พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 149 ขอโทษ
บทที่ 149 ขอโทษ
ณ คลับรอยัล
วันนี้ชีพนนท์ได้ปิดที่นี่ เพื่อเชิญเหล่าคุณชายและคุณหนูในเมืองริเวอร์มาร่วมงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้
ชีพนนท์ยืนอยู่ที่หน้าประตูลานจอดรถแล้วบ่นพึมพำออกมาอย่างเสียดาย “ถ้าวันนี้คุณรพีพงษ์ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ก็ดีสิ ฉันจะได้ต้อนรับเขาอย่างดีเพื่อชดใช้ความผิด”
ขณะนั้นเองธีริทธิ์ขับรถแลนด์โรเวอร์เข้ามาในลานจอดรถ หลังจากที่เขาลงมาจากรถก็รีบเดินเข้าไปกอดชีพนนท์ทันที
“พี่ชีพนนท์ วันนี้ได้เจอพี่ตัวเป็นๆ สักที พี่หล่อกว่าในรูปเยอะเลย” ธีริทธิ์พูดแล้วหัวเราะออกมา
“ไอ้เด็กนี่ปากหวานนักนะ คิดไม่ถึงว่านายจะขับรถแลนด์โรเวอร์ ดูไปแล้วญาตินายที่อยู่ที่นี่คงจะไม่ใช่คนธรรมดาสินะ” ชีพนนท์เอ่ยขึ้น
“เทียบกับพี่ชีพนนท์ไม่ได้หรอกครับ”
“นายจะพาเพื่อนมาด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ” ชีพนนท์ถามขึ้น
ธีริทธิ์หัวเราะแล้วพูดว่า “เดี๋ยวอีกสักพักเขาคงจะมา ผมบอกในกลุ่มแล้วว่าให้พวกเขาทักทายกันก็พอ เราไปขับรถกินลมกันดีกว่า รถแลนด์โรเวอร์คงจะไม่สบายเท่ารถสปอร์ตหรอก”
ชีพนนท์หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพาธีริทธิ์ไปตรงที่จอดรถไว้ ทั้งสองขับรถออกไปกินลมชมวิวข้างนอก
ธีริทธิ์หยิบมือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปในกลุ่มคนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในครั้งนี้ “พี่น้องทั้งหลาย อีกเดี๋ยวพี่เขยของผมจะมาร่วมงานปาร์ตี้ เขาคือรพีพงษ์สวะแห่งเมืองริเวอร์ การที่ผมให้เข้ามาก็เพื่อที่จะสั่งสอนเขา อีกเดี๋ยวพวกพี่ช่วยผมจัดการมันหน่อยแล้วกัน ให้มันรับรู้ว่าความอับอายเป็นอย่างไร”
คนในกลุ่มจำนวนมากรีบส่งข้อความตอบกลับมา
“รพีพงษ์ โอ้โห ฉันได้ยินมาว่าไอ้สวะนี่มันเป็นคนไม่เอาไหน มันจะมาร่วมงานปาร์ตี้เหรอ”
“ฮ่า ฮ่า งั้นอีกเดี๋ยวก็มีอะไรสนุกๆ แล้วสิ ฉันล่ะชอบแกล้งคนไม่เอาไหนแบบนั้นที่สุดเลยล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยนายสั่งสอนมันเอง”
“ธีริทธิ์นี่หาอะไรเล่นเก่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเอาพี่เขยของตัวเองมาให้พวกเราเล่น นายไม่กลัวมันจะจัดการนายเหรอ”
ธีริทธิ์รีบส่งข้อความตอบกลับไป “มันก็แค่ไอ้สวะ จะกล้ามาจัดการอะไรผมล่ะ อยู่ในบ้านขนาดตดมันก็ยังไม่กล้าตดเลย พวกพี่จัดการมันตามสบายเลย”
คนพวกนั้นต่างพากันบอกว่าจะช่วยธีริทธิ์จัดการให้สำเร็จ
ส่วนชีพนนท์เอาแต่ขับรถจึงไม่ได้ดูมือถือ แต่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังตลอด เขาจึงถามขึ้นว่า “พวกนายคุยอะไรกันเหรอ สนุกขนาดนั้นเชียว?”
