พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 148 แยกกันนอน
บทที่ 148 แยกกันนอน
รพีพงษ์มองอารียาด้วยสีหน้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะให้เขาขอโทษธีริทธิ์
พูดตามหลักแล้วอารียาเกลียดธีริทธิ์มาก แต่ว่าทำไมตอนนี้ถึงช่วยพูดแทนเขาล่ะ?
ธีริทธิ์ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน เขารู้ดีว่าอารียาไม่เคยชอบเขามาตั้งแต่เด็ก ยังคิดอยู่เลยว่าการมาครั้งนี้น่าจะทะเลาะกับเธอไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทว่าดูไปดูมาเหมือนกับว่าพี่สาวของเขานิสัยเปลี่ยนไปแล้ว
“ได้ยินหรือยัง พี่สาวของฉันบอกให้นายขอโทษฉัน นายจะยืนอึ้งอะไรอยู่อีก!” ธีริทธิ์พูดอย่างได้ใจ
รพีพงษ์มองธีริทธิ์แล้วพูดว่า “มีกล้องหน้ารถอยู่นะ พวกเราไปดูกันไหม แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะให้ผมขอโทษเขาไหม”
ธีริทธิ์กลัวขึ้นมาทันที หลังจากที่เขาชนหมา ก็เอาแต่วุ่นวายกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้ารถ ต้องโดนถ่ายไว้อย่างแน่นอน
“ไม่อยากขอโทษก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย” ธีริทธิ์แสยะปากแล้วก้มหน้าเล่นมือถือ
อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนั้น ก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของธีริทธิ์แน่นอน แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังท้อใจกับรพีพงษ์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร
ศศินัดดามองรพีพงษ์แล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “แกดูสิว่าธีริทธิ์ใจกว้างขนาดไหน แต่สวะอย่างแกทำผิดยังไม่ยอมรับ แม้แต่คำขอโทษก็ยังไม่มี อย่าคิดว่าแกจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนกลางแล้วจะมาทำเป็นมีอำนาจนะ คฤหาสน์นี้มันเป็นชื่อของฉัน”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจศศินัดดา เธอกลับมองไปยังอารียาอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเธอแปลกไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มื้อค่ำ ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะ อารียาก้มหน้าไม่พูดอะไร ราวกับมีเรื่องกลุ้มใจมากมาย
“ธีริทธิ์กินเยอะๆ นะ ลองชิมฝีมือของป้าดู” ศศินัดดายิ้มแล้วคีบอาหารให้ธีริทธิ์
ธีริทธิ์กินพลางมองรพีพงษ์ จากนั้นเขาก็กลอกตาไปมาแล้วถามขึ้นว่า “คุณป้า ตอนนี้รพีพงษ์ยังไม่มีงานทำเหรอ ให้พี่สาวเลี้ยงเหรอ”
ศศินัดดาและศักดามองไปยังรพีพงษ์ ถึงแม้เขาจะไม่มีงานทำ แต่ว่าท่าทีของรพีพงษ์ในช่วงนี้ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
อย่างน้อยเงินหนึ่งแสนที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางของหนึ่งเดือนพวกเขายังหามาไม่ได้เลย คฤหาสน์นี้ถึงแม้จะเป็นชื่อของศศินัดดาแต่เป็นเงินของรพีพงษ์ นี่มันแสดงให้เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ ศศินัดดาก็ยังไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา เธอคิดตลอดว่าเงินของรพีพงษ์คือเงินที่เขาขโมยไปจากเธอ
“ก็ใช่น่ะสิ มันจะทำอะไรได้ล่ะ ที่ให้อารีเลี้ยงก็เพราะว่ามันช่วยเราทำงานบ้าน ไม่งั้นฉันไล่มันออกไปนานแล้ว” ศศินัดดาพูดตอบ
“วันนี้พ่อเรียกฉันไปคุยอีกแล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่รพีพงษ์เข้ามาในตระกูลก็มีแต่เรื่อง แถมยังบอกให้ฉันเกลี้ยกล่อมให้อารียาเลิกกับรพีพงษ์” ศักดาถอนหายใจแล้วพูดออกมา
พวกเขารู้ดีว่าการที่นภทีป์ทำแบบนี้ก็เพราะว่าอารียาไปหักหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเมื่อครั้งก่อน
นภทีป์คิดว่าตอนนี้ไม่มีทางไล่อารียาได้ แต่ถ้าไล่รพีพงษ์ออกไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดยุยงให้ศักดาบอกให้อารียากับรพีพงษ์หย่ากัน
เดิมทีอารียาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่หลังจากที่บุษบากรมาที่นี่ พอเธอได้ยินเรื่องหย่าอีกครั้ง ใจของเธอจึงสั่นขึ้นมา เธอหันไปมองรพีพงษ์
รพีพงษ์สังเกตแววตาของอารียา ในใจของเขารู้สึกเครียดขึ้นมา การที่เธอมองเขาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะหย่า?
