พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 147 งั้นก็ให้เขาขอโทษ
บทที่ 147 งั้นก็ให้เขาขอโทษ
ผู้หญิงคนนั้นมองรพีพงษ์จากนั้นก็ยื่นมือไปจับแขนของเขาเอาไว้แน่น
เมื่อกี้ที่ธีริทธิ์ยกมือจะตบเธอ ทำให้เธอตกใจมากและรู้ว่าธีริทธิ์ไม่ใช่คนที่จะเล่นด้วยได้
อีกทั้งคนที่มาห้าม ธีริทธิ์ดูเหมือนว่าจะพอกลั่นแกล้งได้ แถมธีริทธิ์ยังบอกว่าเขาเป็นพี่เขย ดังนั้นผู้หญิงคนน้จึงกะว่าจะไปหาเรื่องรพีพงษ์แทน
“รถของนายชนหมาของฉัน ฉันต้องการคำอธิบาย ไม่ชดใช้ด้วยเงินก็ไปโรงพักกับฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเสียงดัง
เมื่อธีริทธิ์เห็นผู้หญิงคนนั้นไปลงกับรพีพงษ์เขาก็ยิ้มร้ายกาจออกมา “พี่เขยจัดการไปนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
จากนั้นเขาจึงรีบออกไปจากที่นั่น ทิ้งเรื่องวุ่นวายให้รพีพงษ์จัดการ
รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วปรายตามองผู้หญิงคนนั้น จากนั้นจึงถามขึ้น “คุณต้องการเงินเท่าไร”
“เจ้าหยอง สำคัญกับฉันมาก การที่รถของนายชนมัน ไม่แน่มันอาจจะช้ำในก็ได้ ถ้านายไม่ชดใช้สองแสน วันนี้นายก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
ผู้คนโดยรอบสูดหายใจลึก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะหน้าเงินขนาดนี้ เรียกตั้งสองแสน
รพีพงษ์มองไปที่หมาตัวนั้น เขาแน่ใจว่าหมาตัวนั้นแค่ตกใจ ไม่ได้ช้ำในอะไรทั้งนั้น ผู้หญิงคนนี้ทำเกินไปแล้ว
“สองแสนมันมากเกินไป ผมเกรงว่ามันมากจนซื้อหมาแบบนี้ได้ประมาณร้อยตัวเลยนะ” รพีพงษ์พูด
ผู้หญิงคนนั้นจ้องเขาเขม็งแล้วพูดว่า “นายหมายความว่าอะไร นายกำลังจะบอกว่าหมาของฉันราคาถูกงั้นเหรอ มันสำคัญกับฉันมาก นายต้องชดใช้มาสองแสน ชดเชยที่หมาของฉันได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ!”
รพีพงษ์ปรายตามอง จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่รถของตัวเองแล้วพูดว่า “งั้นการที่คุณมาถีบรถผมล่ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นรู้ถึงความผิดของตัวเอง เธอพูดออกมาว่า “นั่นมันคนละเรื่อง เมื่อกี้น้องชายของนายจะทำร้ายฉัน ฉันเลยถีบรถนาย ถือว่าหายกันแล้ว นายต้องชดใช้ให้หมาของฉันสองแสน”
รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะหน้าไม่อายขนาดนี้
ผู้หญิงคนนี้รู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่จะลงไม้ลงมือเหมือนกับธีริทธิ์ เธอคิดว่ารพีพงษ์เป็นคนหัวอ่อน ดังนั้นเธอจึงกะว่าจะเล่นงานเขา
ผู้คนรอบๆ มองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา พวกเขาอยากรู้ว่ารพีพงษ์จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
“ผู้หญิงคนนี้สุดยอดจริงๆ เรียกตั้งสองแสน ร้ายกาจจริงๆ”
“ผู้ชายคนนั้นขับรถแลนด์โรเวอร์ คงจะไม่สนเงินสองแสนหรอกมั้ง ดูว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
“ฉันว่าเขายอมจ่าย ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนหัวอ่อนโดนแกล้งได้ง่ายๆ เขาต้องยอมจ่ายให้ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ”
……
รพีพงษ์มองไปยังผู้หญิงคนน้นแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ดูเหมือนว่าหมาของคุณจะไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างรถของผมก็โดนคุณถีบจนยุบ ถือว่าหายกันแล้ว”
จากนั้นรพีพงษ์จึงเดินไปขึ้นรถ
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ยอมชดใช้เงิน เธอรีบโยนหมาลงพื้นรวมถึงตัวเธอเองก็ลงไปนั่งจับขารพีพงษ์อยู่บนพื้น เหมือนหญิงแก่ปากร้ายที่ไม่มีเหตุผล
“ถ้าวันนี้นายไม่จ่าย ฉันจะให้แฟนฉันมาจัดการนาย แฟนฉันเป็นทายาทของมหาเศรษฐีเชียวนะ นายคิดว่าฉันอยากได้เงินของนายหรือไง ฉันแค่อยากให้นายขอโทษหมาของฉันเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านายจะทุเรศขนาดนี้ วันนี้เรื่องมันไม่จบแน่!”
