พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 174 หายนะของตระกูลฉัตรมงคล
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 174 หายนะของตระกูลฉัตรมงคล
บทที่174 หายนะของตระกูลฉัตรมงคล
เมื่อคำพูดของโยษิตาเปล่งออก ทั้งงานเริ่มแตกตื่น
รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนเริ่มหุบ ในวิลล่าเงียบสงัดลงทันที
ในตอนแรกสนุกสนานอย่างมาก ตอนนี้ทุกๆคนมองไปที่นภทีป์อย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น
นภทีป์ยิ่งงงกว่า ในใจคิดไม่ได้มาสู่ขอหรอกหรอ ทำไมถึงได้พูดแบบนี้ออกมา หรือคิดว่าตระกูลฉัตรมงคลของเราเทียบกับตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้ อยากแสดงอำนาจ?
ไม่เพียงแค่เขาที่คิดแบบนั้น ชรินทร์ทิพย์ก็คิดแบบเดียวกัน
“แม่สามี คุณอย่าล้อฉันเล่นเลย ถึงแม้ตระกูลฉัตรมงคลของเราเทียบไม่ได้กับตระกูลลัดดาวัลย์ แต่เพียงแค่ลูกชายของคุณรักใคร่ปรองดองกัน พวกนี้ก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว” ชรินทร์ทิพย์หัวเราะพลางพูด
ทุกคนต่างให้พ้องกัน
หลังจากที่โยษิตาได้ยินคำพูดของชรินทร์ทิพย์แล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วเดินไปที่ตรงหน้าของชรินทร์ทิพย์ ยกมือขึ้นมาแล้วตบไปที่หน้าเธอหนึ่งฉาด
เสียงเพี่ยะหนึ่งครั้ง ดังกังวาน
ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้ว ว่าโยษิตาไม่ได้ล้อเล่น
“แกก็ไม่ดูตัวเองเลยนะว่าเป็นใคร แกมันก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำ ยังคิดอยากจะแต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์ของฉันอีก?” โยษิตาพูดอย่างไม่เกรงใจ
ชรินทร์ทิพย์จับหน้าตนเอง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้มอบของให้ เธอเฝ้าคอยเรื่องนี้มาตลอด คิดถึงวันที่ตระกูลลัดดาวัลย์มาสู่ขอเธอ ตัวเองก็จะได้สง่างามซักครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่คาดคิดก็คือ วันนี้ที่มาถึง ผลลัพธ์กลับกลายเป็นแบบนี้
“คุณ……ทำไมคุณตบฉัน?” ชรินทร์ทิพย์จิบปากพูด
“เพราะแกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไง” โยษิตากล่าว
ชรินทร์ทิพย์เคร่งเครียดขึ้นมาทันใด ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าข้างหน้าเธอเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์หรือไม่ นิสัยตั้งแต่เด็กๆทำให้เธอต้องเอาคืนหากโดนคนอื่นตบ
เธอจะตบโยษิตา แต่ทว่าเมื่อเธอเริ่มยกมือขึ้น บอดี้การ์ดหนึ่งคนที่อยู่หลังของโยษิตาพุ่งเข้าไปยืนข้างหน้าของชรินทร์ทิพย์ แล้วจะตบไปที่หน้าของเธออีกฉาด
กำลังของบอดี้การ์ดมากกว่าของโยษิตามาก ฉาดนี้ตบไป ใบหน้าของชรินทร์ทิพย์ก็บวมขึ้นมาทันที
ชรินทร์ทิพย์ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมาทันที
พรภาและคิมหัตต์แล้วเดินเข้ามาพยุงชรินทร์ทิพย์ แล้วปลอบโยนเธอ
“ไม่ว่าจะตอนไหน คนควรที่จะรู้จักสถานะของตนให้ชัดเจน ไม่มีปัญญาทำเรื่องนั้น ก็อย่าคิดบังอาจขึ้นที่สูง” โยษิตากล่าวอย่างเหยียดหยาม
ไม่มีใครสักคนกล้าขัดในงาน เมื่อสักครู่ฝีมือของบอดี้การ์ดโยษิตาทุกคนก็ได้เห็นมาแล้ว หากตอนนี้พูดมาก ก็เหมือนหาที่ตายชัดๆ