ขณะนั้นรพีพงษ์ก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอารียาเป็นอะไร
ธีริทธิ์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่มีตัวตนในตระกูลขนาดนี้ จึงหัวเราะออกมา “เดี๋ยวอีกสองวันผมจะไปงานเลี้ยง คนที่ไปร่วมงานมีแต่คุณชายที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริเวอร์ ให้รพีพงษ์ไปกับผมเถอะ ไปทำความรู้จักกับพวกเขาจะได้มีโอกาสมากขึ้น”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากให้รพีพงษ์ไปทำความรู้จักกับพวกคุณชายหรอก เขาแค่อยากจะใช้โอกาสจากงานเลี้ยงครั้งนี้ทำให้รพีพงษ์อับอาย
ธีริทธิ์เป็นคนเกเรมาตั้งแต่เด็ก การเห็นคนอื่นอับอายนั่นแหละคือความสุขของเขา
หลังจากที่ศศินัดดาได้ยินสิ่งที่ธีริทธิ์พูด ตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ธีริทธิ์นายรู้จักพวกคุณชายของเมืองริเวอร์ได้อย่างไร”
“รู้จักตอนเล่นเกมน่ะ พวกเขาเล่นเกมไม่เก่งเท่าผม ตอนนี้นับถือผมเป็นพี่ใหญ่ไปแล้ว” ธีริทธิ์พูดอย่างได้ใจ
“ธีริทธิ์นี่เก่งจัง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพื่อนกับพวกคุณชายแห่งเมืองริเวอร์ด้วย งั้นก็ให้รพีพงษ์ไปกับนาย ให้ออกไปเห็นโลกข้างนอกบ้าง ไม่งั้นก็ได้แต่ทำงานบ้าน” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น
“แม่ งานเลี้ยงของพวกเด็กๆ ผมไม่ไปหรอก” รพีพงษ์พูด
ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์แล้วพูดเสียงดังว่า “งานเลี้ยงพวกเด็กๆ อะไรกัน พวกเขาเป็นคุณชายแห่งเมืองริเวอร์เชียวนะ สวะอย่างแกจะมีโอกาสสัมผัสคนชนชั้นระดับนั้นได้ยังไงกัน ธีริทธิ์อุตส่าห์หวังดีพาแกไป แกอย่ามาทำเป็นไม่รับความหวังดีของเขา”
ตอนนี้ในใจของรพีพงษ์กำลังกังวลเรื่องของอารียา เขาไม่มีกะจิตกะใจไปต่อล้อต่อเถียงกับศศินัดดา จึงตอบตกลงออกไป
ธีริทธิ์เห็นว่ารพีพงษ์ตอบตกลง ก็แสยะยิ้มอยู่ในใจ แล้วพูดพึมพำว่า “หึหึ พวกคุณชายนั่นไม่เห็นไอ้สวะอย่างแกอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เมื่อถึงตอนนั้นต้องให้พวกเขาทำให้แกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
หลังจากทานข้าวเสร็จ รพีพงษ์ไปล้างจาน เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาจึงไปนั่งข้างอารียา
เมื่ออารียาเห็นว่ารพีพงษ์เข้ามาเธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว”
รพีพงษ์จึงรีบลุกขึ้น เขากะว่าจะเดินไปกลับห้องไปพร้อมอารียา แล้วถามเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คืออารียาไม่ได้ไปที่ห้องนอนขอพวกเขา แต่เธอกลับเดินขึ้นไปข้างบน