รพีพงษ์ก้มลงไปมองผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “ตามใจคุณ”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นรพีพงษ์ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“สามี คุณรีบมาหาฉันที่ ถนนศิวิไลซ์ ฉันโดนคนแกล้ง เจ้าหยองโดนรถชน คุณรีบมานะ”
หลังจากที่วางสาย ผู้หญิงคนนั้นมองรพีพงษ์ด้วยความโมโหแล้วพูดว่า “นายรอก่อนเถอะ แฟนของฉันกำลังมาที่นี่ รอให้เขามาถึงก่อน นายคงจะไม่ได้เสียแค่สองแสนแล้วล่ะ”
รพีพงษ์โดนผู้หญิงคนนั้นดึงขา เขาไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้น
ผ่านไปไม่นาน รถสปอร์ตจอดลงที่ริมถนน คนที่เดินลงมาจากรถคือเด็กวัยรุ่น เขาเดินเบียดผู้คนเข้ามา
“คุณ รีบมาเร็ว มันไงที่ชนเจ้าหยอง แถมยังไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย หนำซ้ำยังจะทำร้ายฉันด้วย”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นแฟนของตัวเองมาถึงก็รีบตะโกนพูดออกมาทันที
รพีพงษ์หันหน้าไปมอง พบว่าคือ ชีพนนท์ คนที่เขาเคยเจอสองครั้ง
ครั้งก่อนที่เจอ ชีพนนท์ ก็เพราะเรื่องของกันตา คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนผู้หญิงเร็วขนาดนี้ คาดว่าครั้งก่อนเขาคงจะเห็นธาตุแท้ของกันตาแล้ว
แต่ว่ารสนิยมของ ชีพนนท์ ค่อนข้างจะแย่ไปหน่อย แม้จะเลิกกับกันตาไปแล้ว แต่ก็ยังหาผู้หญิงที่เหมือนกันกับกันตาไม่มีผิด ผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผล
คนบริเวณนั้นจำนวนไม่น้อยที่รู้จัก ชีพนนท์ รู้ว่าเขาคือทายาทของคนมีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ ตอนนี้พวกเขากำลังรู้สึกหดหู่แทนรพีพงษ์
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงของ ชีพนนท์ ไอ้หมอนั่นซวยแล้ว ชีพนนท์ทั้งรวยและมีอำนาจ สามารถเปลี่ยนดำเป็นขาวได้ ฉันว่าครั้งนี้คงจะไม่ใช่แค่สองแสนแล้วล่ะ”
“โถ โถ สู้จ่ายเงินไปตั้งแต่เสียยังจะดีกว่า ชีพนนท์ ไม่ใช่คนที่จะไปเล่นด้วยได้ ซวยแล้วล่ะ”
“อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไรเลย รถที่ไอ้หมอนั่นขับก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขานะ ไม่แน่อาจจะเป็นคนมีเงินก็ได้นะ ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยพูดดีว่า”
……
ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วไปยืนข้าง ชีพนนท์ เมื่อมีที่พึ่งแล้วเธอก็ยโสขึ้นมาทันที เธอไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“ไอ้นั่นมันชนเจ้าหยอง แถมยังไม่ชดใช้ค่าเสียหาย คุณสั่งสอนให้มันรู้ฤทธิ์ของคุณหน่อย!”
ชีพนนท์หันไปหารพีพงษ์ เขาดูอึ้งไป จากนั้นก็เดินเข้าไปแล้วพูดด้วยความเคารพ “คุณรพีพงษ์ ทำไมถึงเป็นคุณ?”
รพีพงษ์หัวเราะแล้วมองเขา รพีพงษ์นึกขำในใจ ชีพนนท์หาแต่ผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้ตัวเขาเองทั้งนั้น
“น้องชายของภรรยาฉันขับรถชนหมาของแฟนนายน่ะ ฉันเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรใหญ่หลวง แต่เธอให้ฉันจ่ายสองแสน” รพีพงษ์พูดอธิบาย
สีหน้าของ ชีพนนท์ เปลี่ยนไปในทันที เขารู้สึกหงุดหงิดในใจ ทำไมแฟนของเขาต้องไปหาเรื่องรพีพงษ์อยู่เรื่อย มันทำให้เขาเหนื่อยใจจริงๆ
“คุณรพีพงษ์เข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ได้เป็นแฟนของผม” ชีพนนท์พูดอย่างเด็ดขาด
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตะลึง ตอนแรกเข้าตะลึงท่าทีที่ชีพนนท์ปฏิบัติต่อรพีพงษ์อย่างดี ตอนนี้ชีพนนท์ยังพูดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟนของเขา นี่ทำให้ผู้คนพากันตะลึงจนอ้าปากค้าง
เห็นได้ชัดว่า ชีพนนท์ ไม่อยากทำให้รพีพงษ์โมโห ดังนั้นจึงพูดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับผู้หญิงคนนั้นออกมาอย่างชัดเจน
ผู้ชายที่เกือบจะเสียเงินสองแสนคนนั้นเป็นใครกันแน่?
