พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 187 เขาซื้อทั้งร้าน
บทที่ 187 เขาซื้อทั้งร้าน
หลังจากที่ปรางทิพย์และโมไนยได้ยินคำพูดของผู้หญิงพวกนั้น ก็เบิกตากว้างทั้งที่
“พวกเธอกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรกัน กระเป๋าในมือของเธอเป็นของสินค้าลดราคา จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดได้ยังไง แถมยังสองแสนห้าหมื่น ฉันว่าสองร้อยห้าสิบยังไม่คุ้มเลย”ปรางทิพย์พูด
ผู้หญิงพวกนั้นต่างก็สงสัย ในขณะนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา แล้วถามว่า: “ฉันขอดูกระเป๋าของคนหน่อยได้ไหมคะ?”
อารียาพยักหน้า แล้วยื่นกระเป๋าให้ผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองไปที่กระเป๋าอย่างระวัง หลังจากนั้นก็เปิดสังเกตดูด้านใน แล้วพูด: “กระเป๋าใบนี้เป็นของแท้แน่นอน และมีป้ายต่อต้านการปลอมแปลงอยู่ด้านใน คุณผู้หญิง ฉันอิจฉาคุณจริงๆ แฟนของคุณซื้อกระเป๋าแพงมากมายขนาดนี้ให้คุณ คุณนี่โชคดีจริงๆ”
อารียายังยิ้มหวาน และไม่พูดอะไร
ผู้หญิงคนนั้นจ้องไปที่อารียาอย่างอิจฉา จากนั้นก็ออกไปจากที่นี่
“เป็นไปไม่ได้! กระเป๋าของเธอจะมีราคาสองแสนห้าหมื่นได้ยังไง นี่ไม่ใช่ของรพีพงษ์ซื้อมาจากของลดราคาเหรอ?” ปรางทิพย์พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “ฉันไม่เคยบอกนะว่าฉันซื้อของสินค้าลดราคามา”
โมไนยเบิกตากว้างทันที เขายังโกรธรพีพงษ์เรื่องเมื่อกี้อยู่เลย ตอนนี้ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้อีก ก็ดูถูกทันที: “นายจะมาแสดงอะไรตรงนี้ แกนึกว่าแกสามารถซื้อกระเป๋าราคาสองแสนห้าได้เหรอ? ป้ายบนกระเป๋าใบนี้ก็ไม่มี ถ้าหากเป็นของแท้ นั่นก็แสดงว่าแกขโมยมา”
“นายอย่ามาพูดจาใส่ร้ายคนอื่นได้ไหม รพีพงษ์ไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก”อารียาพูดปกป้องรพีพงษ์
ปรางทิพย์โมโหก็โกรธ แล้วพูด: “เธอก็อย่าพูดแก้ตัวแทนไอ้เศษสวะนี้เลย เขาต้องขโมยมาอย่างแน่นอน กระเป๋าตั้งสองแสนห้าหมื่น นี่ก็ติดคุกหลายปีเลยนะ แคลร์ อย่าโทษว่าฉันที่โหดนะ เขาทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็ควรได้รับโทษตามสมควร พวกเรากลับไปที่ร้านเพื่อยืนยันกันเถอะ”
โมไนยก็พยักหน้า แล้วเดินไปร้านกระเป๋าเมื่อกี้
เมื่อกี้พวกเขาเสียเงินไปสามแสน ในใจตอนนี้ก็ไม่พอใจ ที่สำคัญก็รู้สึกเป็นเพราะว่ารพีพงษ์สาปแช่งพวกเขาให้เสียเงิน ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่
ถ้าหากว่ารพีพงษ์ติดคุกสักสองสามปี ก็จะดีมาก
อารียาขมวดคิ้วมองที่พวกเขาทั้งสอง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำมากเกินไปขนาดนี้
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “เราก็ไปกันเถอะ ตัวตรงไม่ต้องกลัวเงาคด รอให้พวกเขาไปยืนยันเถอะ ก็ไม่มีอะไรจะว่าได้อีกแล้ว”
อารียาพยักหน้า และเดินตามรพีพงษ์ไปที่ร้าน
โมไนยเห็นว่ารพีพงษ์เดินตามมาด้วย ก็หันหน้ามาและแสยะยิ้มใส่เขา และพูดว่า: “นายขโมยกระเป๋า เตรียมถูกจับได้เลย!”
