พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 139 คุณมันเป็นตัวอะไร
บทที่139 คุณมันเป็นตัวอะไร
“เกิดอะไรกันขึ้น ทำไมทุกคนถึงมากองกันอยู่ตรงนี้”กุนลโรจน์รู้สึกประหลาดใจที่คนมายืนมะรุมมะตุ้มอยู่ในสวน จึงถามคนที่อยู่ข้างๆ
“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ สองคนที่อยู่ตรงนั้นลอบเข้ามาครับ คุณชายกำลังจะจับพวกเขาครับ แล้วสั่งสอนสักตั้ง”คนๆนั้นตอบอย่างนอบน้อม
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”กุนลโรจน์รู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ายังจะมีคนกล้าลอบเข้ามาในบ้านของตน
เมื่อกี้พวกจารุพิชญ์ก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในห้องโถง แม้ว่าทุกคนต่างรู้ดี ว่ารพีพงษ์กับ อารียาเป็นอาคันตุกะที่กุนลโรจน์เชิญมา แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะไปบอกกุมุทแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าพวกเขาอยากเห็นรพีพงษ์กับกุมุททะเลาะกัน อย่างไรเสีย แค่งานเลี้ยง ธรรมดาๆ มันก็จะน่าเบื่อหน่ายไปหน่อย
จารุพิชญ์ยิ้มเย็นชาให้รพีพงษ์ พร้อมพูดกับตัวเองว่า“คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะมีบุญคุณความแค้นกับคุณชายด้วย คราวนี้มีของสนุกดูแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าพี่กุนลโรจน์จะช่วยฝั่งไหน”
“ยังจะต้องพูดอีกเหรอครับ ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ก็ต้องช่วยลูกชายตัวเองอยู่แล้ว คราวนี้รพีพงษ์ซวยแน่”จารุกิตติ์พูดอย่างไม่ต้องสงสัย
ยามรายล้อมรอบตัวรพีพงษ์กับอารียา หัวหน้ายามมองรพีพงษ์ด้วยสายตาเย็นชา พูดขึ้น“ในเมื่อกล้าบุกบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ ก็รีบยอมจำนวนซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”
“รพีพงษ์คะ พวกเราจะทำไงดี พวกเขาไม่ยอมเชื่อว่าเราได้รับเชิญมาจริงๆ”อารียาสีหน้าร้อนใจ
รพีพงษ์ป้องให้อารียาไปอยู่ด้านหลัง“อย่าวิตกไปเลย พวกเขาทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก”
หัวหน้ายามเห็นว่ารพีพงษ์ไม่มีทีท่าจะยอมจำนน จึงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วควัก ไม้ตะบองออกมาพุ่งเข้าหารพีพงษ์
รพีพงษ์หันตัวกลับ ตวัดขาเตะไม้ตะบองหลุดออกจากมือยาม ไม้ตะบองตกใส่ใจกลางฝูงชน
ฝูงชนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะฝีไม้ลายมือดีขนาดนี้
นภทีป์เห็นรพีพงษ์ลงมือกับคนบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ จึงร้อนใจมาก ตะคอกขึ้น“รพีพงษ์ ไอ้ฉิบหาย!แกกล้าลงมือกับคนบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์เชียวเหรอ รนหาที่ตายนักใช่ไหม!”
รพีพงษ์จ้องมองนภทีป์ พูดเสียงเย็นชา“หรือว่าผมต้องปล่อยให้พวกเขาซ้อมผมครับ”
ธายุกรพูดชักนำ“คุณปู่ครับ อย่าไปสนใจไอ้สวะนี่เลย มันรนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้”
กุมุทเห็นรพีพงษ์ถีบหัวหน้ายาม จึงหรี่ตาลง พร้อมขู่กรรโชก“ไอ้นี่มันบุกรุกบ้าน ยังลงมือทำร้ายคน มันไม่เห็นแกหน้าใครจริงๆ ทุกคนลุย เอามันให้ตาย!”