ศศินัดดาแสยะยิ้มแล้วมองไปยังรพีพงษ์จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ช่วงนี้อารีจะไม่นอนกับแก แกควรจะกลับไปคิดดูนะว่าถ้าแกยังวุ่นวายแบบนี้ต่อไป อารีอาจจะหย่ากับแก”
พูดจบเธอก็เดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับอารียา
รพีพงษ์ไม่เชื่อว่าอารียาจะขึ้นไปนอนข้างบนเพราะตัวเอง อาจจะเป็นเพราะสองสามวันนี้ธีริทธิ์อยู่ที่นี่ เธอไม่อยากเห็นธีริทธิ์ก็เลยขึ้นไปนอนข้างบน
งั้นก็รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนแล้วค่อยไปคุยกับเธอก็แล้วกัน
รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขารู้สึกว่าจู่ๆ อารียาก็เมินเฉยใส่เขาอย่างประหลาด เหมือนกับเมื่อสองสามปีก่อนไม่มีผิด
“รพีพงษ์ นายนี่ไม่เอาไหนจริงๆ ขนาดภรรยาของนายยังไม่ยอมนอนห้องเดียวกับนาย น่าอายชะมัด” ธีริทธิ์เล่นเกมพลางพูดประชดรพีพงษ์
รพีพงษ์จ้องเขาแล้วยื่นมือไปแย่งมือถือมาจากเขา
ธีริทธิ์รีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะแย่งมือถือกลับมา เขาก่นด่าออกมา “ให้ตายเถอะ เอามือถือคืนมานะ ฉันกำลังเข้าทีมไฟต์อยู่นะ!”
รพีพงษ์กดธีริทธิ์ลงไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ธีริทธิ์อยากขัดขืนแต่ทว่าเขากลับสู้แรงของรพีพงษ์ไม่ได้
“ทำไมแรงของไอ้สวะนี่มันเยอะจัง?” ธีริทธิ์สีหน้าตกตะลึง
รพีพงษ์มองมือถือของธีริทธิ์แวบหนึ่ง ตอนนี้เขาอารมณ์ดี กำลังหาที่ระบายอยู่พอดี เล่นเกมของธีริทธิ์ดีกว่า
เด็กผู้ชายแทบทุกคนมีความคลั่งไคล้ในการเล่นเกมอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์เด็กๆ เขาก็ชอบเล่นเกมแบบนี้ แต่ว่าเกมพวกนั้นง่ายเกินไปสำหรับเขา เล่นไปสองสามครั้งก็ทำสถิติใหม่ได้ตลอด
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาสนใจพวกหมากรุก การประเมินวัตถุโบราณ ศิลปะการต่อสู้อะไรทำนองนี้แทน เป็นการทดสอบความรู้และความอดทนมากขึ้นด้วย
เมื่อธีริทธิ์เห็นรพีพงษ์เอามือถือของเขาไปเล่น จึงพูดออกมาอย่างกระวนกระวายว่า “ให้ตายเหอะ เอามือถือฉันคืนมานะ ฉันอยู่ในอันดับราชามีดาว 30 ดวงนะ นายจะทำให้ฉันโดนรีพอร์ตนะ”
เพราะเมื่อครู่นี้เขาได้สัมผัสถึงพละกำลังของรพีพงษ์ ธีริทธิ์ จึงกล้าพูดแต่สองสามประโยค ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปแย่ง
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขาแต่กลับก้มหน้าก้มตาเล่นเกมอย่างจริงจัง