ถึงที่ร้าน โมไนยก็โมโห ชี้ไปที่กระเป๋าในมือของอารียา แล้วถาม: “กระเป๋าใบนี้ใช่ของร้านพวกคุณหรือเปล่า?”
พนักงานในร้านมองไปที่อารียาและรพีพงษ์ คิดในใจนี่สองคนนี้คือคนที่ซื้อร้านของพวกเขาทั้งร้านไม่ใช่เหรอ และพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“กระเป๋าใบนี้เป็นของร้านเราค่ะ ไม่ทราบว่ามีปัญญาอะไรหรือเปล่าคะ?”พนักงานถาม
“ถ้าใช่ของที่ร้านก็ถูกแล้ว กระเป๋าใบนี้ไอ้หมอนี่มันขโมยมาจากร้านพวกคุณ พวกคุณรีบแจ้งตำรวจให้มันจับเขาเลย พวกคุณก็ประมาณจริงๆ กระเป๋าแพงขนาดนี้โดนขโมยพวกคุณยังไม่รู้ตัวอีก ถ้าไม่ใช่ฉัน ร้านพวกคุณก็คงขาดทุนไม่น้อย”โมไนยแสดงหน้าเหมือนได้ทำความดี
“ก็ใช่ โชคดีที่ว่าพวกเราใจดีช่วยพวกคุณ ถึงแม้ว่าสองคนนี้จะเป็นญาติกับเรา แต่พวกเขาทำผิดกฎหมาย พวกเราก็ไม่ปกปิด พวกคุณเพียงแค่โทรแจ้งตำรวจก็พอ”ปรางทิพย์กล่าวขึ้น
พนักงานในร้านมองไปที่โมไนยและปรางทิพย์ทั้งสองด้วยสีหน้าที่นิ่งอึ้ง แล้วคิดว่าทั้งสองคนนี้สมอง……น่าจะมีปัญหา
“เอ่อคือ…..พวกคุณเข้าใจผิดกันแล้วค่ะ กระเป๋าใบนี้ คุณผู้ชายท่านนี้ไม่ได้ขโมยค่ะ แต่เขาซื้อค่ะ” พนักงานในร้านคนหนึ่งกล่าว
“เป็นไปไม่ได้! พวกคุณไม่เข้าใจ คนคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นแมงดา ก็เป็นแค่คนเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน เขาไม่มีเงินด้วยซ้ำ แล้วจะกระเป๋าพวกคุณที่แพงขนาดนี้ได้ยัง คุณน่าจะเข้าใจผิด รีบแจ้งตำรวจให้มาจับเขา”ปรางทิพย์พูด
สีหน้าของพนักงานในร้านเปลี่ยนไปทันที รพีพงษ์ซื้อทั้งร้านของพวกเขา ก็ถือว่าเป็นลูกค้าอันต้นๆของพวกเขา พวกเขาทั้งสองคนกล้าที่จะใส่ร้ายลูกค้าอันดับต้นๆของพวกเธออีก แน่นอนว่าพวกเธอไม่พอใจ
“ขอความกรุณาพวกคุณสองคนช่วยให้เกียรติกันด้วยนะคะ ลูกค้าท่านนี้ซื้อกระเป๋าทั้งร้านของเรา พวกคุณว่าเขาเป็นแมงดา แล้วพวกคุณละคือตัวอะไร? พวกคุณแค่เคยซื้อกระเป๋าที่ร้านเราห้าหมื่นเอง” หนึ่งในพนักงานกล่าว
โมไนยและปรางทิพย์ทั้งสองคนเบิกตากว้างทันที แล้วมองไปที่พนักงานอย่าไม่เชื่อ ร่างกายนั่นราวกับว่าถูกฟ้าผ่า
“คุณ….คุณว่าอะไรนะ? เขาซื้อกระเป๋าทั้งร้านเลยเหรอ?”โมไนยถามพึมพำ
“ถูกต้องค่ะ คุณผู้ชายท่านนี้ซื้อกระเป๋าทั้งหมดของเราที่นี่ และเอาใบที่แพงที่สุดไปให้คุณผู้หญิงท่านนี้ เขาคำนึงถึงอารมณ์ของพวกคุณ เลยดึงเอาป้ายราคาออก พวกคุณยังจะว่าเขาเป็นขโมยอีก ช่างไร้เหตุผลจริงๆ”พนักงานร้านพูด
โมไนยกลืนน้ำลาย และถ้าหากเป็นจริง รพีพงษ์จะมีเงินมากมายขนาดไหนละ? ที่ซื้อกระเป๋าทั้งร้านได้ ยังไงก็ต้องมีหลายล้านขึ้นไป?
