พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 168 ขอให้แกโชคดี
บทที่168 ขอให้แกโชคดี
เห็นนภทีป์ตัดสินใจแบบนี้ อารียาก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วกล่าว “ทราบแล้ว คุณปู่ เพียงแค่ถ้าเรื่องนี้ถูกบริษัทซันบับเบิ้ล กรุ๊ปรู้เข้า ถ้าโทษ ก็อย่าโทษฉันนะ”
ธายุกรหัวเราะเยาะเย้ยทันที แล้วกล่าว “อารียา เรื่องนี้นอกจากแกจะไปฟ้อง ไม่งั้นบริษัทซันบับเบิ้ล กรุ๊ปจะรู้ได้ยังไง ถ้าแกอยากจะกล่าวโทษแกก็โทษที่แต่งงานกับไอ้สวะรพีพงษ์เถอะ ใครให้เขาเป็นเศษสวะขนาดนี้ แล้วยังนามสกุลเดียวกับตระกูลลัดดาวัลย์อีก”
อารียาไม่ได้สนใจธายุกร เธอไม่ได้กล่าวโทษรพีพงษ์ แต่กลัวรู้สึกซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ เธอคงถูกธายุกรและชรินทร์ทิพย์บีบจนมุมไปแล้ว
“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ วันที่ตระกูลลัดดาวัลย์ส่งคนมานั้น รพีพงษ์ห้ามปรากฏตัว บริษัทก็มอบให้ธายุจัดการ เชื่อมั่นว่าจระกูลฉัตรมงคลของฉันจะมีอนาคตไกล เป็นตระกูลระดับต้นที่ประจักษ์แห่งเมืองริเวอร์ จะเป็นจริงในไม่ช้า” นภทีป์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
คนของตระกูลฉัตรมงคลทุกคนเริ่มปรบมือ หัวเราะยินดีกับคำพูดของนภทีป์
หลังจากได้ตัดสินใจแล้ว นภทีป์ก็กลับขึ้นไปพักผ่อนชั้นบน
ญาติเหล่านั้นของตระกูลฉัตรมงคลล้วนกำลังพูดคุยเรื่องคนของตระกูลลัดดาวัลย์จะมาที่ห้องรับแขก
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์ทั้งคู่เดินไปข้างหน้าของอารียาและรพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจจนจะล้นออกมาแล้ว
“อารียา เกรงว่าแกคงคิดไม่ถึง ถึงแม้แกจะทำให้โรงงานวัสดุก่อสร้างโฮมมาท์ลดราคาให้หนึ่งเท่า สุดท้ายก็ต้องโดนไล่ออกจากบริษัทอยู่ดี น่าเสียดายจริงๆ ความจริงแกอยู่ในบริษัทก็เจริญก้าวหน้าดีอยู่หรอก ก็เพราะไอ้สวะรพีพงษ์นี่ที่ทำให้แกเดือดร้อน ฉันว่าแกรีบหย่าร้างกับเขาเถอะ” ธายุกรหัวเราะอย่างเยาะเย้ยแล้วกล่าว
“หย่าหรือไม่หย่าก็ไม่ต่างกัน เธอสามารถทำให้เขาลดราคาได้เท่าตัว ก็ไ ม่ใช่ว่าใช้วิธีการที่ไม่เหมือนคนทั่วไปเค้าทำกันหรอ บนหัวของรพีพงษ์ เป็นสีเขียวตั้งนานแล้ว” ชรินทร์ทิพย์หัวเราะพลางกล่าว
สีหน้ารพีพงษ์สงบนิ่ง หัวเราะอย่างดูแคลนแล้วกล่าว “คนที่ไม่มีศักยภาพ จะหาเหตุผลต่างๆนาๆให้ร้ายผู้อื่น”
ชรินทร์ทิพย์ถลึงตามองทันที แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกว่าใครไม่มีศักยภาพ? แกต่างหากที่เป็นไอ้สวะขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ป่ะ?”