ในเวลานี้กุนลโรจน์บุกขึ้นไปอยู่ตรงหน้าฝูงชน พอเห็นยามกำลังรุมล้อมรพีพงษ์กับอารียา สีหน้าจึงเปลี่ยนขึ้นมาทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”กุนลโรจน์คำราม
ยามพวกนั้นเห็นว่าประมุขของบ้านมา จึงวางมือลง
พอทุกคนเห็นว่ากุนลโรจน์มาแล้ว ต่างก็คิดว่ารพีพงษ์กับอารียาคงจะซวยหนักกว่าเก่า
นภทีป์ถอนหายใจ รู้สึกว่าวันนี้รพีพงษ์กับอารียาคงจะทำให้บ้านฉัตรมงคลของเขาขาย หน้าอีกเช่นเคย ประมุขบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์มาหยุดอยู่ตรงหน้า เรื่องนี้คงไม่มีอะไรต้องคุยแล้วล่ะ
ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ยิ้มให้รพีพงษ์และอารียาอย่างเย็นชา ในใจลุ้นหนักหนาว่าให้พวกเขาโดนลงโทษเสียที
“คุณพ่อครับ ครั้งที่แล้วคุณพ่ออบรมผมเพราะไอ้สวะนี่ แต่ปรากฏว่ามันบุกรุกบ้านเรา เรื่องนี้คงไม่มีอะไรต้องคุยแล้วมั้งครับ ครั้งนี้ผมจะต้องแก้แค้นที่คุณพ่อซ้อมผมครั้งที่แล้ว เอาคืนกับมันทั้งหมด!”กุมุทพูดอย่างแข็งกร้าว
นภทีป์รีบรุดขึ้นหน้า ค้อมตัวให้“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ไอ้ฉิบหายสองคนนี้เป็นคนบ้านฉัตรมงคลของกระผมเอง แต่เรื่องที่พวกมันลอบเข้ามา ผมไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์จะลงโทษพวกมันยังไงก็ได้”
กุนลโรจน์มองทั้งสองคน สีหน้าเคร่งจนเขียว เขาเห็นท่าทีแข็งกร้าวของกุมุท รู้สึกเสียใจที่มีลูกโง่ๆแบบนี้
“ไอ้โง่!พวกเขาเป็นอาคันตุกะคนสำคัญที่พ่อเชิญมาเอง แกเสือกไปจับพวกเขาไว้ ทำไมฉันถึงได้เลี้ยงลูกสมองพิการอย่างแกนะ!”
กุนลโรจน์ยกมือขึ้น ตบฉาดใหญ่ลงบนหน้ากุมุท
ผัวะ!
เสียงตบฉาดดังก้องกังวาลขึ้น สวนทั้งสวนเงียบสนิทลง
ทุกคนในงานต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่า กุนลโรจน์ไม่เพียงแต่จะไม่เอาผิดรพีพงษ์กับอารียา แต่ยังลงมือกับกุมุทอีกด้วย
พวกเขาสองคนเป็นอาคันตุกะที่กุนลโรจน์เชิญมาด้วยตนเองจริงๆหรือ มิน่าละถึงได้ไม่มี บัตรเชิญ
นภทีป์เซ่อไปเลย ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ถลึงตาจนแทบถลนออกมาจากเบ้า เหม่อลอย อยู่เป็นนานกว่าจะคืนสติ
กลุ่มจารุพิชญ์ก็ประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเพื่อรพีพงษ์กุนลโรจน์จะซ้อมลูกตัวเองแบบนี้
“รพีพงษ์เป็นใครกันแน่ ทำไมพี่กุนลโรจน์ถึงยอมลงมือกับลูกชายตัวเองโดยไม่ไว้หน้าเพื่อเขา”จารุพิชญ์พึมพำ
“ผมว่ามันน่าจะดวงดีมากกว่า ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ก็จริงๆเลย ในเวลาแบบนี้ ต่อให้รพีพงษ์ไม่ได้ลอบเข้ามาก็เถอะ ก็ไม่ควรจะลงมือกับลูกชายตัวเองนี่นา”จารุกิตติ์บ่นอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม
กุมุทเอามือกุมหน้า จงใจร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนหมู่มาก
เขารู้สึกอึดอัดจริงๆ พ่อตัวเองแท้ๆ แต่กลับลงมือเพื่อคนอื่นมาสองครั้งแล้ว แถมยังต่อ หน้าคนหมู่มากด้วย
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องรับไม่ได้ทั้งนั้นแหละ
“พ่อครับ ตกลงผมเป็นลูกแท้ๆของพ่อหรือเปล่า ทำไมพ่อต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย รพีพงษ์มันเป็นแค่สวะตัวหนึ่ง ทำไมพ่อถึงดีกับมันมากกว่าผม หรือว่ามันเป็นลูกแอบของพ่อ”กุมุทร้องไห้พลางพูด
คนรอบตัวเห็นว่ากุมุทคุณชายแห่งบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ร้องไห้งอแงขึ้นมาราวกับเด็กน้อย ต่างก็ รู้สึกขบขัน
พอรพีพงษ์กับอารียาได้ยินกุมุทพูดว่าสงสัยว่ารพีพงษ์จะเป็นลูกแอบ ต่างก็ขำพรวด กันออกมา
สีหน้ากุนลโรจน์ดูน่าเกลียด เขาตะคอก“พูดซี๊ซัวะอะไรน่ะ!ฉันซ้อมแกเพื่อให้แกหลาบจำ คุณรพีพงษ์เป็นแขกคนสำคัญของฉัน ฉันขอเตือนแกว่าอย่าไปก่อความเดือดร้อนให้เขาอีก แกก็ไม่ฟัง”
“มันมีสิทธิอะไรที่มาเป็นแขกสำคัญบ้านเรา มันก็คือสวะคนหนึ่ง บ้านเราต้องมาเสวนากับสวะ มันจะไปมีอะไรดี!”กุมุทยังคงไม่สบอารมณ์
กุนลโรจน์ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เขาไม่สามารถบอกต่อหน้าทุกคนได้ว่า รพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต
แบบนั้นโยษิตาจะไม่ปล่อยเขาแน่ๆ
“ต่อไปห้ามว่าคุณรพีพงษ์เป็นสวะอีก ไม่งั้นอย่าโทษว่าฉันไม่เห็นแกเป็นลูก แกยังไม่สำนึกผิดเลย ตอนนี้รีบกลับห้องไปขังตัวเองเดี๋ยวนี้”กุนลโรจน์เลี่ยงตอบคำถามของกุมุท
เขาส่งสัญญาณสายตาให้ยาม ยามสองสามคนนำตัวกุมุทที่ร้องไห้ไม่เป็นท่าออกไป
นภทีป์เห็นกุนลโรจน์ไม่อธิบายถึงสาเหตุที่ปกป้องรพีพงษ์ จึงคิดว่ากุนลโรจน์เห็นแก่หน้าตน เอง
แม้ว่าความคิดนี้จะทำให้เขาเหลิงไปไม่น้อย แต่ในมุมมองเขาแล้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นแบบนั้น ถ้าคนบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์จะไว้หน้าเขาขนาดนั้น เขาก็ต้องไม่ให้ตระกูลกุลสวัสดิ์เสียหน้าอยู่แล้ว
ว่าแล้วนภทีป์จึงเดินไปหยุดตรงหน้ากุนลโรจน์ พูดขึ้น“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมรู้ว่าท่านอาจจะเข้าใจผิด แม้ว่ารพีพงษ์กับอารียาจะเป็นคนบ้านฉัตรมงคล แต่ผมไม่ได้พาพวกเขามา ท่านไม่ต้องไว้หน้าผมแล้วปล่อยพวกเขาไปก็ได้ครับ”
กุนลโรจน์กำลังโกธรควันออกหู เห็นนภทีป์จู่ๆก็มาพูดแบบนี้ จึงหรี่ตาตะคอกอย่างดูแคลน
“อย่างคุณนับเป็นตัวอะไรได้ คุณรพีพงษ์ผมเป็นคนเชิญมาเอง ทำไมผมต้องไว้หน้าคุณด้วย หน้าคุณใหญ่มากนักหรือไง”