ปรางทิพย์หายใจเข้าลึกๆ และพูด: “ ฉันเชื่อว่าเขาจะซื้อกระเป๋าทั้งร้านของพวกคุณได้ เขาจ่ายเงินให้พวกคุณหรือเปล่า เพื่อให้พวกคุณมาพูดแบบนี้? คุณเอาหลักฐานมาให้ฉันดูหน่อย เพื่อยืนยันว่าเขาซื้อกระเป๋าทั้งร้านของพวกคุณ”
พนักงานคนนั้นเมื่อเห็นว่าปรางทิพย์ไม่เชื่อ จึงเดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อเอาบันทึกการโอนเงินของรพีพงษ์เมื่อกี้ออกมา
“ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็มาดูเอาเอง บันทึกการโอนเงินของธนาคารคงจะเป็นของปลอมไม่ได้หรอกนะ คนอย่างพวกคุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เรื่องแบบนี้เรามีความจำเป็นอะไรต้องมาหลอกพวกคุณ?”พนักงานพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ปรางทิพย์และโมไนยทั้งสองคนรีบเดินไปดู หลังจากเห็นบันทึกการโอนเงินสามล้านกว่า พวกเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
บันทึกการโอนเงินคือชื่อของรพีพงษ์อย่างชัดเจน
“นี่….นี่มันคือเรื่องจริง”สายตาของปรางทิพย์ก็เปลี่ยนไปในพริบตา ยังไงเธอก็คิดไม่ถึง รพีพงษ์จะมีเงินมากมายขนาดนี้ ซื้อกระเป๋าให้อารียา และซื้อให้ทั้งร้าน
โมไนยในใจก็เกิดอารมณ์ที่หลากหลายขึ้น และเขายังเป็นคนบอกให้รพีพงษ์ต้องใจกว้างหน่อย
ในความใจกว้างของเขา ก็คือซื้อกระเป๋าสามหมื่นห้า แต่ความใจกว้างของรพีพงษ์ คือซื้อกระเป๋าทั้งร้าน ช่องว่างระหว่างทั้งสองมองแป๊บเดียวก็มองออก
เขาและปรางทิพย์เมื่อก่อนยังคิดว่ารพีพงษ์ซื้อแค่ของสินค้าลดราคา ในใจก็คิดมาตลอดว่าที่บ้านของศศินัดดามีเงิน คือการเสแสร้งออกมาก
แต่ดูตอนนี้ ก็เขาไม่ได้โกหกเลย พวกเขามีเงินจริงๆ
ท้ายที่สุดพวกเขาสามารถซื้อของได้ทั้งร้านโดยไม่ลังเล ทั้งอำเภอหยก ก็คงมีแต่จิรายุศเท่านั้นที่สามารถทำได้
“ตอนนี้พวกคุณยังอยากที่จะแจ้งตำรวจจับฉันอยู่ไหม?” รพีพงษ์ยิ้มแล้วกล่าว
โมไนยและปรางทิพย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งสองคนไม่พูดอะไร แต่กลับเดินออกไปข้างนอกยังหมดหวัง
รพีพงษ์และอาริยาก็เดินตามออกมา อารียาก็พูดว่า: “ พวกเธอทั้งสองคนจะกลับแล้วเหรอ?”
