พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1392 ฉันเมตตามากเกินไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 1392 ฉันเมตตามากเกินไป
“ค่ะ คือเมื่อวาน มีกลุ่มคนมาที่ตระกูลลัดดาวัลย์ของเรา บอกว่าต้องการจะมาคุยกับคุณอารียาเรื่องธุรกิจ…”
หลังจากชนิสราได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดรพีพงษ์ก็พอจะเข้าใจ
ที่แท้ก็มีคนต้องการลักพาตัวอารียากับหนูไป โดยใช้เรื่องเจรจาธุรกิจมาบังหน้า แต่ทำไมชยนต์กับแม่นางทอผ้าถึงไม่ลงมือจัดการล่ะ?
มีบางอย่างที่รพีพงษ์ไม่เข้าใจ หุ่นเชิดสองตัวนี้ ถ้าอารียาและคนอื่นๆไม่เป็นไรก็ว่าไปอย่าง แต่หากพวกเขาได้รับความไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อยล่ะก็ หุ่นเชิดทั้งสองตัวนั่นต้องถูกจัดการแน่ต้องลงโทษฐานประมาทเลินเล่อ!
“คุณชายคะ ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ส่งออกไปหาเป็นวันแล้วแต่ก็ไม่เจอค่ะ นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวจากคุณอารียาและคนอื่นเลย คุณชายคิดว่ายังไงคะ ฉันนี่กระวนกระวายแทบตาย” ชนิสรากล่าวไปร้องไห้ไป
“พี่สา ไม่ต้องกระวนกระวายไป คนพวกนี้พี่เคยเห็นไหมล่ะ บอกลักษณะของพวกเขาให้ผมฟังหน่อย” รพีพงษ์กล่าว
หลังจากชนิสราคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ได้พูดออกมา “ฉันคิดออกแล้วค่ะ คนพวกนี้น่าจะมีประมาณสิบกว่าคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยคุ้นกับบ้านตระกูลลัดดาวัลย์เท่าไหร่นัก ต้องใช้คนจำนวนมากกว่าจะตามหาตระกูลลัดดาวัลย์พบ รูปร่างหน้าตาดูธรรมดา โดยทั่วไปแล้วเป็นคนมีอายุ อายุน้อยสุดน่าจะประมาณสักสี่สิบปีได้ค่ะ”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คนเหล่านี้เป็นใครกัน?
หลังจากวางสาย ใบหน้าของรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
ตอนนี้เขาแทบรอไม่ไหวที่จะบินไปเกียวโตในทันที อยากที่จะไปตามหาว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วจะบดขยี้มันให้แหลก!
อย่างไรก็ตาม เทือกเขาคุนหลุนนั้นอยู่ห่างจากเกียวโตไปหลายพันไมล์ รพีพงษ์โกรธเพียงใดก็ไม่สามารถบินไปหลายพันไมล์ด้วยดาบได้
หลังจากที่หงส์เห็นรพีพงษ์ออกมา เธอก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ได้คุยกับภรรยาอีกสักสองสามประโยคเหรอ?ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองจะจืดจางลงนะ”
รพีพงษ์ไม่ได้อารมณ์ดีนักในตอนนี้ ใบหน้าของเขามืดมน มองไปที่หงส์และพูดว่า “ในเกียวโต มีคนของกลุ่มสิงโตบ้างไหม!”
หงส์มองไปที่รพีพงษ์ พร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า “เป็นอะไรคะ เจ้านาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“อารียาและหนูลิน พวกหล่อน…โดนคนลักตัวไป!”
“อะไรนะ!โดนจับตัวไปงั้นเหรอ?” หงส์กล่าวด้วยความตกใจ ในโลกนี้มีคนที่ไม่กลัวตายด้วยงั้นเหรอ ถึงได้กล้ามาลักพาตัวภรรยาและลูกของคุณชายตระกูลลัดดาวัลย์ไป?
