พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 180 รถคันนี้เป็นของพวกเธอจริงๆหรอ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 180 รถคันนี้เป็นของพวกเธอจริงๆหรอ
บทที่180 รถคันนี้เป็นของพวกเธอจริงๆหรอ
อำเภอหยก เป็นเมืองหินหยกดั้งเดิมที่ขึ้นชื่อในแถบเมืองชลาลัย ที่นี่ผลิตหยก ทุกปีจะมีหยกจำนวนมากโผล่ออกมา ทุกคนให้สมญานามว่าธานีแห่งหยกงามผู้ที่ชอบสะสมหยก และขุดหยก ก็จะมาเที่ยวชมอำเภอหยกนี้
เพราะหลายปีมานี้การค้าหยกของอำเภอหยกเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทุกๆครัวเรือนล้วนมีความเป็นอยู่ที่ดี
แล้วธุรกิจหยกที่ใหญ่ที่สุดในนั้น คือจิรายุศ ที่อำเภอหยก ไม่มีใครไม่รู้จักจิรายุศชื่อนี้
เพราะสถานะของจิรายุศในอำเภอหยกนี้สูงมาก ดังนั้นทุกคนจึงเรียกเขาว่าท่านยุด ทุกคนที่อำเภอหยก ล้วนหวังที่จะเป็นเพื่อนกับท่านยุด
โมไนยโชคดีที่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจิรายุศคนหนึ่ง ปรางทิพย์ถึงได้ชอบเขา แล้วยังเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ยอดเยี่ยมของอำเภอหยกอีกด้วย รัศมีเปล่งปลั่ง
ด้านหน้าสถานีขนส่งอำเภอหยก โมไนยและปรางทิพย์ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ข้างถนนพอดี ข้างกายพวกเขาจอดรถออดี้คันใหม่เอาไว้ เพ่งมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา
เพราะเป็นสถานีขนส่ง ดังนั้นถึงได้มีจำนวนคนเยอะมากมาย เมื่อกี๊โมไนยกว่าจะจอดรถได้ก็ไม่ง่ายเลย
ไม่ไกลจากที่นี่ก็คือทางออกของทางด่วน อารียาจะต้องออกจากทางด่วนตรงนี้ ดังนั้นปรางทิพย์และโมไนยจึงมารออยู่ที่นี่ก่อน
“คนใหญ่คนโตที่ท่านยุดต้อนรับคือใคร ไม่ได้บอกคุณหรอ?” ปรางทิพย์ถาม
โมไนยส่ายหัว แล้วกล่าว “คนที่ท่านยุดต้อนรับ ต้องเป็นคนระดับเดียวกับเขาแน่นอน ผมจะสานสัมพันธ์ได้ไงกัน ผมอยู่ที่นั่นแป็ปนึง ก็ให้ผมออกมาแล้ว”
ปรางทิพย์พยักหน้า แล้วกล่าว “สนเขาทำไม เรื่องของคนใหญ่คนโต ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา พวกเรารอเยาะเย้ยครอบครัวอารียาดีกว่า”
โมไนยก็หัวเราะตาม แล้วกล่าว “ผมล่ะอยากเห็น ว่าพวกเขาขับรถอะไรกันมา”
“ยังต้องถามอีกหรอ ต้องเป็นรถมือสองร้ายๆแน่ๆ เทียบกันออดี้ของเราไม่ได้หรอก ถึงแม้ไม่ใช่มือสอง ก็ต้องเป็นแบบที่ถูกมากๆแน่ๆ ไม่แน่อาจเป็นรถตู้ก็ได้นะ” ปรางทิพย์หัวเราะพลางกล่าว
โมไนยหัวเราะก๊าก แล้วกล่าว “ถ้าเป็นรถตู้จริงๆล่ะก็ นั่นก็ตลกเกินไปแล้วป่ะ”
ทั้งคู่เพ่งมองไปรถที่ขับผ่านไปมา มองเห็นรถร้ายๆหน่อย ก็จะเพ่งดูเป็นพิเศษ ดูว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในใช่ครอบครัวอารียาหรือไม่
ผ่านไปไม่นาน ปรางทิพย์เห็นคนหลายคนเดินมา มองอย่างตั้งใจ เป็นครอบครัวอารียาพอดี
ใบหน้าปรางทิพย์เต็มไปด้วยความสงสัย ในใจคิดพวกเขาไม่ใช่ว่าขับรถมากันหรอ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นเดินมาแล้วล่ะ หรือพวกเขารู้สึกอับอาย ดังนั้นจึงนั่งรถโดยสารมา?
ปรางทิพย์รีบดึงโมไนยแล้วเดินไปยังครอบครัวของอารียาที่นั่น แล้วกล่าว “นั่นก็คือครอบครัวของอารียา”
ทั้งคู่เดินไปตรงหน้าของครอบครัวอารียา ปรางทิพย์ถามอย่างอารมณ์แปลกๆว่า “อารี พวกแกไม่ใช่ว่าขับรถมาหรอ ทำไมถึงได้เดินกลับมาล่ะ?”
อารียามองไปยังปรางทิพย์ แล้วกล่าว“ตรงนั้นคนเยอะเกินไป รถขับเข้ามาไม่ได้ พวกเราจึงได้เดินมา มาเจอพวกเธอก่อน”
ที่แท้ก็จอดรถไว้ตรงนั้น
โมไนยสงสัยขึ้นมาทันใด ถึงแม้ตรงนั้นจะเป็นสถานีรถขนส่ง คนมากอยู่ก็จริง แต่ถ้าขับช้าๆก็มาได้ ทำไมพวกเขาถึงพูดว่าขับมาไม่ได้?
“คุณป้า คุณลุง ฉันแนะนำให้พวกคุณรู้จัก นี่คือโมไนย แฟนของฉัน ตอนนี้ทำงานอยู่กับท่านยุด รายได้ต่อปีก็หลักล้าน” ปรางทิพย์กล่าว
ศศินัดดาและศักดาทั้งคู่พยักหน้า ไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรมากนัก
ตอนนี้พวกเขาอยู่วิลล่าที่ราคากว่าสิบล้าน แล้วยังขับรถราคาสี่ล้านกว่า ที่บ้านยังมีวัตถุโบราณที่ราคาร้อยกว่าล้านหลายชิ้น แค่หลักล้านสำหรับพวกเขาแล้วไม่มีค่าใดๆ
ปรางทิพย์เห็นพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาต้อตอบใดๆ ในใจคิดพวกเขาต้องอิจฉาความเก่งของโมไนยแน่ๆ ในใจเหยียดหยามขึ้นมาทันที
เพื่อทำให้ครอบครัวอารียาอับอาย ดวงตาของปรางทิพย์ก็ดูไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “อารี แกพาไอ้สวะนี่กลับมาจริงๆด้วยอะ ตอนนี้เขายังเกาะเมียกินอยู่ใช่ไหม? ดูสิดูสิ ความแตกต่างระหว่างคนเรา ไม่เทียบกันไม่ได้จริงๆนะ โมไนยของฉัน เก่งกว่าเขาหลายสิบเท่า”
อารียาขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “รพีพงษ์ก็เก่งมาก”
เห็นอารียาโต้ตอบ ปรางทิพย์รีบประชดขึ้นทันใด “เขาเก่ง? อย่าตลกไปหน่อยเลย เขาก็แค่ไอ้สวะคนนึงเท่านั้น”
“ใช่แล้ว รพีพงษ์ แกไม่ใช่ขับรถกลับมาหรอ รถคันนี้ของแกขับยากล่ะซิ ดูรถใหม่คันนี้ของโมไนยสิ ออดี้ สี่แสนกว่านะ เป็นยังไงบ้าง อิจฉาล่ะสิ?” ปรางทิพย์กล่าวอย่างสะใจ
โมไนยก็ยืดอก ใบหน้ามั่นใจอย่างมาก
“คุณป้า คุณลุง เดี๋ยวพวกคุณนั่งรถของโมไนยกลับล่ะกัน รถคันนี้ของเขาสบาย ต้องดีกว่ารถของรพีพงษ์แน่นอน ไอ้รพีพงษ์นี่ก็จริงๆนะ ให้พวกคุณนั่งรถร้ายๆกลับมา ใช้ไม่ได้จริงๆ” ปรางทิพย์มองไปที่ศศินัดดาและศักดา
ทั้งคู่อยากหัวเราะขึ้นมา พวกเรามีรถคันละสี่ล้านกว่าไม่นั่ง แล้วไปนั่งรถของแกคันล่ะสี่แสนกว่า? นี่ไม่ใช่ทำให้ตัวเองลำบากหรอ
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “รถของผมจอดอยู่ทางนั้น หรือพวกคุณไปดูกันไหม?”
ปรางทิพย์และโมไนยไม่คิดว่ารพีพงษ์ยังมีหน้าจะให้พวกเขาไปดูรถอีก ตกลงอย่างหัวเราะเยาะเย้ย
ศศินัดดาและศักดาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของปรางทิพย์ ในใจคิดเดี๋ยวเห็นรถคันล่ะสี่ล้านกว่าของครอบครัวเรา ดูสิพวกแกยังจะมั่นหน้าแบบนี้อยู่อีกไหม
ทุกคนเดินไปทางนั้น มองดูคนที่สถานีขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ในใจคิดอีกแป็ปจะฝ่าตรงนี้ไปยังไง
ไม่นาน ทุกคนก็เดินมาถึงจุดที่จอดรถของรพีพงษ์ ตรงนั้นมีผู้คนรายล้อมอยู่จำนวนมาก ทุกคนมองปอร์เช่ของรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ
ถึงแม้ช่วงหลายปีมานี้อำเภอหยกจะเจริญก้าวหน้า แต่ก็เป็นแค่อำเภอ รถหรูปอร์เช่แบบนี้มีน้อย มากสุดก็แค่BMWออดี้เหล่านั้น
ทันใดนั้นรถปอร์เช่หนึ่งคันปรากฏขึ้นมาที่นี่ ทุกคนล้วนประหลาดใจด้วยกันทั้งนั้น และอยากมาดู
“เชรดดด ปอร์เช่911 และแล้วอำเภอของเราก็มีปอร์เช่ซักที นี่คงไม่ใช่ของท่านยุดหรอกนะ?” โมไนยประหลาดใจ
“ปอร์เช่911? รถแบบนั้นแพงมากหรอ?” ปรางทิพย์ถาม
“สี่ล้านกว่านะ เพียงพอที่จะรถคันนี้ของผมสอบคันเลยนะ” โมไนยกล่าว
ปรางทิพย์ตกใจ ไม่คิดว่ารถคันนี้จะแพงได้ขนาดนี้
ขณะนี้รพีพงษ์ก็หัวเราะขึ้นมา ปรางทิพย์ชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “แกหัวเราะอะไรของแก รถคันนั้นจะแพงขนาดไหน ก็ไม่ใช่ของแก”
“รถของพวกแกอยู่นี่ไม่ใช่หรอ คันไหนล่ะ?” ปรางทิพย์ถาม
รพีพงษ์ชี้ไปที่ปอร์เช่นั้น แล้วกล่าว “ก็อยู่ตรงนั้นไง”
ปรางทิพย์และโมไนยมองไปตามมือของรพีพงษ์ ตรงนั้นนอกจากปอร์เช่แล้ว ก็ยังมีรถตู้ร้ายๆจอดอยู่อีกคัน พวกเขาคิดไปเองว่ารถตู้คันนั้นเป็นของรพีพงษ์
“ปราง กูๆแล้วคุณพูดไว้ไม่มีผิดนะ รพีพงษ์นี่สวะโดยแท้จริงๆ ยังขับรถแบบนี้กลับมาอีก งามหน้าจริงๆ” โมไนยกล่าว อย่างไม่คิดถึงความรู้สึกของรพีพงษ์แต่อย่างใด
“ฉันบอกคุณแล้ว เขาก็แค่ปลิงดูดเลือด คุณยังหวังที่จะให้เขาเอารถดีๆมาจากไหนอีก” ปรางทิพย์กล่าวอย่างเหยียดหยาม
ทุกคนเดินไปที่ข้างหน้ารถตู้นั้น ปรางทิพย์หันไปมองอารียา แล้วกล่าว “ช่วงหลายปีมานี้แกคงใช้ชีวิตลำบากมากสินะ อยู่กับสวะรพีพงษ์นี่ ขับรถตู้ร้ายๆแบบนี้ แล้วยังมีหน้าให้พวกเราดูอีก ฉันไม่เหมือนกัน มีแฟนที่เก่งอย่างโมไนย แกอิจฉาก็คงจะอิจฉาไม่ไหวล่ะ”
อารียาใช้สายตามองบนกับเธอ แล้วกล่าว“ใครบอกแกว่ารถตู้คันนี้เป็นรถของรพีพงษ์”
ปรางทิพย์ตาโต แล้วกล่าว“นี่ก็มีแค่สองคัน ไม่ใช่รถตู้คันนี้ หรือรถของรพีพงษ์คือปอร์เช่คันนั้น?”
“อย่าตลก ถ้าเขาขับปอร์เช่ ก็ไม่ถูกเรียกว่าสวะแล้ว” โมไนยหัวเราะพลางกล่าว
“รถของปมก็คือปอร์เช่คันนั้น” รพีพงษ์กล่าว
ปรางทิพย์มองรพีพงษ์เหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกทำเพื่อเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็ไม่ควรทำแบบนี้ป่ะ แกคิดว่าแค่แกบอกว่ารถคันนี้ของแก แล้วมันจะเป็นของแกจริงๆหรอ? ตลก”
รพีพงษ์เอากุญแจรถปอร์เช่ออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขย่าต่อหน้าปรางทิพย์ แล้วกด ไฟของปอร์เช่ก็กระพริบขึ้นมาสองครั้ง
คนบริเวณนั้นเห็นไฟของปอร์เช่กระพริบขึ้นมา จึงรีบหันกลับ แล้วมองรพีพงษ์อย่างอิจฉา
“นี่คือเจ้าของปอร์เช่หรอเนี่ย เจ๋งฉะมัด”
รถคันละสี่ล้านกว่าเลยนะ เมื่อไหร่ฉันจะมีปัญญาได้ขับรถแพงๆแบบนี้บ้างนะ
“ไม่ต้องพูดล่ะ ให้ฉันได้ลูบๆคลำๆ ฉันก็ดีใจจนนอนไม่หลับแล้ว
……
ปรางทิพย์และโมไนยทั้งคู่แข็งทื่อ ใบหน้าพวกเขาทั้งคู่มองไปที่กุญแจที่อยู่ในมือรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ ไม่คาดคิดว่ารถที่รพีพงษ์พูดถึง จะเป็นปอร์เช่คันนี้จริงๆ
นี่……นี่เป็นรถของพวกแกจริงหรอ?” ปรางทิพย์มองไปที่อารียาและรพีพงษ์
“ไม่งั้นล่ะ” อารียามองบน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ปรางทิพย์น้ำเสียงตกใจ แล้วกล่าว “กุญแจนี้รพีพงษ์ต้องขอขโมยมาแน่ๆ พวกแกให้รพีพงษ์ขโมยกุญแจของรถที่แพงขนาดนี้ เขาทำผิดกฎหมาย!”
ศศินัดดาได้ยินปรางทิพย์พูดแบบนี้ ก็เครียดขึ้นมา แล้วกล่าว “แกพูดบ้าอะไร นี่จะขโมยได้ไง”
“ไอ้สวะรพีพงษ์นี่จะมีปัญญาซื้อรถแพงๆแบบนี้ได้ไง นี่ต้องขโมยกุญแจคนอื่นมาแน่ๆ คุณป้า หรือคุณป้าจะปกป้องรพีพงษ์หรอ นี่ทำผิดอยู่นะ” ปรางทิพย์มั่นใจว่ากุญแจนี้รพีพงษ์ขโมยมา
ครอบครัวศศินัดดาเริ่มเสียอารมณ์ แต่รพีพงษ์กลับรู้สึกตลก ในใจคิดไม่แปลกที่เป็นครอบครัวเดียวกับศศินัดดา ลักษณะการแถ เหมือนกันทุกประการ
ตอนนี้ประตูรถปอร์เช่ถูกเปิดออก มีเสียงตะลึงของผู้คนออกมา “ประตูรถเปิดแล้ว ในรถยังมีคนอยู่อีก!”
ปรางทิพย์ดูรพีพงษ์อย่างดูแคลน แล้วกล่าว “เข้าของรถเค้าอยู่ในรถหนะ แกยังมีอะไรที่จะพูดอีก รอให้เขาลงมา ฉันจะให้เขาแจ้งความจับแก”
“พูดถูก เข้าของรถเค้ายังอยู่ แกยังกล้าพูดว่านี่คือรถของแกอีก แกนี่มั่นหน้าเลือดจริงๆ!” โมไนยพูดเสริม
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร ครอบครัวอารียามองปรางทิพย์เหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น
ต่อมา คนบนรถลงมา ปรางทิพย์และโมไนยจะเดินไปฟ้อง
แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นคนที่ลงจากรถแล้ว ก็ชะงักในทันที
“ธีริทธิ์ ทำไมแกถึงอยู่ในรถนี้?” ปรางทิพย์ตะลึงแล้วกล่าว
“ผมนั่งรถนี้กลับมาสิ” ธีริทธิ์กล่าว เมื่อกี๊เขานั่งเล่นเกมอยู่บนรถ ไม่ได้ลงไป
“รถคันนี้เป็นของใคร?” ปรางทิพย์ถาม
“เป็นของพี่เขยผมหนะสิ เป็นไง เจ็งอะดิ ปอร์เช่911 สี่ล้านกว่านะ” ธีริทธิ์หัวเราะพลางกล่าว
ในใจปรางทิพย์เต็มไปด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ ธีริทธิ์ก็พูดแล้วว่ารถนี้เป็นของรพีพงษ์ งั้นก็ไม่น่าที่จะขโมยมาแล้ว
เขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถาม “แก……แกเป็นแค่ไอ้สวะไม่ใช่หรอ ทำไมถึงซื้อรถแพงๆคันนี้ได้?”
ตอนนี้เองศศินัดดาก้าวออกมา แล้วกล่าว “รถคันนี้เขาซื้อที่ไหน ลูกสาวฉันซื้อต่างหาก”
ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ โมไนยก็รู้สึกดีขึ้นมานิด แต่ปรางทิพย์ยิ่งเสียใจ เพราะนี่หมายถึง หน้าที่การงานของอารียา ดีกว่าเธอเยอะ
แล้วเธอยังบอกกับอารียาอีกว่าจะหางานที่เงินเดือนหกพันหยวนให้
“พวกเราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว คิดดีกว่าว่าจะฝ่าตรงนี้ไปได้ยังไง” อารียากล่าว
ปรางทิพย์พึมพาทันที “หึ รถคันนี้มีดีอะไร เรียกคนมาเยอะขนาดนี้ ไปก็ไปไม่ได้ สู้ออดี้ของโมไนยก็ไม่ได้
ถึงแม้ปากพูดแบบนี้ แต่ก็ดูออกว่าด้วยใบหน้าว่าเธออิจฉา
ในตอนที่กำลังคิดว่าจะฝ่าฝูงชนนี้ไปได้อย่างไร มีเสียงบีบแตรดังมาจากใกล้ๆ
เป็นรถฮาเลย์ดิวิชั่นคันแล้วคันเล่าขับผ่านไป ทำเอาคนบนถนนต้องหลบข้างๆสองข้างทาง ความจริงเป็นถนนที่แน่นแต่กลับกลายเป็นกว้างใหญ่
รถโรลล์รอยส์ขับมาทางนี้ เมื่อเห็นรถคันนี้ ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา ไม่ได้สนใจรถปอร์เช่ของรพีพงษ์แล้ว
โมไนยก็ตาลุกวาว แล้วจะโกน “นั่นมันรถของท่านยุดนี่! รถโรลล์รอยส์คันเดียวของอำเภอหยกนี้ ทำไมเขาถึงมาที่นี่!”