พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1382 ฆ่าจิรกิตติ์
“นีย์!”
รพีพงษ์พูดคำรามเสียงดัง นีย์กลับว่านอนลงในอ้อมแขนของรพีพงษ์แล้ว
“รพีพงษ์ ก่อนหน้าที่ฉันทำเรื่องผิดต่อคุณมากมาย และก็……ทำตัวเป็นศัตรูกับคุณทุกอย่าง ตอนนี้……ที่ฉันทำในวันนี้ ก็ถือว่าฉันชดใช้ให้คุณแล้วนะ” นีย์พูดเสียงเบาๆ น้ำเสียงอ่อนแอ
“หงส์ ดูแลนีย์ให้ดี!”
รพีพงษ์พูดเสียงดัง
หงส์ขมวดคิ้วแน่น การกระทำเมื่อตะกี้นี้ของนีย์ทำให้เธอตกใจอย่างมาก ตอนนี้ สำหรับองค์หญิงน้อยผู้ที่เคยอยู่ในทวีปโอชวินนี้ เธอไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกแล้ว!
มังกร พยัคฆ์และหงส์ทั้งสามคนก้าวขึ้นพร้อมกัน นำร่างของนีย์ออกไป
“รีบช่วยเหลือรักษา น่าจะยังทันนะ!” มังกรพูดกล่าว เขาไม่เพียงแค่มีพละกำลังสูงที่สุดในบรรดาสามคนเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในกลุ่มสิงโต
ส่วนทางนี้ ธีรพัฒน์และธัชธรรมก็บุกเข้าไปแล้ว
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า พละกำลังของจิรกิตติ์จะเป็นเช่นนี้มาก่อน เดิมทีก็สามารถผนึกได้เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ตอนนี้กลับว่าผ่านไปแค่สี่สิบนาทีเท่านั้น เขาก็ปลดเปลื้องผนึกออกได้แล้ว!
“ฉันจะฆ่าพวกแกให้ตายทั้งหมด!”
จิรกิตติ์พูดคำรามเสียงดัง พลังจิตวิญญาณในร่างกายพรั่งพรูออกมาอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด
เขาในตอนนี้ วิธีการโจมตีก็ไม่ได้แตกต่างออกไป รวมถึงคนของทวีปโอชวินเหล่านั้นด้วย เขาต่างก็โจมตีพร้อมกัน!
“กล้าดีมากที่ทรยศหักหลังฉัน นี่คือสิ่งที่พวกแกควรที่จะได้รับ!” จิรกิตติ์พูดคำรามเสียงดัง
“ทุกคน ถอนกำลังกลุ่มสิงโต” รพีพงษ์พูดเสียงดัง การต่อสู้แบบนี้ คนที่มีกำลังแดนดั่งเทพไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมแล้ว
และตอนนี้ หากพวกเขายังอยู่ที่นี่ล่ะก็ เผชิญหน้ากับจิรกิตติ์ที่ใกล้จะบ้าคลั่ง จะเป็นเพียงการเพิ่มความเสี่ยง
คิ้วทั้งสองข้างของรพีพงษ์ขมวดแน่น เขาแค่เกลียดตัวเองที่เมื่อกี้น่าจะลงดาบให้เร็วกว่านี้หน่อย!
“ฉันจะฆ่าแก!”
รพีพงษ์พูดคำรามเสียงดัง ในมือถือกระบี่สยบเซียน พุ่งเข้าไปเลย
ทางนี้ ธีรพัฒน์และธัชธรรมตกอยู่ในสภาวะที่ถูกกระทำแล้ว
หนึ่งต่อศัตรูสองคน จู่ๆจิรกิตติ์ก็กลับมามีโอกาสชนะอีก
รพีพงษ์กระโดดขึ้นสูง กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือเหวี่ยงลงเลย
จิรกิตติ์หัวเราะอย่างเยือกเย็น โบกฝ่ามือข้างเดียวไปกลางอากาศ
ตามสัญชาตญาณของรพีพงษ์รู้ว่าพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งตรงหน้าพุ่งเข้าใส่มายังตัวเอง เพราะงั้น เขาสร้างเกราะกำบังขึ้นมาต่อหน้าของตัวเอง
“เหอะ แกคิดว่าเกราะกำบังอย่างนี้จะมีผลต่อฉันเหรอ?”
จิรกิตติ์พูดอย่างกำเริบเสิบสาน ตามมาด้วย พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าใส่อีกแล้ว
“ฝ่ามือสยบเซียน!”