สีหน้าของนภทีป์เปลี่ยนเป็นดูไม่ดีอย่างมาก เขาคิดว่าทีแรกโยษิตาแค่อยากแสดงอำนาจให้พวกเขาเห็นเท่านั้น กลับไม่คิดว่าเค้าจะดูถูกดูแคลนตระกูลพวกเขาจริงๆ
ดูๆแล้ว ไม่ได้มาเพื่อสู่ขอ แต่กลับมาหาเรื่อง
ในเมื่อคุณไม่ได้มาเพื่อสู่ขอ งั้นได้โปรดบอกเหตุผลที่มาหน่อย ตระกูลฉัตรมงคลของผมถึงแม้เทียบกับตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ใครจะมารังแกก็ได้ คนของตระกูลฉัตรมงคลของผมก็จะไม่ให้คุณทำสำเร็จ” นภทีป์กล่าว
เขาคิดว่าถ้าพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว คนของตระกูลฉัตรมงคลจะต้องสนับสนุนเขาอย่างมาก แต่กลับไม่คาดคิดว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เห็นด้วยกับเขา
แต่กลับเพราะคำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หลายคนต้องก้มหน้า
นภทีป์ด่าในใจ ในใจครุ่นคิดคนตระกูลนี้ไร้น้ำยาจริงๆ
โยษิตาหัวเราะอย่างดูแคลน แล้วกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกหัวหน้าของตระกูลเล็กๆนี้ก็มีน้ำยาอยู่บ้าง แต่เสียดาย แกจะเก่งมาจากไหน ในสายตาของตระกูลลัดดาวัลย์ก็เป็นแค่มดตัวเดียวเท่านั้น”
“วันนี้ฉันไม่ได้มาทำให้พวกแกขายหน้า แต่เพราะแกไม่สั่งสอนคนของครอบครัวแกเอง โทษฉันไม่ได้ วันนี้ที่ฉันมา จะมาเอาของที่ให้กับพวกเธอไว้ในตอนแรก”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ล้วนมีสีหน้าตกใจ ไม่คาดคิดว่าคนของตระกูลลัดดาวัลย์มานั้น เพื่อจะเอาของที่ตอนแรกได้ให้ไว้กลับไป
นภทีป์ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก เขาชื่นชอบวัตถุโบราณเหล่านั้นของตระกูลลัดดาวัลย์ ได้ถือว่าเป็นของตัวเองมานานแล้ว ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์จะเอากลับไป เขารู้สึกอาลัยอาวรณ์กับของเหล่านั้น
“ของขวัญเป็นสิ่งที่พวกคุณให้มา ตอนนี้คุณบอกว่าจะเอากลับไป ก็ควรจะให้เหตุผลเราสักหน่อยไหม” ธายุกรกล่าว
“เพราะพวกแกไม่คู่ควร” โยษิตากล่าวอย่างเยือกเย็น
ท่าทางธายุกรเหมือนหมาอย่างไรอย่างนั้น ถ้ารู้ว่าจะตอบแบบนี้ เขาก็ไม่ถามแล้ว
นภทีป์ไม่อยากอับอายขายหน้า ในเมื่อเค้าจะมาเอา ก็คืนๆพวกเขาไป
“ตระกูลฉัตรมงคลของฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยแค่นั้นของพวกคุณ มานี่ ไปเอาวัตถุโบราณที่ตระกูลลัดดาวัลย์มอบให้มาให้หมด” นภทีป์กล่าวด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
ชรินทร์ทิพย์ที่ปิดหน้าอยู่นั้นสีหน้าถอดสีทันที ตอนแรกเธอคิดเสมอมาว่าของที่ตระกูลลัดดาวัลย์ให้มานั้นเป็นสินสอดของเธอ ดังนั้นเมื่อเธออยากขาย ใครก็พูดอะไรไม่ได้
ตอนนี้คนของตระกูลลัดดาวัลย์มาแล้ว ไม่ได้มาเพื่อสู่ขอเสียด้วยซ้ำ แต่ยังจะเอาของเหล่านี้กลับไปอีก ทำให้เธอหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก
วัตถุโบราณสองอย่างนั้นที่ขายไปยังไงก็เอาออกมาไม่ได้แล้ว อีกสักครู่หากโยษิตารู้ว่าหายไปสองอย่างล่ะก็ ต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากเธอเป็นแน่
ธายุกรก็รับรู้ได้ถึงปัญหานี้ รีบเดินไปข้างๆของชรินทร์ทิพย์ แล้วกล่าว “ทำไงดี? วัตถุโบราณพวกนั้นไม่ได้ให้เธอซักหน่อย เงินที่เธอขายมาได้ ยังมีอยู่หรือเปล่า?”