ธีริทธิ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่หาอะไรสนุกๆ ให้ทุกคนเล่นน่ะครับ”
“พี่ชีพนนท์ อีกเดี๋ยวให้ผมขับหน่อยสิ”
……
รพีพงษ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงคลับรอยัล หลังจากเข้าจอดมอเตอร์ไซค์ที่ริมถนนเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็มีรปภ.มากันเข้าเอาไว้
“นายทำอะไร รีบไสหัวไปซะ วันนี้มีคนปิดที่นี่ไว้แล้ว จะเที่ยวก็ไปที่อื่น” รปภ.พูดอย่างไม่สบอารมณ์
รพีพงษ์ปรายตามองแล้วพูดว่า “ฉันมางานปาร์ตี้ที่นี่”
รปภ.คนนั้นมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดประชดออกมา “อย่ามาตลกไอ้น้อง ไม่ดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่บ้าง แกนึกว่าฉันไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้แกขี่มอเตอร์ไซค์มา? คนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในวันนี้คือเหล่าคุณชายและคุณหนูที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริเวอร์ทั้งนั้น แกคิดว่าตัวเองมีดีพอที่จะเข้าไปร่วมงานเหรอ”
“น้องชายฉันอยู่ข้างใน ถ้าไม่เชื่อนายก็ไปเรียกเขาออกมา” รพีพงษ์พูดอธิบาย
รปภ.มีสีหน้าไม่เชื่อ จากนั้นจึงพูดว่า “อย่ามาทำเป็นตีสนิทกับคนที่อยู่ข้างในเลย คนที่อยู่ข้างในน่ะถ้าไม่ใช่คนรวยก็เป็นคนมีชื่อเสียง พวกเขาจะมีญาติเป็นคนจนๆ อย่างแกได้ยังไง รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่ารปภ.ที่คลับรอยัล จะดูถูกคนขนาดนี้ ที่มากันเขาไม่ให้เข้าไปก็เพราะการแต่งตัวของเขา
เขากำลังจะหยิบมือถือโทรบอกธีริทธิ์
ขณะนั้นเองก็มีคนเดินออกมาจากข้างในสองคน ทั้งสองคนคือคนที่เล่นกับธีริทธิ์ คนหนึ่งชื่อ จารุวิทย์ ส่วนอีกคนชื่อ สหรัฐ
“นายคือรพีพงษ์สินะ?” จารุวิทย์พูดกับรพีพงษ์เสียงดัง
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมมางานนี้กับธีริทธิ์”
“ฉันรู้แล้ว ธีริทธิ์บอกฉันแล้ว” จารุวิทย์พูดแล้วหัวเราะออกมา
เมื่อรปภ.ได้ยินคำพูดของจารุวิทย์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมาร่วมงานนี้จริงๆ เมื่อครู่ท่าทีของเขาก้าวร้าวเป็นอย่างมาก ถ้ารพีพงษ์เอาเรื่องเขาต้องซวยแน่ๆ
เขารีบโค้งให้รพีพงษ์แล้วพูดด้วยท่าทีนอบน้อม “ขอโทษด้วยครับคุณชาย เมื่อครู่ผมก้าวร้าวใส่คุณ”
ขณะนั้นเองสหรัฐรั้งรปภ.เอาไว้แล้วแสยะยิ้มออกมา “ขอโทษเขาเรื่องอะไร”
“ผมเห็นเขาแต่งตัวธรรมดาเลยกันเขาไว้ข้างนอก ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพวกคุณ” รปภ.พูดอธิบาย
“ถูกต้องแล้วที่นายกันเขาไว้” จารุวิทย์เอ่ยขึ้น
รปภ.มีสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าจารุวิทย์กับสหรัฐต้องการจะสื่ออะไร
“นี่คือไอ้สวะแห่งเมืองริเวอร์ มันชื่อรพีพงษ์ เขาไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปร่วมงาน การที่นายกันมันไว้เป็นสิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องไปขอโทษมัน” สหรัฐเอ่ยขึ้น
“รพีพงษ์ ให้ตายเถอะ ผมเคยได้ยินชื่อนี้ คนที่เกาะผู้หญิงกิน ไม่เอาการเอางานใช่ไหมครับ?” รปภ.รีบเอ่ยถาม
จารุวิทย์หัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าขนาดรปภ.ยังรู้จักชื่อของรพีพงษ์ นี่เขาไม่เอาไหนแค่ไหนกันนะ?