ธีริทธิ์รู้สึกท้อใจ เขาพูดพึมพำออกมาว่า “มันจบแล้ว เกมนี้อุตส่าห์พา พี่ชีพนนท์ ไต่แรงค์ จริงๆ เกมนี้กำลังจะไปได้สวยแล้วเชียว ถ้าแพ้ขึ้นมาพี่ชีพนนท์ต้องไม่ยอมให้ฉันขับรถสปอร์ตของเขาแน่ๆ”
ธีริทธิ์กัดฟันกรอด แววตาที่มองไปยังรพีพงษ์เต็มไปด้วยความเคียดแค้น คิดไปถึงตอนที่พาเขาไปงานปาร์ตี้ จะต้องทำให้เขาขายหน้าให้ได้
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์จึงเอามือถือคืนให้เขาแล้วพูดว่า “น่าเบื่อ” จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินกลับห้องไป
“นายอ่อนเองต่างหาก เล่นไม่ได้อย่างฉันก็มาพูดว่าน่าเบื่อ ไร้ประโยชน์จริงๆ” ธีริทธิ์แสยะปากแล้วพูดขึ้น
เขารีบจับมือถือ กะว่าจะกู้เกมใหม่อีกครั้ง เมื่อกี้รพีพงษ์เล่นตั้งนาน น่าจะตายไม่รู้กี่ครั้ง
แต่เมื่อเขาดูหน้าจออย่างชัดเจน เขาก็อึ้งไปในทันที
“Penta kill ฆ่าห้าตัวติดกัน!”
เสียงฆ่าห้าตัวติดกันดังขึ้นมา ทีมฝั่งตรงข้ามทั้งห้าตัวโดนฆ่าตายหมด แถมทีมฝั่งตัวเองก็ดันไปจนถึงป้อมใหญ่แล้ว ดูจากเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามแพ้แน่นอนแล้วล่ะ
ไม่ว่าจะเป็นทีมฝั่งตรงข้ามหรือว่าทีมฝั่งตนเองต่างก็พิมพ์มาในช่องแชทว่า 666
ธีริทธิ์มีสีหน้ามึนงงไปหมด เขาเงยหน้ามองไปยังห้องของรพีพงษ์ ไอ้หมอนี่มันทำได้ยังไงกัน?
นี่มันเกมของคนที่มีดาว 30 ดวงเลยนะ ขนาดฝีมือระดับเขาคิดจะฆ่าห้าตัวติดกัน ยังเป็นเรื่องที่ยากเลย แล้วไอ้สวะอย่างรพีพงษ์มันทำได้ยังไงกัน?
“ให้ตายเถอะ จะต้องเป็นเพราะฉันรักษาจังหวะเกมไว้ดีแน่ๆ พอดีกับมีโอกาสเข้าทีมไฟต์ แต่มาโดนรพีพงษ์กดมั่วซั่ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ได้ฆ่าห้าตัวติดกัน” ธีริทธิ์พูดพึมพำ
เกมจบลง พอเพิ่งจะออกจากเกม ชีพนนท์ก็โทรหาธีริทธิ์
“ไอ้เด็กน้อย ทีมไฟต์เมื่อกี้สุดยอดมากเลย คิดไม่ถึงว่าจะฆ่าห้าตัวติดกัน ดูไปดูมานายน่าจะมีพรสวรรค์ด้านการเล่นเกมนะ” ชีพนนท์เอ่ยขึ้น
“แค่ก แค่ก ก็เล่นปกตินะ พี่ก็พูดเกินไป” ธีริทธิ์ พูดอย่างกระอักกระอ่วน
“อย่าลืมมางานปาร์ตี้ล่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะขับรถสปอร์ตพานายไปกินลมชมวิว”
“ไม่มีปัญหา อ้อ ผมพาคนไปด้วยได้ไหม” ธีริทธิ์เอ่ยถาม
“ได้สิ ตามสบายเลย คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก” ชีพนนท์พูดแล้วหัวเราะ
ธีริทธิ์รีบตอบตกลง ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก จากนั้นจึงวางสาย
“เหอะ รพีพงษ์เมื่อกี้แกกล้าแย่งมือถือของฉัน รอก่อนเหอะ เมื่อถึงตอนนั้นแกจะได้รู้ฤทธิ์ของฉัน” ธีริทธิ์พึมพำกับตัวเองแล้วกลับไปยังห้องที่ศศินัดดาเตรียมไว้ให้