“ก็……ก็ใช้หมดไปแล้ว” สีหน้าชรินทร์ทิพย์ซีดลง
ธายุกรด่าในใจ แล้วคิดครั้งนี้จบเห่แล้ว
ไม่นาน หลายคนก็ได้เอาวัตถุโบราณเหล่านั้นที่ตระกูลลัดดาวัลย์ให้มาวางไว้
โยษิตาเพ่งมองไปที่วัตถุโบราณพวกนั้น แล้วกล่าว “ยังขาดอีกสองชิ้น”
นภทีป์รีบเดินไป แล้วนับ พบว่าขาดขวดหยกขาวกับไม้แกะสลัก
“ธายุ แกไปดูอีกครั้ง ลืมหยิบมาหรือเปล่า นี่ยังขาดขวดหยกขาวกับไม้แกะสลัก” นภทีป์พูดกับธายุกร
ใบหน้าธายุกรเต็มไปด้วยความละอาย แล้วกล่าว “ปู่……คุณปู่ สิ่งของสองอย่างนั้น ถูกเจนขายไปแล้ว”
นภทีป์ชะงัก แล้วชักตาไปที่ชรินทร์ทิพย์ ถาม “ใครให้แกขาย?”
ชรินทร์ทิพย์ร้องไห้ออกมาทันที แล้วกล่าว “คุณปู่ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นคุณบอกว่าของเหล่านี้คือสินสอดของฉัน ฉันเลยนึกว่าแม้ฉันจะเอาไปขายสักสองอย่างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ใครจะรู้ว่าตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนใจจะเอาของเหล่านี้กลับไปล่ะ”
นภทีป์โมโหอย่างเกรี้ยวกราด ไม่คาดคิดว่าชรินทร์ทิพย์จะแอบขายวัตถุโบราณลับหลังเขา ถึงแม้ของเหล่านี้คือสินสอด นภทีป์ก็ถือว่าวัตถุโบราณเหล่านี้เป็นของตนเอง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยอนุญาตให้เจนขาย
“แกขายไปเท่าไหร่?” นภทีป์ถาม
“สาม……สามสิบล้าน” ชรินทร์ทิพย์ตอบ
นภทีป์มองไปที่โยษิตา แล้วกล่าว “ขอโทษครับ วัตถุโบราณสองอย่างที่ขาดไป พวกเราชดใช้เป็นเงินให้คุณ สามสิบล้านพวกเรารวบรวมไม่นาน หวังว่าคุณจะไม่เร่งรีบ
โยษิตาหัวเราะเยาะเย้ย แล้วกล่าว “เป็นตระกูลที่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งของจริงๆนะเนี่ย ขวดหยกขาวกับไม้แกะสลักทองที่ขาดไปนั้น เอาออกไปขาย สามารถประมูลได้เป็นหลักร้อยล้าน พวกแกสามสิบล้านก็ขายแล้ว ดูๆแล้วสิ่งของเหล่านี้หากไว้ที่ตระกูลพวกแก ชั่งปู้ยี่ปู้ยำจริงๆ”
ตอนแรกเธอไม่เข้าใจรพีพงษ์ว่าทำไมต้องให้เธอเอาของพวกนี้กลับไป ตอนนี้เข้าใจแล้ว
นภทีป์ตาโต ไม่คาดคิดว่าวัตถุโบราณสองอย่างนั้นจะแพงได้ขนาดนี้
“คุณ……คุณโกหกให้มันน้อยๆหน่อย คนที่ซื้อวัตถุโบราณนั้นพูดว่าสองอย่างนี้ราคาสามสิบล้าน ไม่ว่ายังไงคุณก็คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ยังจะมาโกงเงินของพวกเราอีก” ธายุกรกล่าว
โยษิตายักไหล่ แล้วกล่าว “สองสิ่งนี้ยังมีประวัติตอนแรกที่ประมูลขายในอินเทอร์เน็ตอยู่ ถ้าไม่เชื่อพวกแกก็สามารถหาดูได้
ธายุกรหยิบมือถือขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ คนในห้องรับแขกจำนวนไม่น้อยต่างก็พากันหยิบมือถือขึ้นมาค้นหาดู
พยายามสักพัก สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นไม่ปกติมากขึ้น
นภทีป์ดูไปที่ธายุกร ถาม “ตกลงจริงหรือไม่จริงกันแน่”
มือของธายุกรเริ่มสั่นขึ้นมา แล้วกล่าว “เป็น……เป็นความจริง ราคาของทุกๆสิ่ง มากกว่าร้อยล้านทั้งนั้น”
นภทีป์เกือบเป็นลมขึ้นมาทันที ของที่มีมูลค่ากว่าสองร้อยล้าน ถูกชรินทร์ทิพย์ขายไปในราคาสามสิบล้าน เขาเสียใจมากจริงๆที่ตนเองมีหลานสาวที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้
“สองร้อยล้าน คุณจะให้ผมไปหาสองร้อยล้านมาจากไหน แม้จะขายบริษัทแล้ว ก็ไม่ถึงสองร้อยล้าน ชรินทร์ทิพย์ แกดูสิ่งที่แกทำ แกทำลายตระกูลฉัตรมงคลทั้งตระกูลแล้ว!” นภทีป์หัวร้อนจนเส้นเลือดโผล่ ใบหน้าดุดันจนน่ากลัว
ชรินทร์ทิพย์และครอบครัวสามคนรู้สึกผิดด้วยกันทั้งหมด ในบัตรของชรินทร์ทิพย์ยังเหลืออยู่สิบล้านกว่า แต่ทว่าเงินนั้นเธอตั้งแต่เตรียมจะเอาไว้ซื้อวิลล่า ดังนั้นถึงไม่ได้พูดออกมา
“ของสองสิ่งนี้ ราคาหาที่เปรียบมิได้ แม้จะมีเงินเยอะขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะซื้อมันได้ ตอนนั้นฉันจะเอาแค่ของ ไม่เอาเงิน ฉันขอพวกแกอย่าทำให้ฉันเสียเวลาจะดีที่สุด มิเช่นนั้นล่ะก็ ฉันจะไม่สนว่าตระกูลเล็กๆตระกูลนี้จะเป็นหรือตาย” โยษิตากล่าว
นภทีป์เคร่งเครียดขึ้นมาทันที ตระกูลลัดดาวัลย์จะทำลายตระกูลฉัตรมงคล ก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่จะทำเลยทีเดียว และเขาก็ไม่สงสัยในคำพูดนี้โยษิตาเลยแม้แต่น้อยว่าจะทำไม่ได้
“ชรินทร์ทิพย์ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่แกก่อไว้ แกบอกสิว่าแกจะทำยังไง?” นภทีป์มือสั่นแล้วชี้ไปที่ชรินทร์ทิพย์
ใบหน้าของชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ของได้ขายออกไปแล้ว เธอไม่มีแม้แต่วิธีเดียว
ตอนนี้ธายุกรกล่าว “ผมยังมีเบอร์โทรศัพท์ของคนซื้อวัตถุโบราณนั้นอยู่ เดี๋ยวผมจะโทรหาเขา กล้าหลอกลวงพวกเรา พวกเราจะต้องให้มันตายอย่างทรมาน!”