รพีพงษ์พูดคำรามเสียงดัง
นี่เป็นวรยุทธระดับสูงที่ได้รับสืบทอดต่อมาจากจอมมารชูร่าในตอนนั้นที่เขาหมั่นฝึกฝนตอนที่ตัดขาดกับโลกภายนอก
ผนึกแบบนี้ เป็นการใช้ในการเผชิญกับคนที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพโดยเฉพาะ ตราที่ก่อตัวขึ้นนั้นก็ต้องการพลังวิญญาณมากขึ้นเช่นกัน
นี่ เป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายของรพีพงษ์!
วันนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ใช้ฝ่ามือสยบเซียน แต่กลับว่าทำให้จิรกิตติ์รู้สึกช็อกมากอย่างไม่อาจจะเทียบเทียมได้
“แก……ทำไมแกถึงมีกระบวนท่าแบบนี้ด้วย!” จิรกิตติ์ค่อนข้างหวาดหวั่น
สองร้อยกว่าปีก่อน ตัวเองก็ถูกจอมมารชูร่าผนึกด้วยกระบวนการท่านี้เช่นกัน แล้วก็โดนแทงที่ร่างกายกว่าหลายแผล ถ้าไม่ใช่เพราะว่าน้องชายของเขาทั้งสองช่วยเหลือเขาออกมาอย่างสู้ตาย เกรงว่าจะต้องโดนจอมมารชูร่าฆ่าตายเป็นแน่!
วันนี้ ภาพฉากเมื่อปีนั้นก็กลับมาอีกครั้ง ในใจของจิรกิตติ์ก็หวาดหวั่นไม่น้อยเลย
แต่ว่า เขาก็ค้นพบได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบฝ่ามือสยบเซียนนี้ของรพีพงษ์กับของจอมมารชูร่าในปีนั้น เหมือนว่าพลังจิตวิญญาณจะต่างกันอยู่บ้างแล้ว
“อยากจะผนึกฉันเหรอ ฝันไปเถอะ!”
จิรกิกตติ์พูดคำรามเสียงดัง ในเวลานี้ ฟ้าถล่มดินทลาย
เขาบีบคั้นลมปราณในร่างกายให้ยกระดับขึ้นสู่สภาวะที่แข็งแกร่งที่สุด
ในสถานการณ์นี้ผู้ฝึกบำเพ็ญตนที่พละกำลังแดนดั่งเทพของทวีปโอชวินเหล่านั้น ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ได้รับบาดเจ็บจากพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังนี้แล้ว บาดเจ็บและตายเป็นจำนวนมาก
และทางด้านของธีรพัฒน์และธัชธรรม พื้นดินก็จมลงไปเลย ร่างกายของทั้งสองคนราวกับว่าโดนพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังบีบเข้าไปในภูเขาแล้ว
และในขณะเดียวกัน ฝ่ามือสยบเซียนที่รพีพงษ์ก่อขึ้นมาทั้งหมด ก็ถูกพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังนี้โจมตีเข้าด้วยเช่นกัน!
“ไอ้พวกที่สมควรตาย!”
รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่า พละกำลังของจิรกิตติ์จะแข็งแกร่งถึงระดับนี้ ตอนนี้ ถ้าหากคิดอยากจะพึ่งพาภูตหญิงเสื้อแดงก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ภูตรหญิงนี้ โผล่หน้าอยู่แว่บๆ พริบตาเดียวก็หายตัวไปแล้ว รพีพงษ์เองก็ไม่รู้ว่าเธอจะโผล่มาเมื่อไหร่
“รพีพงษ์ วิชาแอสโตรแลบ!”