สีหน้าของรพีพงษ์ดูหนักอึ้ง “เปล่าประโยชน์ รพีพงษ์คิดว่าตนได้ยืนอยู่จุดสูงสุดของประเทศจีนแล้ว ถึงได้ปลูกฝังให้ชาวจีนไปต่อสู้กับทวีปโอชวิน แต่ตอนนี้ แม้แต่ภรรยาและลูกของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“รพี…รพีพงษ์ คุณอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ” เมื่อหงส์เห็นรพีพงษ์ซึมเศร้า เธอจึงมาที่ด้านข้าง “ฉันคิดว่า ภรรยาและลูกของคุณจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ฉันถามเธอนะ ว่ามีคนของกลุ่มสิงโตในเกียวโตไหม?” รพีพงษ์ถาม
เขารู้ดีว่า สำหรับตนและอารียาในตอนนี้ เวลาคือเงิน พวกเขาจะต้องถูกพบและช่วยชีวิตโดยเร็วที่สุด
“แต่ก่อนศรีใสกับคมกริชอยู่ที่เกียวโตมาตลอด พวกเขาเพิ่งไปงานศพของเต่าและได้กลับมาแล้ว พวกเขาได้เข้าร่วมการต่อสู้ของทวีปโอชวินกับเราด้วย” หงส์กล่าว
“จะบอกว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เกียวโตแล้วงั้นเหรอ?”รพีพงษ์พูดอย่างผิดหวัง จากนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จะต้องมีคนของเทือกเขากิสนาอยู่ที่เกียวโตเป็นแน่
ใช่ ฉันต้องหาคนของเทือกเขากิสนาให้เจอ!
ขณะที่รพีพงษ์พูด เขาก็กำลังหันกลับไปโทรหาพ่อของตน และถามเกี่ยวกับเรื่องเทือกเขากิสนาในเกียวโต
ขณะนั้น จู่ๆหงส์ก็พูดขึ้นมาว่า “หลังจากสู้รบเสร็จ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองคนจะกลับไปเกียวโตแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะไปถามพวกเขาให้”
“โอเค” รพีพงษ์พูด
ขณะที่หงส์พูด เธอก็พุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว โดยมีรพีพงษ์ตามติดอย่างใกล้ชิด
หลังจากนั้นไม่นาน ศรีใสและคมกริชก็ได้ปรากฏอยู่ที่ปลายสายอีกฝั่งของโทรศัพท์
“พวกนายอยู่ไหนกัน?” หงส์ถาม
“เกียวโตไง เพิ่งถึงเมื่อวานซืนได้ มีอะไรหรือเปล่าหงส์?”หนึ่งในนั้นพูด จากนั้นทั้งสองเห็นรพีพงษ์ยืนอยู่ที่ด้านหลังของหงส์ จึงรีบพูดทันที “เจ้านาย คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
รพีพงษ์มองไปที่พวกเขาทั้งสอง จากความประทับใจ เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองคนนั้นได้มาถึงครึ่งของความยอดเยี่ยมแล้ว
“ฉันมีเรื่องที่ต้องรบกวนพวกนายสองคนหน่อย เมื่อวานภรรยาและลูกของฉันโดนคนลักพาตัวไป พวกนายช่วยฉันหาหน่อยว่าใครเป็นคนทำ” รพีพงษ์กล่าว
“อะไรนะ มีคนกล้าลักพาตัวภรรยาและลูกของตระกูลลัดดาวัลย์ด้วยเหรอ?” ศีใสกล่าวอย่างประหลาดใจ
คมกริชขมวดคิ้ว “จริงด้วย ฉันนึกออกแล้ว เมื่อวานฉันผ่านคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ด้วย เห็นทุกคนในนั้นดูตื่นตระหนก รถเข้าออกกันให้วุ่น เห็นได้ชัดว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแน่ๆที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปกว่าเดิม
“เจ้านาย อย่ากังวลไป เครือข่ายข้อมูลของกลุ่มสิงโตได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมาก ตราบใดที่พวกนั้นยังอยู่ในเกียวโต เราจะหามันเจอ!” ศรีใสพูด
“ดี ถ้าเจอผู้ร้ายแล้ว ก็จัดการฆ่ามันให้หมด” รพีพงษ์กล่าว
“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้านาย เรารู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่บอกหน่อยได้ไหมว่าคนเหล่านั้นหน้าตาเป็นอย่างไร” คมกริชถาม
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ คำพูดของชนิสราค่อยๆปรากฏเข้ามาในหัวของรพีพงษ์อีกครั้ง
“ไม่ถูก ตามหลักเหตุและผล แม้จะมองตามโลกในตอนนี้ พวกเราตระกูลลัดดาวัลย์ก็สามารถมีสถานที่ได้ ไม่ต้องพูดถึงแค่ในจีนเลย”
รพีพงษ์คิดว่าโดยพื้นฐานแล้วคนจีนทุกคนควรรู้ถึงการดำรงอยู่ของรพีพงษ์ และเมื่อได้ยินสิ่งที่ชนิสราพูด คนเหล่านี้กลับพบคฤหาสน์ของตระกูลลัดดาวัลย์หลังจากที่สอบถามไปทั่วแล้ว
มันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนจีน?