“อย่าไปต่อร้องต่อเถียงกับเธอ ปากของเธอนั้นเน่าขนาดไหน คุณไม่ใช่ไม่รู้” อารียาพูดกับรพีพงษ์
ชรินทร์ทิพย์หัวเราะเหอะอย่างเยาะเย้ย แล้วกล่าว “ฉันว่าพวกแกกำลังอิจฉาฉันมากกว่า ไม่ว่าจะยังไงฉันก็กำลังจะได้แต่งเข้าไปในตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ก็ไม่มาต่อร้องต่อเถียงกับพวกแกแล้วล่ะ แต่รอให้ฉันแต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์ พวกแกคงโดนไล่ออกจากตระกูลฉัตรมงคลไปนานแล้วล่ะ”
รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “กลัวก็แต่ความปรารถนานี้ของแกจะไม่มีทางเป็นจริงได้”
ยหน้าชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ แกว่าคนอื่นในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ให้มันน้อยๆหน่อย ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อไปฉันจะเป็นคุณนายน้อยของตระกูลลัดดาวัลย์ แกอยู่ให้เป็นหน่อย”
“อารียา ครอบครัวแกก่อนหน้านี้อาศัยที่วิลล่า คงมั่นใจน่าดู จะบอกให้แกรู้ไว้นะ ตอนนี้ฉันก็กำลังเตรียมที่จะซื้อวิลล่าบูติกที่ดงเย็นหนึ่งหลัง แล้วแกดูไว้นะสิ่งที่แกสวมและใส่ในตอนนี้ ก็ล้วนเป็นของราคาถูกสินะ ให้แกดูหยกนี่ของฉัน สามแสนกว่านะ แล้วก็กระเป๋าใบนี้ ยี่ห่ออามานี่เชียวนะ ปิ่นหยกนี่บนหัวฉัน ก็สองแสนกว่านะ เกรงว่าชีวิตนี้แกคงไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้สินะ?” ชรินทร์ทิพย์เปลี่ยนเรื่องคุย
อารียามองชรินทร์ทิพย์อย่างไร้ซึ่งคำพูดใดๆ รู้สึกว่ามองเห็นเงาของปรางทิพย์บนร่างของเธอ ล้วนเป็นพวกชอบเห่อ
อีกทั้งอารียาก็ไม่ได้อิจฉาสิ่งพวกนี้ของชรินทร์ทิพย์เลย ที่บ้านเธอยังมีสร้อยหัวใจของดาวศุกร์วางอยู่หนึ่งเส้น แค่สิ่งนั้น ราคาก็ปาไปสี่สิบห้าล้านแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากโอ้อวด ตอนนี้อารียาก็คงเอาสร้อยเส้นนั้นมา ให้ชรินทร์ทิพย์ดูแล้ว
“แกแต่งงานกับสวะรพีพงษ์นี่ ถึงแม้จะใช้เงินที่คุณย่าให้ซื้อวิลล่า แต่ชีวิตนี้ของแก มากสุดก็ได้แค่นี้แหละ ไอ้สวะรพีพงษ์นี่ให้อะไรแกได้บ้าง แต่กับฉันไม่เหมือนกันล่ะ รอให้ฉันแต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์ ทรัพย์สมบัติมากมายกำลังรอฉันอยู่” ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างสะใจ
พีพงษ์เพ่งไปที่ชรินทร์ทิพย์ ภายในใจสงสัยว่าทำไมจู่ๆเธอถึงได้มีเงินขึ้นมามากมายขนาดนี้ แล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้ครอบครัวแกก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนี้ป่ะ แกซื้อสิ่งของเหล่านี้มาได้ยังไง คงไม่ใช่ลับหลังตระกูลลัดดาวัลย์ เอาอะไรที่มีค่าไปนะ?”
ธายุกรถลึงตาใส่รพีพงษ์ทันที แล้วกล่าว “รพีพงษ์ มึงเป็นบ้าไรวะ ตัวมึงเองไม่มีเอง เลยดูถูกคนอื่น?”
รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “พวกแกไม่ใช่ว่าชอบทำเรื่องแบบนี้กันหรอ?”