สองวันผ่านไป อารียายังคงเย็นชากับรพีพงษ์ เขาถามว่าเธอเป็นอะไร เธอก็ไม่ยอมคุยกับเขา
รพีพงษ์เดาว่าเธออาจจะมีประจำเดือนบวกกับการที่ธีริทธิ์มาที่นี่ ทำให้เธออารมณ์ไม่ดี เขาจึงไม่ถามเซ้าซี้เธออีก
สองสามวันมานี้โยษิตาก็ส่งข้อความมาหาเขาบ่อยเหลือเกิน ถามเขาว่ามีความคิดจะกลับไปเกียวโตบ้างหรือเปล่า
แน่นอนว่ารพีพงษ์ปฏิเสธกลับไปทันที แต่ทว่าโยษิตาก็ตอบกลับมาทุกครั้งว่า “ก็ไม่แน่ รอดูแล้วกัน”
นี่มันทำให้รพีพงษ์จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ว่าเขาคิดว่าโยษิตาผิดปกติอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
พลบค่ำวันเดียวกัน ธีริทธิ์ขับรถไปดงเย็น ไปยังสถานที่จัดงานปาร์ตี้ของชีพนนท์
ศศินัดดารอให้ธีริทธิ์ออกไป จากนั้นเธอจึงเรียกรพีพงษ์ออกมา
“ตอนนี้แกรีบไปงานปาร์ตี้ที่ธีริทธิ์บอก ถ้าไปสายเขาจะไม่ชวนแกร่วมสนุกนะ” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น
“ธีริทธิ์ล่ะ?” รพีพงษ์ถามขึ้น
“เขาขับรถออกไปก่อนแล้ว” ศศินัดดาตอบ
“ทำไมไม่ให้เขารอผมล่ะ เขาขับรถออกไปแล้ว ผมจะไปยังไงล่ะ?” รพีพงษ์ไม่รู้จะพูดยังไง
“ครั้งก่อนให้แกขับรถ แกก็ทำรถบุบ รถแพงขนาดนั้น ฉันไม่ให้แกทำพังหรอก ดังนั้นต่อจากนี้แกอย่านั่งรถคันนั้นอีก นี่กุญแจรถมอเตอร์ไซค์ แกขี่มอเตอร์ไซค์ไปเถอะ ฉันจะเอาที่อยู่ให้แก” ศศินัดดาพูดอย่างเหลืออด
รพีพงษ์มองกุญแจรถมอเตอร์ไซค์แล้วพูดออกไปตรงๆ ว่า “งั้นผมไม่ไปแล้ว อีกอย่างไปก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร”
“แกกล้าเหรอ!” ศศินัดดาจ้องเขา “ถ้าวันนี้แกไป พรุ่งนี้ฉันจะให้อารีหย่ากับแก แกไม่เอาไหนขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ยอมพัฒนาตัวเอง พึ่งพาตัวเอง แกได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ของพวกคุณชายเชียวนะ!”
ศศินัดดาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างรพีพงษ์กับผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์ ครั้งก่อนนภทีป์แค่พูดว่ารพีพงษ์ทำให้เขาขายหน้า แต่ไม่ได้บอกว่ารพีพงษ์ทำอะไร คนที่ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนั้นก็ไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์กับรพีพงษ์ พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์แค่ดวงดีเท่านั้น
รพีพงษ์หน่ายใจ เขาทำได้เพียงหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ หลังจากถามที่อยู่จากศศินัดดา เขาก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป