้องมองชัยสิทธิ์ด้วยความหวาดกลัว แล้วพูด : “ท่านชัยสิทธิ์ ผม….ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน ผมก็รับเงินค่าจ้างมาแล้ว ถ้าพวกเขาก็อยู่ในคุ้มครองของท่านชัยสิทธิ์ อย่างงั้นพวกเราก็ไม่จัดการพวกเขาแล้ว ผมจะพาคนออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ครับ ”
เมื่อพูดจบ ฌัลล์ก็จะรีบพาคนของตัวเองออกจากที่นี่
ชัยสิทธิ์ก็ส่งสายตาให้ทั้งห้าคนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งห้าคนก็ปิดล้อมทางออกของซอยทันที
“อยากมาก็มา อยากไปก็ไป แบบนี้มันก็คงไม่เหมาะมั้ง มาก็มาแล้ว งั้นก็อยู่ก่อนซิ พวกเราก็ต้องรายงานให้เจ้านายก่อน ทุกคนก็ควรจะทำความเข้าใจซึ่งกันและกันหน่อย นายว่ายังไง? ”ชัยสิทธิ์
มีคนว่าจ้างให้มาจัดการบ้านศศินัดดาทั้งบ้าน หลังจากที่จิรายุศกลับมา ก็ต้องตรวจสอบว่าใครเป็นคนว่าจ้างมาแน่นอน สู้ตอนนี้หยุดพวกคนของฌัลล์ไว้ที่นี่ก่อนดีกว่า ถึงเวลารายงานกับจิรายุศก็ง่ายขึ้น
สีหน้าของฌัลล์เคร่งเครียดมองไปที่ชัยสิทธิ์ ในใจเขารู้ดีว่า ที่ชัยสิทธิ์พูดมาทั้งหมดเกี่ยวกับเข้าใจซึ่งกันและกันหน่อย ก็เป็นเรื่องตลก ถ้าเขาอยู่ต่อ ถึงเวลาคนที่ซวยก็คือเขา
“ขอโทษด้วยครับ แต่พวกเราไม่อยากอยู่ต่อ ไปก่อนล่ะ!”
ฌัลล์ตะโกน หลังจากนั้นก็ไม่สนใจคนที่เขาพามาด้วย วิ่งเข้าไปทางออกซอยอย่างรวดเร็ว ในมือขอเขามีกริชสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น และแทงไปที่คนหนึ่งคนที่ยืมอยู่ปากทางออกซอย
เมื่อคนนั้นคนเห็นเช่นนี้ ก็แสยะยิ้ม ก็ลงมืออย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฌัลล์ยังไม่ถึงตัวเขา ก็กระโดดออกไปเตะหนึ่งที ที่หน้าท้องของฌัลล์
ณัลล์ก็พุ่งออกไป และล้มลงบนพื้นอย่างแรง
“ล้มลงไปให้หมด ใครก็อย่าคิดจะหนี”ชัยสิทธิ์สั่งอย่างเย็นชา
ทั้งห้าคนที่เหลือต่างก็เริ่มขยับ ในตอนนั้นซอยทั้งแถวก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นกกระจอกที่เพิ่งบินมาเกาะก็ตกใจแตกตื่นบินหนี
……
เขตชานเมืองอำเภอหยก
ด้านหน้าอาคารที่เหมือนกับโรงยิม รถของจิรายุศจอดอยู่ที่หน้าประตู รพีพงษ์และจิรายุศทั้งสองคนลงมาจากรถ
ที่นี่คือสถานที่จัดประมูลหยก เนื่องจากไม่มีสถานที่ใดเหมาะสำหรับจัดงานในอำเภอหยกเท่ากับที่นี่แล้ว และการจัดประมูลนี้จะจัดขึ้นทุกปี ดังนั้นผู้คนในอำเภอหยกจึงยอมจ่ายเงินเพื่อสร้างห้องนิทรรศการหยกไว้ที่นี่ เพื่อจัดการประมูลโดยเฉพาะ
ปกติเมื่อไม่มีการจัดประมูล ที่นี่ก็จะมีการจัดนิทรรศการหยก เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ผู้คนที่มาดูหยกที่อำเภอหยก ก็จะมาเยี่ยมชมที่นี่
ในเวลานี้มีรถหรูจำนวนมากจอดอยู่หน้าห้องนิทรรศการ และมีผู้คนเดินเข้าไปเที่ยวชมด้านในมากมาย
หลังจากที่จิรายุศจอดอยู่ตรงหน้าประตูห้องนิทรรศการ ก็เป็นที่น่าดึงดูดสนใจของผู้คนมากมาย ทั้งอำเภอหยกมีรถโรลส์ – รอยซ์แฟนทอมแค่คันเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าจิรายุศมาอยู่ที่นี่แล้ว
ตอนนั้นผู้คนมากมายก็เข้ามาทักทายจิรายุศ จิรายุศเองก็ทักทายพวกเขาไปตามมารยาท หันหน้ามายิ้มให้กับรพีพงษ์แล้วพูด:“พี่รพี บางทีผมก็รู้สึกว่าพี่เป็นคนฉลาด พี่รู้จักอ่อนถ่อมตน ออกไปข้างนอกก็ไม่มีผู้คนมาทักทาย ทุกวันนี้คนพวกนี้ทำให้ผมรำคาญมาก”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด : “ทุกคนมีวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่มีอะไรที่ต้องบ่น ”
ในตอนนั้นทัตพงศ์ก็เดินเข้าไปหาทั้งสองคน มองเห็นรพีพงษ์เดินตามจิรายุศมา ก็ขมวดคิ้วทันที
“ท่านยุด นี่ท่านพาเขามาที่นี่จริงเหรอ วันนี้ท่านตั้งใจจะให้เขาเป็นคนเลือกก้อนหิน? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ”ทัตพงศ์ก็ยังพูดด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“ท่านทัตพงศ์ ท่านไม่ต้องกังวล ตราบใดที่พี่รพีของผมบอกว่าไม่มีปัญหา เรื่องนั้นก็ไม่มีปัญหาอย่าแน่นอน”จิรายุศพูดด้วยรอยยิ้ม
ทัตพงศ์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก็ยังรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่น่าเชื่อถือ แต่ว่าจิรายุศกลับเชื่อใจรพีพงษ์มาก เขาก็ทำได้เพียงแค่หุบปาก
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีรถLengthen Hummerขับเข้ามาหน้าห้องนิทรรศการ ทุกคนมองไปที่รถคันนั้นด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อนในอำเภอหยก
ในไม่ช้า ก็มีคนลงมาจากในรถสามคน หนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางแต่งตัวดูดี ก็คือทิวัตถ์คนที่จิรายุศกล่าวถึง
และทั้งสองคนที่อยู่ข้างเขา ก็คือจารุพิชญ์และลูกศิษย์ จารุกิตติ์
หลังจากที่ทัตพงศ์เห็นจารุพิชญ์ แววตาก็เปล่งประกายทันที แล้วพำพึมว่า: “นั่นคือท่านจารุพิชญ์ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ใช่มั้ย? ถึงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่รู้ว่าชาตินี้ จะสามารถไปถึงจุดสูงสุดอย่างท่านได้ไหม”
ทัตพงศ์ก็ยังมีความเทิดทูนจารุพิชญ์ เนื่องจากว่าอยู่ในวงการนี้ด้วย จารุพิชญ์สำหรับทัตพงศ์แล้ว คือท่านอาจารย์ สำหรับท่านอาจารย์แล้ว เขาก็ยังมีความเคารพให้เป็นอย่างมาก ซึ่งนั้นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมไม่สามารถช่วยจิรายุศเอาหินหยาบที่ดีที่สุดให้ได้ในครั้งนี้
“ความสามารถของเขาก็แค่ทั่วไปเอง สู้ฉันก็ยังไม่ได้ ยังจะมีหน้ามาเรียกอาจารย์อีก”รพีพงษ์กล่าว
สีหน้าของทัตพงษ์ก็เปลี่ยนไปทันที จ้องมองไปที่รพีพงษ์และพูด:“นายกำลังพูดจาไหลเหลวอะไร ความสามารถระดับท่านอาจารย์จารุพิชญ์เป็นที่ชื่นชมรู้จักกันดีในพื้นที่ทั้งหมดของแถบเมืองชลาลัย นายกล้าพูดได้ยังไงว่าท่านสู้นายไม่ได้ ”
เมื่อเห็นจิรายุศเห็นทัตพงษ์พูดเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูด: “ท่านทัตพงษ์ ทำไมท่านถึงพูดให้คนอื่นมั่นใจได้ แต่กลับทำลายความมั่นใจของตัวเอง อย่าลืมนะว่า วันนี้พวกเขาคือคู่แข่งของเรา ”
ทัตพงษ์มองไปที่จิรายุศอย่าลำบากใจ แล้วพูด: “ขอโทษครับ ผมก็แค่พูดไปเนื้อเรื่องเองครับ ความสามารถระดับท่านอาจารย์จารุพิชญ์ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถสู้ได้ ”
“ท่านสู้ไม่สามารถได้ แต่พี่รพีขอผมสามารถสู้ได้ ดังนั้นท่านก็อย่ามาดูถูกตัวเองมากเกินไป”จิรายุศพูดอย่าไม่พอใจ
ทัตพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แต่ในใจก็ค่อนข้างจะเหยียดหยาม คิดในใจรพีพงษ์ก็ยังหนุ่มอยู่ ต่อให้จะเก่งแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางที่จะสู้ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ได้
เมื่อทิวัตถ์มองไปแวบเดียวก็เห็นจิรายุ ก็รีบพาจารุพิชญ์และจารุกิตติ์ทั้งสองคนเดินเข้าไปหา
“เถ้าแก่จิรายุศ ไม่เจอกันมานานเลยนะ ท่านยิ่งอยู่ยิ่งมีสง่าราศี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ดูเหมือนว่าธุรกิจหยกจะรุ่งเรือง ไม่รู้ว่า เถ้าแก่จิรายุศจะแบ่งปันให้ผมหน่อยได้มั้ย? ”ทิวัตถ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จิรายุศแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า: “แบ่งปันได้หรือแบ่งปันไม่ได้ ก็ขึ้นความสามารถของคุณเอง คุณก็อย่ามาทำตัวเจ้าเล่ห์ที่นี่กับฉัน ”
ทิวัตถ์ยิ้มอย่างชัย และชี้ไปที่จารุพิชญ์และจารุกิตติ์ที่อยู่ด้านหลังเขา และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าอย่างนั้นผมก็คิดว่าจะได้ส่วนแบ่งปันจากเถ้าแก่จิรายุศในครั้งนี้ ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังผม คือนักประเมินมือหนึ่งเมืองริเวอร์ของพวกเรา จารุพิชญ์ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ลูกศิษย์ของตัวเขาเอง เถ้าแก่จิรายุศน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านอาจารย์จารุพิชญ์ใช่มั้ย? ”
ทัตพงศ์ก็เดินขึ้นมาข้างหน้าทันที ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพแล้วพูด: “ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ ผมชื่อทัตพงศ์ ก็เป็นคนในแวดวงวัตถุโบราณ ผมชื่นชมบารมีของท่านอาจารย์จารุพิชญ์มานาน การพบเจอแบบนี้หาได้ยากจริงๆ ”
ในเวลานั้นรพีพงษ์ก็ยิ้ม แล้วพูด: “ท่านอาจารย์ห่าไร เพียงแค่อยู่ใต้เงื้อมมือฉันพ่ายแพ้อยู่ดี มีอะไรดีน่าอวด ”