เดิมทีคนพวกนั้นคิดว่ารพีพงษ์จะโดนเล่นงาน รีบเปลี่ยนความคิดของตัวเองทันที คนที่ขับรถคันเป็นล้าน คงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ผู้หญิงคนนั้นมอง ชีพนนท์ อย่างไม่เชื่อสายตา คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นแฟนของเขา
“คุณหมายความว่าไง แม้เราจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่คุณจะมาแตกหักทำเป็นไม่รู้กันแบบนี้ไม่ได้นะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น
ชีพนนท์จ้องเธอแล้วพูดว่า “ผู้หญิงแบบนี้รนแต่จะหาเรื่องมาให้ฉัน แฟนเก่าของฉันก็เป็นเหมือนเธอ เกือบจะทำให้คุณรพีพงษ์โมโห ตอนนี้ฉันฉลาดแล้วว่าผู้หญิงแบบพวกเธอมันใช่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้อย่ามาให้ฉันเห็นอีก”
พูดจบ เขาจึงหันไปหารพีพงษ์จากนั้นก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “คุณรพีพงษ์ ทำให้คุณเจอเรื่องตลกๆ เข้าให้แล้ว แค่หมาตัวเดียว ชนมันตายก็ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณอย่าไปสนใจเธอเลยครับ”
สีหน้าของหญิงสาวสลดลงทันที เธอคิดไม่ถึงว่าชีพนนท์จะสลัดเธอทิ้งเพราะรพีพงษ์ แล้วรพีพงษ์นี่น่ากลัวขนาดไหนกันนะ?
สามารถทำให้ชีพนนท์กลัวจนเป็นถึงขนาดนี้ คนที่เขากลัวในเมืองริเวอร์ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน
เธอตระหนักได้ถึงความโง่ของตัวเอง ถ้าตอนนั้นปล่อยให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“คุณ ฉันสำนึกผิดแล้ว คุณให้อภัยฉันเถอะ ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” หญิงสาวพูดอ้อนวอนแล้วจับแขนของชีพนนท์แน่น
ชีพนนท์ผลักเธอออกแล้วด่าว่า “ไสหัวออกไปให้ห่างจากฉันเลยนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
หญิงสาวตกใจจนรีบปล่อยชีพนนท์
เดิมเธอคิดว่าการที่ได้เป็นแฟนของ ชีพนนท์ แล้วเธอจะสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะความมั่นใจของตัวเธอเองจะทำลายอนาคตที่สวยงามมลายหายไปจนหมดสิ้น
“คุณรพีพงษ์ ไม่ทราบว่าคุณยังมีอะไรไม่พอใจอีกหรือเปล่า ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็บอกผมได้เลย ผมจะสั่งสอนผู้หญิงที่ไม่รู้ดีชั่วคนนี้แทนคุณเอง” ชีพนนท์เอ่ยถาม
“พอแล้วล่ะ ในเมื่อจัดการได้ก็โอเคแล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น “ต่อจากนี้ถ้าจะหาแฟนก็คิดให้เยอะๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าหาผู้หญิงที่ไม่มีสมองมันจะเป็นการทำร้ายตัวนายเองเสียเปล่าๆ”
ชีพนนท์รีบพยักหน้า หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมาสองครั้ง ชีพนนท์ถึงรู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์ถูกต้อง ต่อจากนี้ถ้าเขาจะหาแฟน เขาจะไม่หาผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้เขา ไม่งั้นเขาเองนี่แหละที่จะต้องเดือดร้อน
“โอเค ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันไปก่อนล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
เหมือน ชีพนนท์ นึกอะไรออก เขารีบพูดออกมา “อ้อ คุณรพีพงษ์ อีกสองวันผมจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อน ไม่รู้ว่าคุณมีเวลาว่างหรือเปล่า ถ้ามีก็เชิญคุณมานะครับ”
“พวกนายสนุกกันตามประสาวัยรุ่น ฉันคงไม่ไปล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ชีพนนท์เหนื่อยใจ เขาคิดในใจว่ารพีพงษ์ก็อายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น เหมือนเขาปฏิเสธอย่างขอไปที
แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร มองตามรพีพงษ์ออกไปจนลับสายตา
หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปแล้ว ชีพนนท์มองมือถือแวบหนึ่งแล้วบ่นพึมพำออกมา “ไอ้เด็กน้อยธีริทธิ์ น่าจะมาถึงเมืองริเวอร์แล้วนะ บอกเขาดีกว่าว่าอีกสองวันจะจัดปาร์ตี้”
ชีพนนท์กับธีริทธิ์รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งคู่ชอบเล่นเกมด้วยกันอยู่บ่อยๆ ธีริทธิ์ เล่นเกมเก่งมาก ชีพนนท์ ชื่นชมเขา ครั้งนี้ธีริทธิ์มาเที่ยวบ้านศศินัดดา ชีพนนท์บอกเขาเอาไว้แล้วและทั้งสองก็ได้นัดเจอกันแล้ว
หลังจากที่รพีพงษ์ขับรถกลับมาถึงบ้าน เมื่อเดินเข้าบ้านมาเท่านั้นก็ได้ยินเสียงด่าของศศินัดดา “แกยังมีหน้ากลับมาอีกนะ! ฉันให้แกไปรับธีริทธิ์แต่แกไปทำอะไร ถึงให้ธีริทธิ์นั่งรถเมล์กลับมาคนเดียว แกขับรถไปกินลมชมวิว ฉันล่ะโมโหจริงๆ”
ธีริทธิ์นั่งแสยะยิ้มมองรพีพงษ์อยู่บนโซฟา เขาเห็นศศินัดดาด่ารพีพงษ์แล้วสะใจจริงๆ
“ผมไปรับเขาแล้ว แต่เขาขับรถหนีมาแล้วไปก่อเรื่องไว้ แถมยังโยนปัญหามาให้ผมแล้วตัวเองหนีกลับมา เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้” รพีพงษ์อธิบาย
ธีริทธิ์จ้องรพีพงษ์เขม็ง เขาพูดด้วยหน้าตาใสซื่อ “รพีพงษ์ อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่านายทิ้งฉัน”
“คุณป้าดูสิ นี่ผมเพิ่งมาวันแรกก็โดนคนที่บ้านของคุณป้าทำขนาดนี้ ผมจะโทรหาแม่ พรุ่งนี้ผมจะกลับ”
ธีริทธิ์ทำเป็นคลำหามือถือ
ศศินัดดารีบห้ามเข้าเอาไว้ ถ้าแม่ของธีริทธิ์รู้ว่ามาถึงวันแรกก็ไม่อยากอยู่แล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากเลยนะ
“ธีริทธิ์อย่าไปฟังมันพูดเพ้อเจ้อเลย มันก็แค่คนไร้ประโยชน์เลยพูดปัดความรับผิดชอบ นายเที่ยวที่นี่ให้สนุกเถอะ ไม่ต้องไปสนใจมันก็พอแล้ว” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์ไม่มีอะไรจะพูด เป็นไปตามคาดที่เป็นญาติกัน ความสามารถในการพูดบิดเบือนความจริงเหมือนกันไม่มีผิด
“แกรีบไปเก็บห้องครัวให้เรียบร้อย เดี๋ยวตอนค่ำฉันจะทำอาหารให้ธีริทธิ์ทาน” ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์
รพีพงษ์ทำได้เพียงไปเก็บห้องครัว
ผ่านไปไม่นาน ศศินัดดาเดินไปทิ้งขยะนอกคฤหาสน์ เธอเห็นรอยบุบตรงรถยนต์ก็รีบเดินฟึดฟัดกลับมา “รพีพงษ์ แกไปทำอะไรมา ทำไมรถถึงบุบ?”
รพีพงษ์เดินออกมาจากห้องครัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้คุณต้องถามหลานชายของคุณนะ”
ธีริทธิ์รีบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที “ถามฉันทำไม ฉันไม่รู้ว่านายขับรถไปทำอะไรข้างนอก”
ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์จนจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว
ขณะนั้นเองอารียาเดินลงมาจากข้างบน สายตาของเธอเย็นชา
ศศินัดดารีบพูดกับอารียา “นี่ลูก รพีพงษ์ไม่เพียงแค่ไม่ไปรับธีริทธิ์แต่ยังเอารถออกไปข้างนอกแล้วทำรถบุบอีกด้วย ลูกยังไม่สนใจมันอีกเหรอ!”
รพีพงษ์รู้นิสัยของธีริทธิ์ดี เขารู้ว่าเธอจะไม่โทษเขาอย่างไร้เหตุผลและคิดว่าเธอจะช่วยเถียงแทนเขา
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คืออารียามองเขาด้วยแววตาเฉยชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยว่า “งั้นก็ให้เขาขอโทษธีริทธิ์เถอะ”