ชรินทร์ทิพย์หัวเราะเหอะอย่างดูแคลน แล้วกล่าว “เชอะ บอกแกก็คงไม่เป็นไร เงินพวกนี้ได้มาจากการที่ตระกูลลัดดาวัลย์ให้โบราณวัตถุมาแล้วฉันเอาไปขาย ของพวกนี้ความจริงแล้วก็มอบให้ฉัน ฉันเอาไปขาย ถึงแม้จะเป็นคุณปู่ก็พูดอะไรไม่ได้”
รพีพงษ์รู้โดยพลัน ว่าแท้ที่จริงแล้วเงินของชรินทร์ทิพย์มาจากไหน
แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเร็ว วัตถุประสงค์จริงๆในครั้งนี้ที่โยษิตามานั้น ก็มาเพื่อเอาของเหล่านี้กลับไป ตอนนี้ชรินทร์ทิพย์เอาวัตถุโบราณพวกนั้นขายไปแล้ว แล้วยังใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ถึงเวลานั้นที่โยษิตาจะมาเอา ก็จะมีหนังสนุกๆแล้ว
“ไม่ทราบว่าแกขายวัตถุโบราณขายได้เท่าไหร่หรอ?” รพีพงษ์ถามอีกครั้ง
“สองอย่างก็ขายได้กี่สิบล้านนะ ทำไม แกอิจฉาจาร้อนแล้ว? เหอะเหอะ เสียดายที่ชิวิตนี้แกจะไม่ได้มีเงินมากขนาดนี้แล้ว” ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างสะใจ
รพีพงษ์รู้สึกว่าชรินทร์ทิพย์นั้นสมองปัญญาอ่อนหนักขึ้นทุกที วัตถุโบราณพวกนั้น สักอย่างอะไรก็ได้ราคาต่อชิ้นก็เกือบพันล้าน คิดไม่ถึงว่าชรินทร์ทิพย์ขายสองอย่างขายได้สิบกว่าล้าน ชั่งทำลายข้าวของเหลือเกิน
แต่ถ้าชรินทร์ทิพย์ยิ่งทำเกินไป ถึงเวลานั้นรอรับการลงโทษ ก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก นี่รพีพงษ์ไม่ต้องเป็นกังวลใจแล้ว
“ขอให้แกโชคดี” รพีพงษ์หัวเราะแล้วกล่าวต่อชรินทร์ทิพย์ แล้วจับมือของอารียา เดินออกไปจากวิลล่า
ชรินทร์ทิพย์และธายุกรก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้พูดประโยคนี้ออกมากะทันหัน แต่พวกเขาคิดว่า ไม่ว่ารพีพงษ์จะพูดอะไร ก็ล้วนแต่เป็นเพราะอิจฉาพวกเขา
บนทางกลับบ้าน อารียาดูรพีพงษ์อย่างเสียอารมณ์ แล้วกล่าว “ครั้งนี้คุณปู่ให้ธายุกรเข้ามาดูแลบริษัท ถึงแม้จะบอกว่าชั่วคราว แต่ถ้าธายุกรเริ่มรับช่วงต่อ แน่นอนว่าจะไม่มีทางให้โอกาสใดๆกับฉันอีกแล้ว เกรงว่าในอนาคตฉันจะโดนเฉดหัวออกจากบริษัทจริงๆ”
รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วง บริษัทตระกูลฉัตรมงคล เกรงว่าจะอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องเผชิญกับวิกฤตแล้ว คุณปลีกตัวออกมาก่อนจะเกิดวิกฤต ไม่มีอะไรที่ไม่ดี”
“วิกฤต? ทำไมถึงพูดแบบนี้ ถ้าชรินทร์ทิพย์แต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์ สำหรับตระกูลฉัตรมงคลแล้ว ควรจะเป็นเรื่องที่ดีจึงจะถูก” อารียาไม่เข้าใจแล้วกล่าว
“ตอนนี้ผมอธิบายคุณได้ไม่ชัดเจน แต่คุณต้องรู้ไว้ แม้คุณจะไม่มีงานทำแล้ว พวกเราก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็เหมือนที่คุณพูดไว้ มีลูกชายให้ผม เลี้ยงดูเขา ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลว” รพีพงษ์หัวเราะพลางกล่าว
อารียามองเขาอย่างแสดงอาการไม่พอใจ ยื่นมือออกไปแล้วทุบที่ร่างกายของเขาสองครั้ง
“ไสหัวไป ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมีอารมณ์มาล้อเล่นกันอีก”
อารียามองรพีพงษ์ที่ใบหน้านิ่งสงบ เหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย แล้วถามอย่างแปลกใจ “รพีพงษ์ คุณมีเงินเท่าไหร่กันแน่? บอกฉันหน่อยได้ไหม?”
พีพงษ์มองไปที่อารียา ในใจคิดในเมื่อเธออยากรู้ งั้นก็บอกเธอละกัน
“ยังมีกี่ล้าน……”
“กี่ล้าน?” อารียาไม่รอให้รพีพงษ์พูดจบ ก็พูดขึ้นมา “กี่ล้านก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าฉันไม่มีงาน ก็เพียงพอพวกสำหรับพวกเราใช้ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว”
“หืม……กี่หมื่นล้าน” รพีพงษ์กล่าว
อารียาตาโต เพ่งมองรพีพงษ์คล้ายกับมองเห็นผีอย่างใดอย่างนั้น แล้วถาม “คุณ……คุณพูดอะไรนะ?”