ธีรพัฒน์ตะโกนพูดเสียงดัง
รพีพงษ์นึกออกได้อย่างฉับพลัน
จริงด้วย วิชาแอสโตรแลบสามารถรวมพลังจิตวิญญาณของผู้อื่นได้มากมาย หากทำแบบนี้พละกำลังก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ นำมาต่อกรอนกับจิรกิตติ์ก็ยิ่งจะเหมาะสมอย่างมาก
และในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าฝ่ามือสยบเซียนกำลังจะถูกพลังจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ชะล้างออกไป ตอนที่จิรกิตติ์กำลังภาคภูมิใจนั้น จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็ปล่อยออกมาอย่างลับๆ นำเอากระบวนท่าวิชาแอสโตรแลบถ่ายทอดสู่ธีรพัฒน์และธัชธรรมทั้งสองคนที่ตกอยู่ในช่วงวิกฤตในเวลานี้
ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ เข้าใจเคล็ดลับในนี้ได้เลยทันที
ไม่ชักช้าแต่อย่างใด พลังจิตวิญญาณของพลังทิพย์ที่รวมเข้าด้วยกันของรพีพงษ์แผ่ซ่านออกมา
ตามมาด้วย พลังจิตวิญญาณทั้งสามแผ่ซ่านพร้อมกัน ผสมผสานกันท่ามกลางอากาศ
นี่เป็นพลังจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสาม หลังจากที่รวมกันแล้ว กลับว่ายิ่งใหญ่อย่างไม่อาจจะเทียบได้
แทบจะปกคลุมยอดเขาคุนหลุนไว้ทั้งหมดแล้ว
“ปล่อย!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง พลังจิตของทั้งสามขยับพร้อมกัน
ท่ามกลางอากาศ พลังจิตวิญญาณที่มหาศาลโจมตีเข้าไปยังตัวของจิรกิตติ์โดยตรงราวกับฝนตกเลย เขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
และภายใต้การกระแทกของพลังจิตวิญญาณ ก็สามารถทุบพื้นดินให้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ได้เลย เครื่องจักรสังหารแบบนี้ทำให้คนตกตะลึงจริงๆ
จิรกิตติ์เห็นพลังจิตวิญญาณเต็มไปทั่วท้องฟ้า เขาก็ค่อนข้างตกตะลึงแล้ว การจู่โจมแบบนี้ เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
เสียงระเบิดดัง พลังจิตวิญญาณกระทบลงบนตัวของจิรกิตติ์อย่างแม่นยำ
จิรกิตติ์ได้สร้างเกราะป้องกันมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่ ทาบไม่ติดกับพลังจิตวิญญาณที่ตกลงมาอย่างกับเม็ดฝนในท่ามกลางอากาศ
อย่างรวดเร็ว เกราะป้องกันของจิรกิตติ์ก็ไม่อาจต้านทานไหว เขาในตอนนี้ ทำได้เพียงอยู่ในสภาวะที่บีบบังคับให้ตั้งรับเท่านั้น
เพราะเหตุนี้ พลังจิตวิญญาณที่โจมตีรพีพงษ์ ธีรพัฒน์และธัชธรรมก่อนหน้านี้ก็ได้จางหายไปแล้ว
ทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน
“รพีพงษ์ นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว!”
ธีรพัฒน์พูดกล่าว
รพีพงษ์และธัชธรรมพยักหน้าพร้อมกันแล้ว!
ท่าหลิงอิ๋น!
สายฟ้าพิฆาต!
ฝ่ามือแผ่เมฆ!
ผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสามคนปล่อยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาแล้ว
เป้าหมายของพวกเขามีเพียงคนเดียว นั่นก็คือจิรกิตติ์ที่อยู่ห่างไกลจากตัวออกไปกว่าสิบเมตร!
ตุ้ม!
ทางฝั่งจิรกิตติ์ได้ถูกกองไฟกลืนกินหายไปแล้ว และกระบวนท่าของธีรพัฒน์และธัชธรรมก็โจมตีไปบนตัวของเขาได้อย่างแม่นยำ
ทั้งสามคนมองไปยังข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เมื่อหมอกควันจางลง สายตาของพวกเขาก็กลับกลายว่าระวังตัวขึ้นมาทันที
การโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างนี้ จิรกิตติ์จะฝืนทนไว้ได้เหรอ?
โชคดี ผลลัพธ์ดี ทิศทางของจิรกิตติ์ พื้นดินยุบเป็นหลุมลึกลงไปกว่าแปดเมตร รอบๆของหลุม ไม่มีต้นหญ้างอกขึ้น พืชทั้งหมดล้วนแต่ถูกเผาไหม้หมดแล้ว
และจิรกิตติ์ในช่วงเวลานี้ นอนอยู่ในหลุม เสื้อผ้าบนตัวของเขาถูกทำลายจนหมด เจ้าทวีปโอชวินผู้ทรงสง่าช่างน่าสงสาร ตอนที่ใกล้จะตายกลับว่าไม่มีเสื้อผ้าปิดบังร่างกายเลย
รพีพงษ์และพวกเขาทั้งสามคนเดินมายังหลุมที่อยู่ตรงหน้า
“รพีพงษ์ ลงมือจัดการเถอะ!”