“ใช่แล้ว มันนั่นแหละ” จารุวิทย์เอ่ยขึ้น
รปภ.รีบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าคนนี้คือรพีพงษ์ งั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
“การที่รพีพงษ์ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าเพื่อนของเรา ไม่งั้นใครจะไปสนใจไอ้สวะแบบมันกันล่ะ” สหรัฐพูดอย่างไม่สบอารมณ์
รปภ.รีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “คุณพูดถูกครับ คนแบบมัน เทียบชั้นกับคุณไม่ได้เลยครับ”
รพีพงษ์มองทั้งสามคนแล้วขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกนายพูดพอแล้วหรือยัง?”
จารุวิทย์กับสหรัฐปรายตามองรพีพงษ์แล้วแสยะยิ้มออกมา
“โอ้ โอ้ ยังจะมาทำกร่างอีก ทำไม อย่าบอกนะว่าพวกเราพูดอะไรผิดไป?” จารุวิทย์แสยะยิ้มแล้วก้าวขึ้นไป กะว่าจะทำให้รพีพงษ์รู้ฤทธิ์ของเขาสักหน่อย
สหรัฐกลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นมาว่า “พอแล้ว อย่าไปพูดอะไรไร้สาระกับมัน ทุกคนรออยู่ข้างใน เราเข้าไปกันเถอะ”
จารุวิทย์จึงไม่ไปวุ่นวายกับรพีพงษ์ต่ออีก เขาเดินกลับเข้าไปข้างในพร้อมกับสหรัฐ
“ทางที่ดีนายควรรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน ไม่งั้นนายจะเป็นเพื่อนกับใครไม่ได้สักคน ฉันเห็นมาเยอะแล้วคนที่ดื้อด้านอยากเข้ามาอยู่ในสังคมอย่างพวกเรา แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาโดนโจมตีจนพ่ายแพ้ไป” จารุวิทย์พูดลอยๆ
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินตามพวกเขาเข้าไป
รปภ.คนนั้นปรายตามองรพีพงษ์แล้วถุยน้ำลายลงพื้น จากนั้นจึงด่าออกมาว่า “ถุย ที่แท้ก็แค่ไอ้สวะ แกเข้าไปแล้วจะเป็นยังไงเหรอ อย่าบอกนะว่าแกนึกว่าพวกคุณชายจะสนใจแกงั้นเหรอ”
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในคลับ ในห้องโถงแสงไฟสลัว หนุ่มสาวจำนวนมากกำลังดื่มและคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน
รพีพงษ์มองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของธีริทธิ์ จึงถามขึ้นว่า “ธีริทธิ์ล่ะ?”
“เขาออกไปขับรถเล่น เดี๋ยวคงกลับมา” จารุวิทย์พูดแล้วหัวเราะออกมา “ทำไม อย่าบอกนะว่านายกลัวพวกเราจะกินนายเข้าไป?”