แต่ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็ได้ปฏิเสธการตัดสินของตัวเอง หากคนเหล่านั้นไม่ใช่คนจีนล่ะก็ พี่สาจะต้องพูดออกมาแล้วสิ
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ได้ปรากฏแวบขึ้นมาในใจของรพีพงษ์
คนจำนวนสิบกว่าคน ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องของคนจีนเท่าไหร่นัก หรือว่าคนเหล่านี้จะเป็น…
“ศรีใส คมกริช!พวกนายเคยเห็นคนของทวีปโอชวินที่ฉันเคยปล่อยหลังจากการต่อสู้ไหม!”รพีพงษ์ถาม
“เจ้านาย?คุณพูดเช่นนี้คงไม่ได้หมายความว่า…คนที่ลักพาตัวภรรยาและลูกไป คือพวกเขา…” คมกริชและศรีใสพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฉันล็อกพวกเขาด้วยเข็มทิ่มกระดูก ความขุ่นเคืองของพวกเขาที่มีต่อฉันจะต้องมากโขเป็นแน่ พอคิดแบบนี้ ก็มีพวกมันนั่นแหละที่น่าสงสัยที่สุด!” รพีพงษ์พูด
“โอเคครับ เจ้านาย พวกเราเข้าใจแล้ว ขอเพียงแค่พวกนั้นยังอยู่ในเกียวโต เราจะตามหาพวกมันเจอแน่!”คมกริชพูด
รพีพงษ์พยักหน้า “นี่เป็นงานล่ารางวัลที่ฉันจะมอบให้พวกนาย เมื่องานนี้เสร็จสิ้น ฉันจะให้เงินพวกนายทั้งสองคน คนละหนึ่งร้อยล้านหยวน!ไม่เพียงแค่นั้น ฉันจะสอนการฝึกพลังห้าแบบให้กับพวกนายอีกด้วย”
“เจ้านาย…”
ศรีใสและคมกริชตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไปที่เกียวโตเพื่อทำภารกิจล่ารางวัล พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าภารกิจต่อไปจะถูกให้โดยตัวรพีพงษ์เอง อีกทั้งรางวัลนั้นก็มีมูลค่าสูงมาก
คนละหนึ่งร้อยล้าน บวกกับการฝึกพลังอีกห้าแบบ ทุกคนที่รู้จักรพีพงษ์ดีว่า การฝึกพลังที่เขาสอนนั้นลึกลับเพียงใด
“อย่ารอช้า รีบไปซะ!” รพีพงษ์สั่ง
“ครับ!”
ทั้งสองพูด จากนั้นก็วางสายไป
รพีพงษ์ก้มหน้าลง หัวใจของเขานั้นอีนุงตุงนังเป็นอย่างมาก
คนสิบกว่าคนที่ตนได้ปล่อยไป ตอนนี้กลับมาก่อเรื่องแบบนี้ได้ซะนี่
“หงส์ เธอว่าฉันมีเมตตาเกินไปไหม?”รพีพงษ์ถาม
หงส์ส่ายหัว “หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงบอกว่าคุณมีเมตตา แต่ตอนนี้ ฉันจะไม่พูดอย่างนั้น คุณแค่ให้โอกาสพวกเขาได้เกิดใหม่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะรักษามันเอาไว้ คุณลองคิดดู ทั้งนีย์ ชาคริตและเมฆ พวกเขาทั้งสามคนก็เป็นคนที่คุณปล่อยไปด้วยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปมากเลยล่ะ พวกเราเองก็น่าจะยอมรับพวกเขาได้แล้ว”
“ดังนั้น สาเหตุไม่ได้มาจากคุณ แต่มันเกี่ยวกันระหว่างคนด้วยกันเองมากกว่า” หงส์พูด
รพีพงษ์มองไปที่หงส์ สิ่งที่เธอพูดมานั้นถูกต้อง เพียงแต่ตอนนี้ในใจของเขานั้นเป็นกังวลอย่างมาก แม้กระทั่งตอนที่ทวีปโอชวินเข้ามารุกรานที่นี่ เขาเองก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“เอาล่ะ รพีพงษ์ ศรีใสกับคมกริชเองก็อยู่ที่เกียวโตมานาน อีกทั้งเครือข่ายข้อมูลของกลุ่มสิงโตของเราเองก็แข็งแกร่ง ถ้าเรื่องนี้มีเบาะแส ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะส่งข่าวดีมาในเร็ววัน” หงส์กล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันจะรออยู่ที่นี่ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นข่าวดี หรือ…หรือว่าข่าวร้าย ฉันต้องเป็นคนแรกที่รู้”
หงส์รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ไปนั่งข้างๆรพีพงษ์และรอคอยเสียงโทรศัพท์ที่จะดังขึ้น