ปรางค์ทิพย์หันไปมองอารียาอย่างอึดอัด แล้วพูด: “ ยังไม่กลับ แค่เดินออกมาสูดอากาศเท่านั้นเอง”
อารียาแสยะยิ้ม ในใจก็คิดต่อไปนี้พวกเธอคงไม่มีเหตุผลที่จะมาว่ารพีพงษ์เป็นเศษสวะ
“ไอ้เศษสวะนี้ทำไมถึงเงินมากมาย แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย”ปรางทิพย์พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น ทั้งๆฉันดีกว่ามันมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะมีเงินเยอะขนาดนี้ “สีหน้าของโมไนยแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่มีแรง
“ให้ตายเถอะ ไอ้เศษสวะนี่ไม่คู่ควรกับสมบัติมากมายขนาดนี้เลย ฉันรับไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่เราก็จะพนันชนะได้ แต่กลับถูกไอ้เศษสวะนี้สาปแช่ง”ปรางทิพย์คิดถึงผิวหยาบก้อนนั้น ความโกรธในใจก็เพิ่มขึ้นมาก
ในตอนนี้โทรศัพท์ของโมไนยก็ดังขึ้น หยิบออกมาดู คือคนของหมาป่าดำที่เขานัดไว้มาถึงแล้ว
แววตาของโมไนยก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า: “อย่ากังวลเลย พวกเขาดีใจได้ไม่นานหรอก คนที่ฉันหามาถึงแล้ว คราวนี้จะต้องสั่งสอนพวกเขาทั้งสองให้เป็นบทเรียน โดยเฉพาะไอ้เศษสวะรพีพงษ์ ทำไมมันถึงมีเงินกว่าฉัน มันสมควรตาย!”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันสักพัก แล้วเดินไปที่รพีพงษ์และอารียา
ท่าทางของปรางทิพย์นั้นดูดีขึ้นมาก แล้วพูดกับอารียา: “แคลร์ ก่อนหน้านี้คือเราไม่ดีเอง วู่วามไปหน่อย เธอและรพีพงษ์อย่าถือสาเลยนะ”
อารียาเห็นว่าปรางทิพย์ขอโทษ ในใจก็ไม่รู้สึกโกรธกับพวกเขาแล้ว และพูดว่า: “ไม่เป็นไร พวกเราเป็นญาติกัน แค่เคลียร์เรื่องนี้ให้มันชัดเจนก็พอแล้ว”
ฟังทิพย์พยักหน้า และพูด: “ฉันและโมไนยเริ่มเหนื่อยจากการเดินซื้อของแล้ว ว่าจะกลับแล้ว พวกเธอยังจะอยู่เดินซื้อของต่อไหม?”
“อย่างงั้นพวกเราก็กลับไปด้วย”อารียาพูด
ทั้งสี่คนเดินไปที่ลานจอดรถ
ถึงที่ลานจอดรถ โมไนยเดินไปขับรถ ในเวลานี้ก็มีผู้ชายสี่คนเดินมาที่นี่ และสบตากับโมไนย
โมไนยเลือกมองไปที่รพีพงษ์และอารียา ชายทั้งสี่คนก็พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปหารพีพงษ์และอารียา
ปางทิพย์รู้ดีว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น ดังในนั้นจึงรีบขึ้นรถ เมื่อกี้ที่เธอขอโทษอารียา ก็เพื่อทำให้อารียามาที่ลานจอดรถพร้อมกับเธอ
โมไนยได้คุยกับทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้พวกเขามาหาเรื่องอารียาและรพีพงษ์ เดิมทีโมไนยแค่ต้องการให้พวกเขามาทำทำร้ายรพีพงษ์ ลวนลามอารียาก็จบ
แต่ปรางทิพย์ก็ยังอิจฉาริษยารพีพงษ์ ยิ่งอิจฉาตาร้อนอารียาที่มีสามีที่ร่ำรวยอย่างรพีพงษ์ ดังนั้นเธอจึงให้โมไนยบอกกับทั้งสี่คนว่า ทางที่ดีคือทำร้ายรพีพงษ์จนกลายเป็นคนพิการ จากนั้นก็ข่มขืนอารียา
โมไนยรู้สึกว่าปรางทิพย์ทำแบบนี้โหดร้ายเกิน แต่คิดว่าคงว่าไม่เป็นไร ความอิจฉาของคน สามารถทำก่อให้เกิดความชั่วร้ายจริงๆ และในตอนแรกเธอก็ไม่ชอบครอบครัวของอารียาอยู่แล้ว ต่อให้มันจะทำให้พวกเขาโชคร้ายก็ตาม
ยังไงก็คนที่โมไนยหามาเป็นคนของหมาป่าดำ หมาป่าดำอยู่ในอำเภอหยกมีชื่อเสียงที่แข็งแกร่งสุดยอด ก็มีแต่ท่านยุดที่สามารถเอาอยู่ คนของเขาทำผิด ยังไงเขาก็แก้ปัญหาได้ เรื่องนี้ปรางทิพย์ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
เป้าหมายของเธอ ก็คือทำให้อารียาโชคร้าย ยิ่งอารียายิ่งแย่เท่าไหร่ เธอก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นเท่านั้น
รพีพงษ์และอารียายืนอยู่ที่ข้างนอกเพื่อรอให้โมไนยขับรถออกมา ในตอนนี้รพีพงษ์ก็สังเกตเห็นทั้งสี่คน รู้สึกว่าทั้งสี่คนดูจะโมโห ราวกับจะมาหาเรื่อง
ทั้งสี่คนแสยะยิ้มแล้วมองมาที่รพีพงษ์ เดินไปตรงหน้ารพีพงษ์และอารียา ทั้งสี่คนก็ล้อมรอบอารียา สีหน้าเต็มไปด้วยความหยาบคายมองมาที่เธอ
“น้องสาวคนนี้ก็ไม่เลวเลยนะ สนใจไปสนุกกับพี่ที่โรงแรมมั้ยจ๊ะ?”
“รับรองพวกพี่จะทำให้เธอมีความสุขแน่ๆ ไปกับพวกเราเถอะ”
เมื่อรพีพงษ์เห็นสิ่งนี้ ก็ดึงอารียามา แล้วมองไปที่ทั้งสี่คนอย่างเย็นชา แล้วพูด: “ถ้าไสหัวไปตอนนี้ ฉันก็จะไม่ถือสาพวกแก”
ทั้งสี่คนแสยะยิ้มเหลือบมองรพีพงษ์ คนที่เป็นหัวโจกก็พูด: “แกซ่าส์มากเลยนะ จะบอกอะไรแกให้นะ พวกฉันชอบเมียแก ให้เธอไปสนุกกับพวกเรา วันนี้ฉันก็จะปล่อยแกไป ไม่อย่างนั้นฉันก็จะหักขาแก ให้แกดูตอนที่พวกฉันสนุกกับเธอ”
บนรถโมไนยและปรางทิพย์ก็แสยะยิ้มแล้วมองไปที่รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ยังจะกล้าตอบโต้พวกเขาทั้งสี่คน
“รพีพงษ์ยังมีความกล้าที่ไม่ยอมแพ้ ยังกล้าต่อกรกับพวกเขาทั้งสี่คน เสียดายจริงๆ ทั้งสี่คนเป็นคนของหมาป่าดำ อยู่ที่อำเภอหยก นอกจากคนของท่านยุด ก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น รพีพงษ์ตายแน่วันนี้” โมไนยกล่าวด้วยยิ้ม
ปรางทิพย์แสดงความคาดหวังออกมาเล็กน้อย และกล่าวว่า: “ก็ดีถ้ามันตาย ก็แค่เศษสวะ ยังมีเงินมากขนาดนั้น จะดีมากถ้าให้มันเอาเงินทั้งหมดของมันให้พวกเรา”
รพีพงษ์เมื่อเห็นท่าทางทั้งสี่คนยืนกรานที่จะหาเรื่อง ก็ขมวดคิ้ว
“พวกแกแน่ใจแล้วนะว่าจะมีเรื่องกับฉัน?”รพีพงษ์กล่าว
“ฮ่าฮ่า นี่ฉันฟังไม่ผิดใช่มั้ย ไอ้โง่นี่ท่าทางอวดดีแบบนี้ พวกฉันก็คือมาหาเรื่องแก แล้วจะทำไม แกคิดว่าหนึ่งคนจะสู้กับพวกฉันสี่คนเหรอ?”ชายคนหนึ่งโชว์กล้ามเนื้อออกมา
“น้องชาย ส่งเมียแกมาเร็วเถอะ ฉันหิวและกระหายแล้ว แกอย่ามาขวางทางที่นี่”ชายหัวโจกพูด
รพีพงษ์กำลังจะใช้กำลังสั่งสอนพวกเขา
อารียาดึงแขนของเขา และพูดว่า: “ รพีพงษ์ อย่าไปมีเรื่องกับพวกเขาเลย เรารีบไปกันเถอะ”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “ดูท่าทางพวกเขาแล้ว น่าจะตั้งใจมาหาเรื่องโดยเฉพาะ คิดจะไปเลยน่าจะไม่ได้ นอกจากจัดการพวกเขา”
เมื่อพูดจบ รพีพงษ์มองไปที่ชายหัวโจกคนนั้น แล้วรีบสาวเท้าออกไป จากนั้นก็ชกหมัดเข้าที่หน้าอกเขา ทำให้เขาล้มลงกับพื้น
สามคนที่เหลือยังไม่ทันได้ตั้งตัว หมัดของรพีพงษ์ก็ชกเข้าหาพวกเขาแล้ว และในพริบตา พวกเขาทั้งสี่ก็ล้มลงกับพื้น
โมไนยและปรางทิพย์ที่รอดูสิ่งดีๆอยู่บนรถ แต่คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะจัดการทั้งสี่คนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พวกเขาก็นิ่งอึ้ง
“เขา…..เขาทำไมเก่งขนาดนี้?”