จากนั้นธายุกรก็โทรไป
ราวๆสิบนาทีต่อมา ธายุกรตัดสายทิ้ง ใบหน้ามองไปที่นภทีป์อย่างจริงจัง
“คนนั้นว่าไงบ้าง” นภทีป์รีบถาม
“เขาบอกว่าถ้าอยากจะเอาวัตถุโบราณสองสิ่งนั้นกลับไป ต้องจ่ายนอกอีกห้าสิบล้าน รวมกับก่อนหน้านี้สามสิบล้าน ทั้งหมดแปด……แปดสิบล้าน” ธายุกรกล่าว
ขาสองข้างของนภทีป์อ่อนแรงขึ้นมาทันที แล้วล้มลงไปบนโซฟาโดยตรง ธายุกรรีบเข้าไปพยุงเขาไว้
ในขณะนี้เอง ร่างกายของนภทีป์ราวกับถูกดูดไปอยู่ในดิน ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“แปดสิบล้าน พวกเราจะไปหาแปดสิบล้านมาจากไหน บัญชีของบริษัททั้งหมดมีสามสิบล้าน นี่คุณจะให้ฉันรวบรวมยังไง” นภทีป์กล่าวเสียงต่ำ
ชรินทร์ทิพย์เดินมา แล้วกล่าว “ปู่……คุณปู่ ใบบัตรของฉันยังมีอยู่สิบล้านกว่า เป็นเงินที่เตรียมไว้จะซื้อวิลล่า”
“นี่มันตอนไหนแล้ว แกยังคิดที่จะซื้อวิลล่าอีก! เอาของที่ช่วงนี้แกซื้อมาไปขายทั้งหมดซะ บ้านของแกก็ขายให้ฉันด้วย ถ้ารวบรวมเงินนี้ไม่ได้ ครอบครัวแกจะเป็นผู้มีความผิดของตระกูลฉัตรมงคง!”
สีหน้าของพรภาและคิมหัตต์แย่ลง เพิ่งจะมีชีวิตที่ดีได้ไม่กี่วัน ไม่เท่าไรก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าแล้ว
“คุณปู่ แม้จะให้ครอบครัวเขาขายบ้าน ก็รวบรวมเงินไม่ได้ขนาดนี้อยู่ดี” ธายุกรกล่าว
นภทีป์มองดูไปที่สายตาของทุกคน แล้วกล่าว “ตอนนี้เป็นเวลาแห่งความเป็นความตายของตระกูลฉัตรมงคลของฉัน ถ้าตระกูลฉัตรมงคลพังลง พวกแกทุกคนก็ต้องพังเหมือนกัน ฉันรู้ว่าหลายปีมานี้พวกแกก็ได้ผลประโยชน์จากบริษัทไปไม่น้อย ตอนนี้เหตุการณ์ฉุกเฉิน คนที่อยู่ในงานทุกคน เอาสมุดบัญชีเงินฝากของตัวเองออกมา รวมๆกันมา แปดสิบล้านน่าจะรวบรวมได้
ทุกคนเมื่อได้ยินว่าจะให้พวกเขารวบรวมเงินกัน ก็ไม่มีใครทำ ในเวลาเดียวกันก็เริ่มด่าทอชรินทร์ทิพย์และครอบครัวขึ้นมา ไม่หยุดที่จะเหยียดหยามชรินทร์ทิพย์ หากเทียบกับตอนที่เห็นดีเห็นงามกับชรินทร์ทิพย์นั้นแล้ว มันช่างแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง
“เงินเหล่านี้พวกแกไม่อยากให้ก็ต้องให้ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปค้นบัญชีของพวกแก ไม่มีตระกูลฉัตรมงคล พวกแกจะเอาเงินพวกนี้มาจากไหน ไอ้พวกอกตัญญู!” นภทีป์โมโหเกรี้ยวกราด
ทุกคนสงบเงียบขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“คุณปู่ ให้อารียาขายวิลล่าของเธอสิ วิลล่าหลังนั้นราคาสิบห้าล้านกว่าเลยนะ มีสิบห้าล้านกว่านี้ พวกเราจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง” ชรินทร์ทิพย์กล่าวขึ้นมาทันใด
ทุกคนมองไปที่อารียาและครอบครัว
“อารี……” นภทีป์กล่าวอย่างไม่สบายใจ
“เมื่อกี๊คุณพูดเองว่าฉันกับตระกูลฉัตรมงคลไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันแล้ว เรื่องของตระกูลฉัตรมงคล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับฉันทั้งนั้น อยากให้ฉันขายวิลล่าเพื่อช่วยพวกคุณ ไม่มีทาง” อารียากล่าวอย่างเยือกเย็น