“หืม ฉันยังมีกี่หมื่นล้าน” รพีพงษ์กล่าว
กี่หมื่นล้านนี่คือลดจำนวนลงแล้ว เพราะกี่หมื่นล้านก็คือเงินในบัตรแบล็กการ์ดนั้นของเขา ทรัพย์สินของเขาไม่ได้มีเพียงแค่ในบัตรแบล็กการ์ดนี้ ทรัพยสินทั้งหมดของเขารวมกันมีเท่าไหร่ แม้แต่เขาก็ไม่แน่ชัด
ตอนแรกอารียาตื่นตระหนก แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกตัว รู้สึกว่ารพีพงษ์กำลังล้อเล่นกับเธออยู่
หากรพีพงษ์มีหมื่นล้านจริงๆล่ะก็ ทำไมตอนแรกต้องแต่งเข้าบ้านของพวกเธอ
“หึ ไม่อยากพูดก็ชั่ง คุณยังกลัวฉันจะนึกถึงเงินจำนวนน้อยนั้นหรอ ไม่จำเป็นต้องล้อเล่นแบบนี้กับฉัน” อารียากล่าว จากนั้นก็ไม่ได้สนใจรพีพงษ์อีกเลย
ใบหน้ารพีพงษ์เต็มไปด้วยความเสียอารมณ์ ไม่คาดคิดว่าอารียาจะไม่เชื่อเขา คิดว่าเขากำลังล้อเล่น
ในตอนกลับบ้าน ศศินัดดารอที่ห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อน เห็นรพีพงษ์และอารียาเดินเข้ามา รีบเข้าไปต้อนรับ แล้วถามอย่างเป็นห่วง “อารี ฉันได้ยินพวกเขาบอกว่าท่านนภทีป์ให้แกพักผ่อนสักระยะหรอ? ช่วงนี้ให้ธายุเข้ามาดูแล?”
อารียาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก กล่าวอย่างเสียอารมณ์ “ฉันก็รู้สึกเหนื่อยพอดี พักผ่อนสักระยะก็ดี”
ศศินัดดาพูดอย่างเคร่งเครียด “ฉันได้ยินมาว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะส่งคนมาหาพวกเรา มาสู่ขอเจนหรือเปล่า อารี ช่วงแบบนี้แกจะพักผ่อนไม่ได้นะ ถ้าเจนแต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ตามความสัมพันธ์ของเธอและธายุ แกก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่บริษัทแล้ว”
“เข้าไม่ได้ก็ไม่เข้า ยังไงฉันก็ขัดตาพวกเขาไปหมด ฉันก็จะได้พักบ้าง” อารียากล่าวอย่างรำคาญ
“ไม่ได้นะ ถ้าแกไม่มีงานทำ ชีวิตของพวกเราจะดำเนินต่อไปอย่างไร” ศศินัดดากล่าว
“ไม่ใช่ว่ายังมีรพีพงษ์หรอ เขาสามารถเลี้ยงดูเราได้” เมื่อนึกถึงที่รพีพงษ์บอกว่าตนเองมีเงินหมื่นล้าน อารียาก็อยากหัวเราะขึ้นมา ให้รพีพงษ์ “หมื่นล้าน” เลี้ยงตนเองก็โอเคแล้ว
ศศินัดดามองที่รพีพงษ์ แววตาเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา กัดปากกัดฟันแล้วกล่าว “เขาไอ้สวะนี่ เอาอะไรมาเลี้ยงพวกเรา ฉันได้ยินมาว่าที่ท่านนภทีป์ปลดแกออก ก็เป็นเพราะเขา”
“รพีพงษ์ แกนี่มันดาบร้อยเล่มเกวียน แกทำร้ายครอบครัวเราทำร้ายจนอนาถ ตอนนี้อารีไม่มีงานทำ พวกเราต้องอดอยาก ทำไมแกยังดื้ออยู่บ้านฉันไม่ไปสักทีนะ”
รพีพงษ์มองไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “แม่ คุณอย่างเครียด อารีพูดไม่ผิด ถึงแม้เธอไม่มีงานทำ ผมก็สามารถเลี้ยงดูพวกคุณได้”
“แกจะเลี้ยงดูยังไง? แม้แต่งานทำแกยังไม่มี แม้ในมือแกยังพอจะมีเงินบ้าง เงินเหล่านั้นเกรงว่าจะจ่ายได้แค่ค่าส่วนกลางเท่านั้นแหละ ฉันว่า ขายวิลล่านี้เสียให้จบเรื่อง
“วันนี้แม่ของเจนมาโอ้อวดฉันอีกแล้ว บนนิ้วสวมแหวนสี่วง บนคอใส่สร้อยทองหนึ่งเส้น ท่าทีแบบนั้น มันน่าโมโหจริงๆ เธอตั้งใจมาเยาะเย้ยฉัน แม้เครื่องประดับที่คล้ายคลึงกันฉันยังไม่มีเลย แกสามารถซื้อสร้อยทองให้ฉันได้ไหม? แม้แต่สร้อยทองแกยังไม่ซื้อให้ฉันเลย แล้วยังจะมีหน้าที่ไหนมาพูดว่าจะเลี้ยงดูพวกเรา!”