ธีรพัฒน์พูดกล่าว และในขณะเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอีก ธีรพัฒน์และธัชธรรมทั้องสองคนก็แผ่ซ่านพลังจิตวิญญาณออกมาในเวลาเดียวกัน ล็อกตัวของจิรกิตติ์เอาไว้
รพีพงษ์ยกกระบี่สยบเซียนขึ้นสูง แล้วกระโดดลงไปในหลุมเลย
จิรกิตติ์เบิกตามองกว้าง เห็นกระบี่สยบเซียนเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดอยากจะลุกขึ้น กลับพบว่าไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
การต่อสู้ดำเนินการมาถึงตอนนี้ พลังจิตวิญญาณของเขาก็เกือบจะใช้จนหมดแล้ว เขาในตอนนี้ ทำได้เพียงมองตาปริบๆให้รพีพงษ์มาสับฆ่าตัวเอง
ยกมือขึ้นแล้วแทงเข้าไปอย่างรวดเร็ว การกระทำในครั้งนี้ของรพีพงษ์ลื่นไหลเหมือนน้ำ
ธีรพัฒน์และธัชธรรมถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองนั่งทรุดตัวลงกับพื้น
ด้วยความสามารถของพวกเขาก็ดี พลังจิตวิญญาณก็ดี ถึงขีดจำกัดแล้ว
หากการโจมตีครั้งสุดท้ายนี้ไม่สามารถเอาชนะจิรกิตติ์ได้ล่ะก็ ธีรพัฒน์และธัชธรรมก็เตรียมพร้อมที่จะระเบิดตัวเองแล้ว
“จิรกิตติ์ตายแล้ว!”
รพีพงษ์พูดเสียงดัง แววตาดุเดือดรุนแรง
ในช่วงเวลานี้ ตัวเองก็ได้รอคอยมานานมากแล้ว และเวลาที่ธีรพัฒน์และธัชธรรมรอคอยก็ยิ่งยาวนานกว่า!
ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของชาวจีนได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว รพีพงษ์ถึงขั้นกับทำเรื่องที่จอมมารชูร่าไม่เคยทำได้ในปีนั้นมาก่อนแล้ว
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สามพี่น้องตระกูลสุนธรประภาถูกขับไล่ออกจากโลกใบนี้ และคนที่ทำมาถึงจุดนี้ได้ ก็เป็นรพีพงษ์และกลุ่มสิงโตที่อยู่เบื้องหลังของเขา!
จิรกิตติ์ได้รับบทลงโทษที่เขาควรจะได้รับแล้ว และรพีพงษ์ก็ค้นพบได้อย่างรวดเร็ว ทางทวีปโอชวิน เดิมทีมีผู้แข็งแกร่งแดนดั่งเทพประมาณสามสิบคนได้ หลังจากที่ผ่านการสู้รบที่น่าตกตะลึงนี้ไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือได้รับผลกระทบจากการต่อสู้เมื่อสักครู่แล้ว
“เจ้า……เจ้านายหลิน ได้โปรด……ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”
คนของทวีปโอชวินคนหนึ่งพูดกล่าว ขาข้างซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บ เดินกะเผลก
“ใช่ เจ้านายหลิน ก่อนหน้านี้คุณเคยสัญญาว่า จะปล่อยพวกเราไป จะไว้ชีวิตพวกเรา” คนอื่นๆก็พูดกล่าวเช่กัน
ธีรพัฒน์มองไปยังพวกเขาอย่างเยือกเย็น เขารู้ว่า ไม่สามารถเก็บคนเหล่านี้ไว้ได้ หากปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ยังจะเป็นภัยคุกคามต่อโลกใบนี้เช่นเคย
ถอนหญ้าก็ต้องถอนให้ถึงรากถึงโคน เชื่อว่าเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ต้องเข้าใจดีเป็นแน่
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยสัญญาว่าจะให้อภัยพวกแก พูดแล้วก็ต้องทำได้” รพีพงษ์พูดอย่างนิ่งๆ
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้แล้ว คนเหล่านี้ถึงได้โล่งอกแล้ว
ตอนนี้ รพีพงษ์ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นเหมือนการมีอยู่ของเทพสังหารยังไงอย่างนั้น
“แต่ว่า ฉันแค่พูดว่าจะไว้ชีวิตพวกแกเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกแกจะไม่ได้รับการลงโทษ!” รพีพงษ์พูดกล่าวต่อ
สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก : “เจ้า……เจ้านายหลิน คุณจะทำอะไรพวกเรา?”
รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ง่ายมาก ฉันอยากจะให้พวกแกได้รับความเจ็บปวดของเข็มทิ่มกระดูก! ”