รพีพงษ์แสยะปากและไม่ได้สนใจเขา
สหรัฐมองจารุวิทย์แล้วพูดว่า “การที่เขามาที่นี่เพราะอยากจะมารู้จักกับพวกเรา เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เอง”
จารุวิทย์รู้ทันที เขาแสยะยิ้มออกมาแล้วไปหยิบไมค์ จากนั้นจึงพูดเสียงดังว่า “ทุกคนสนใจทางนี้หน่อย ฉันมีความยินดีที่จะแนะนำคนคนหนึ่งให้พวกนายรู้จัก”
ทุกคนหันไปทางพวกเขา จารุวิทย์ชี้ไปยังรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ท่านนี้คือรพีพงษ์คนไม่เอาไหนที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริเวอร์!”
“วีรกรรมของเขาทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันมาแล้ว เช่น เกาะผู้หญิงกิน ในเมืองริเวอร์เขาคือรองอันดับ เพราะว่าไม่มีกล้าเป็นก่อน!”
คนพวกนั้นต่างพากันหัวเราะออกมาแล้วส่งสายตาเยาะเย้ยไปทางรพีพงษ์
“วันนี้ไอ้สวะคนนี้มาร่วมงานปาร์ตี้ของพวกเรา เพราะอยากจะทำความรู้จักกับพวกเรา ทุกคนอย่าใจดำนะ คุยกับเขาหน่อย อีกอย่างการที่จะเจอไอ้สวะแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ร้อยปีถึงจะเจอครั้งหนึ่ง!”
จารุวิทย์พูดจบก็หัวเราะร่วนออกมา เขารับไม่ได้กับคำพูดของตัวเอง
“แกมานี่สิ มาเลียรองเท้าฉันหน่อย แล้วฉันจะให้วีแชทกับแก เป็นไง?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดเยาะเย้ยเขา
“โอ้ พูดขนาดนั้นเลยเหรอ สำหรับฉันแล้ว ให้มันเรียกพวกเราทั้งหมดว่าพ่อ ฉันยังต้องคิดเลยว่าจะทำความรู้จักกับมันดีไหม”
“น่าขำชะมัด พวกนายนี่มันใจง่ายกันจัง สำหรับฉัน ต้องให้มันพาเมียของมันมาสนุกกับพวกเรา อย่างนี้สิถึงจะมีสิทธิ์รู้จักพวกเรา” สหรัฐพูดแล้วหัวเราะออกมา
ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็หรี่ตาลงแล้วมองไปยังสหรัฐแววตาของเขาเหมือนจะฆ่าคนได้
เขาเดินเข้าไปหาสหรัฐแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ขอโทษเดี๋ยวนี้”
สหรัฐปรายตามองเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้โง่ แกคิดว่าการที่ฉันให้แกเข้ามา แล้วแกจะมีสิทธิ์พูดอะไรกับเราก็ได้งั้นเหรอ แถมยังมาบอกให้ฉันขอโทษ แกบ้าไปแล้วหรือไง?”
รพีพงษ์ไม่อยากพูดไร้สาระกับเขาอีก ชายหนุ่มยกมือขึ้นแล้วตบลงไปบนหน้าของเขา
“ขอโทษเดี๋ยวนี้”
สหรัฐงงไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่าไอ้สวะนี่จะกล้าทำร้ายเขา นี่มันทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที
“ให้ตายเหอะ แกกล้าทำร้ายฉันเหรอ ถ้าวันนี้แกไม่คุกเข่าขอโทษฉัน แกก็ไม่ต้องออกไปจากที่นี่!”
สหรัฐกำลังยกเท้าเพื่อที่จะถีบรพีพงษ์ ระหว่างที่เท้าของสหรัฐกำลังจะพุ่งเข้ามา รพีพงษ์เห็นดังนั้นจึงรีบยกขาขึ้นมาแล้วเตะไปที่เข่าของสหรัฐ
เสียงกร๊อบดังออกมา
สหรัฐล้มลงไปกองอยู่บนพื้น เขากุมขาของตัวเองแล้วร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าเวทนา
“ขาฉัน… ขาฉัน…”
ภาพนั้นทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ใครก็คิดไม่ถึงว่าไอ้สวะคนนี้จะถีบ สหรัฐ ลงไปนอนกองกับพื้น เพียงแค่การถีบครั้งเดียวเท่านั้น
จารุวิทย์ที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่นขึ้นมาทันที เขาด่าออกมาว่า “ให้ตายเหอะ แกกล้าลงไม้ลงมือที่นี่งั้นเหรอ คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง ฉันจะให้แกรู้ว่ารสชาติแห่งความเสียใจมันเป็นอย่างไร!”
เมื่อทุกคนเห็นว่าจารุวิทย์จะเข้ามาสู้ จึงรับส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา
“จารุวิทย์ เอามันให้ตาย มันกล้าทำร้ายสหรัฐ คิดไม่ถึงว่ามันจะท้าทายขนาดนี้”
“ให้ตายเหอะ ไอ้สวะนี่มันกล้ามาโอหังต่อหน้าพวกเรา ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ให้มันลิ้มรสหมัดสักหน่อยเถอะ!”
“ช่วงนี้นายเรียนศิลปะการป้องกันตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ ให้มันเจอของจริงแล้วคุกเข่าร้องขอชีวิตสักหน่อย!”
……
จารุวิทย์สะบัดคอไปมา ท่าทางพร้อมต่อยเต็มที่
รพีพงษ์มองเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษฉัน ไม่งั้นต่อจากนี้พวกนายจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนเตียง”
“ให้ตายเถอะ กล้ามาอวดเก่งที่นี่ แกก็แค่ไอ้สวะ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้เหรอ?”
จารุวิทย์ส่งเสียงหึในลำคอ เขาพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์
รพีพงษ์หลบได้อย่างสบายๆ เขาเดินเข้าไปแทงเข่าใส่ตรงท้องของ จารุวิทย์
จารุวิทย์กระเด็นไปข้างหลังแล้วล้มลง รพีพงษ์ยกขาแล้วเหยียบลงไปบนขาของจารุวิทย์อย่างรุนแรง
กร๊อบ
จารุวิทย์ร้องโอดครวญเหมือนหมูโดนฆ่าจนทำให้คนในคลับตกตะลึงและอึ้งไปในทันที
ชีพนนท์ลงมาจากรถที่จอดอยู่ริมถนน แล้วให้ธีริทธิ์ไปนั่งตรงเบาะคนขับ
“เป็นไปตามคาดเลยแฮะ รถสปอร์ตสบายกว่าเยอะเลย ให้ผมขับหน่อย ผมอดใจไม่ไหวแล้ว” ธีริทธิ์พูดแล้วหัวเราะออกมา
ชีพนนท์จุดบุหรี่ จากนั้นจึงหยิบมือถือออกมา เขากดดูอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากที่เห็นข้อความในกลุ่มแชท เขาก็ต้องอึ้งไปในทันที
“ธีริทธิ์ พี่เขยของนายชื่อรพีพงษ์เหรอ” ชีพนนท์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ใช่ ไอ้สวะที่คนในเมืองริเวอร์รู้จักกันดีไง ผมให้จารุวิทย์กับสหรัฐจัดการมันไปก่อน อีกเดี๋ยวเราสองคนค่อยกลับไปจัดการมันอีกที” ธีริทธิ์ก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ
บุหรี่ที่ชีพนนท์เพิ่งจุดเมื่อครู่หล่นลงบนพื้น เขาใช้มือขย้ำคอเสื้อของ ธีริทธิ์ จากนั้นก็ลากตัวเด็กหนุ่มออกมาจากรถ
“ให้ตายเหอะ แกโง่หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าแกจะให้พวกมันกลั่นแกล้งคุณรพีพงษ์ รีบกลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้!”