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดาแล้ว ในใจคิดความจริงแล้วช่วงหลายปีมานี้ก็ไม่เคยซื้อของขวัญให้เธอเลย ในเมื่อเธอพูดออกมาแล้ว งั้นก็ไปซื้อสักหน่อย ให้เธอได้หมดห่วง
“งั้นผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้”
พูดจบ รพีพงษ์จบมือของอารียา แล้วเดินออกจากวิลล่าไป
อารียาตกใจ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แม่ฉันก็แค่พูดออกมาพร่ำเพรื่อเท่านั้น คุณอย่าถือสา”
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ก็ควรที่จะซื้อเครื่องประดับที่คล้ายคลึงกันให้พวกเธอแล้วจริงๆ ไม่งั้นโดนคนอื่นเยาะเย้ยบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่อง”
จากนั้นรพีพงษ์ก็พาอารียายังร้านเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเมืองริเวอร์
หลังจากจอดรถแล้ว รพีพงษ์กับอารียาก็เข้าไปในร้านเครื่องประดับ
ผ่านไปไม่นาน มีรถปอร์เช่911ใหม่เอี่ยมขับเข้ามา ผู้หญิงในรถเดินลงมา แล้วด่าหนึ่งครั้ง “รถเลนจ์โลเวอร์ร้ายๆยังกล้าที่จะมาจอดในที่จอดรถเฉพาะของฉันด้วยหรอ นี่หาที่ตายชัดๆ!”
ผู้หญิงคนนี้ชื่อภูรี เป็นลูกค้าประจำของร้านเครื่องประดับนี้ ปกติรถของเธอจะจอดไว้ตรงนี้ เพราะเป็นที่สะดุดตา สามารถดูได้ว่าเธอมีเงิน
ตอนนี้เห็นมีรถจอดที่ตำแหน่งของเธอ ในใจก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
เธอลงมาจากรถ ยังมีบอดี้การ์ดตามหลังมาด้วยสองคน
“คนที่มาที่นี่ใครบ้างไม่รู้ว่าที่จอดตรงนี้เป็นที่จอดเฉพาะของฉันภูรี กล้าที่จะจอดที่จอดของฉัน ไม่รู้อะไรผิดชอบชั่วดีเสียแล้ว ก็แค่เลนจ์โลเวอร์หนึ่งล้านป่ะ ทุบให้หมด! ภูรีพูดกับบอดี้การ์ดสองคน
ทันใดนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองคนทุบกระจกรถของรพีพงษ์แตก
คนทางเดินผ่านไปมาล้วนตกใจ นี่ต้องมีเงินมากขนาดไหน รถคันล่ะล้านสั่งให้ทุบก็ทุบ คนนี้ไม่ควรยั่วโมโหเลยนะ
ภูรีเห็นรถโดนทุบ อารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง พึมพำแล้วกล่าว หากไม่ใช่ว่าอีกแปปฉันต้องไปเจอคุณโยษิตาแห่งเกียวโตล่ะก็ ไม่งั้นฉันจะหาเจ้าของไอ้รถคันนี้ให้ได้ แล้วจัดการกับมัน ไปเถอะ พวกเราไปซื้อของขวัญสองอย่างให้กับคุณโยษิตากันเถอะ