พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 131 ประมุขบ้านตระกูลกู่มาเอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 131 ประมุขบ้านตระกูลกู่มาเอง
บทที่131 ประมุขบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์มาเอง
กุมุทตกใจขนานใหญ่ ความดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเซ็งขึ้นมาทันที คาดว่าต่อไปบางแห่งก็คงจะมีอุปสรรค
“เย็ดแม่งเอ๊ย ใครวะ กล้ามาขัดเรื่องดีของกู ตกใจหมด!”
กุมุทตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง จากนั้นจึงหันหลังกลับเดินไปทางด้านหลัง พอเขาเห็นปิ่นพงศ์หายใจรวยระรินอยู่บนพื้น ก็ตกตะลึงขึ้นทันที
ปิ่นพงศ์มองไปทางกุมุท แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เสียดายที่ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
หลังจากกระเสือกกระสนอยู่ไม่กี่ที จึงหลับตา
กุมุทกลืนน้ำลายลงคอ คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดที่เก่งกาจที่สุดของเขาจะสู้รบจนมีสภาพแบบนี้ คนที่ลงมือ จะแน่ไปสักแค่ไหนเชียว
“เป็น……เป็นใครกัน”กุมุทเปิดปากพูดขึ้นมาคำหนึ่ง
รพีพงษ์เดินเข้ามาจากนอกประตู แววตามองกุมุทด้วยความเย็นชา
กุมุทรีบปั้นสีหน้าไม่น่าเชื่อ คิดไม่ถึงว่าคนที่เดินเข้ามาจะเป็นรพีพงษ์
“นี่……นี่เป็นไปได้ไงกัน!ข้างนอกมีคนอยู่ตั้งมากมาย นายบุกเข้ามาได้ไง!ปิ่นพงศ์……ก็โดนนายซ้อมเหรอ”กุมุทพูดอย่างตะลึง
รพีพงษ์มองดูอารียาที่นอนอยู่บนโซฟา พอเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาเดินตรงไปทางโซฟา โดยที่ไม่สนใจกุมุท
พออารียาเห็นรพีพงษ์เดินมา ความหวาดกลัวในใจก็ลดทอนลง รพีพงษ์ยื่นมือฉุดเธอขึ้นมาจากโซฟา แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่มีใครทำอะไรคุณได้”
จากนั้นเขาจึงหันตัวกลับ ถีบลงไปที่ท้องกุมุท กุมุทนั่งจุมปุ๊กลงบนพื้น เจ็บจนขบฟันกรอดๆ
“แกกำลังรนหาที่ตาย”
รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชาขึ้น มือคว้าผมของกุมุทเอาไว้ อีกมือโอบกอดอารียา แล้วเดิน
ออกไปจากห้อง
กุมุทโดนรพีพงษ์ถีบจนหมดแรง โดยที่แทบจะไม่สามารถต่อต้าน
ทั้งสามคนเดินไปตามระเบียงทางเดิน กุมุทเห็นระเบียงทางเดินมีคนนอนขวางเต็มไปหมด ทั้งหมดเป็นคนที่เขาเตรียมมารับมือกับรพีพงษ์ทั้งนั้น
อารียาเองก็มองระเบียงทางเดินด้วยความตกตะลึงเช่นกัน คนมากมายก่ายกองนอน
ขวางเต็มพื้นแบบนี้ ไม้พลองตกพื้น ภาพตรงหน้าช่างน่าตกตะลึงเสียจริง
ในใจกุมุทเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้เป็นกองคนที่รพีพงษ์จัดการ อย่างไรเสียรพีพงษ์ก็เป็นเพียงแค่สวะคนหนึ่งเท่านั้น
หรือว่ามียอดฝีมือที่ไหนมาแอบช่วยเขา
แต่ว่าใครมาจะมาช่วยไอ้สวะนี่ล่ะ
ในเวลานี้ ในใจกุมุทเต็มไปด้วยความสงสัย ถ้าไม่มีใครมาช่วยรพีพงษ์ คนพวกนั้นรพีพงษ์จัดการเองหมดเลยเหรอ
คิดมาถึงตรงนี้ กุมุทก็รู้สึกขนหัวลุก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง รพีพงษ์ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
รพีพงษ์กระชากกุมุทมาที่กลางบาร์เหล้า คนที่นี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ระเบียงทางเดิน ทุกคนต่างก็มองชายคนนั้นเต้นรำอยู่กลางโต๊ะ
ตอนนี้บนตัวผู้ชายคนนั้นไม่มีเสื้อผ้าอยู่แล้ว เขายืนสีหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่กลางโต๊ะ ตอนนั้นพวกสาวๆก็กลับเข้ามาในโถงแล้ว และก็จ้องชายผู้ที่แอบยิ้มอยู่บนโต๊ะ
กุมุทเห็นฉากนี้เข้า สีหน้ายิ่งน่าเกลียด จึงตะคอกออกไป“ยังจะยืนดูหาหอกอะไรล่ะ!มาช่วยฉันเร็วเข้า!”
คนส่วนมากตกใจไปกับเสียงของกุมุท ต่างก็หันหน้ากลับมาดู ต่างก็เห็นว่าเขาโดนรพีพงษ์กำผมลากเข้ามา ต่างมีสีหน้าตกตะลึง
รพีพงษ์ให้อารียานั่งที่นั่งริมๆ จากนั้นจึงมองไปที่ฝูงชนอย่างเย็นชา พูดเสียงเย็นชาว่า“ใครอยากช่วยเขา ก็เข้ามา”
ทุกคนต่างไม่คิดว่าสวะอย่างรพีพงษ์จะพูดจาแบบนี้กับพวกเขา ต่างมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
แน่นอนว่า ถ้าพวกเขาได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ระเบียงทางเดิน เกรงว่าคงจะไม่กล้าแม้แต่สบอารมณ์
“รพีพงษ์ นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นายรีบปล่อยคุณชายกุมุท เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์เชียวนะ นายทำกับเขาแบบนี้ จะเดือดร้อนมาถึงพวกเราตระกูลฉัตรมงคล!”ธายุกร
ชิงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
เมื่อทุกคนต่างได้ฟังคำพูดของธายุกรแล้ว ต่างก็รีบกล่าวโทษไปยังรพีพงษ์
“ไอ้สวะ กล้าทึ้งผมคุณชายกุมุทแบบนี้เลยเหรอ แกไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม”
“คุณชายกุมุทเป็นทายาทสืบทอดตระกูลกุลสวัสดิ์เชียวนะ แกทำกับเขาแบบนี้ ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”
สวะนี่ช่างไม่มีหัวสมองเลย กล้ามาทำกับคุณชายแบบนี้ ฉันว่าไม่น่าจะแค่มันหรอก ใครที่เกี่ยวข้องกับมันก็จะพลอยโดนไปด้วย”
……
ธายุกรกลัวว่ารพีพงษ์จะทำอะไรที่เลยเถอด กลัวว่าตระกูลฉัตรมงคลจะเดือดร้อนเพราะเขา จะวุ่นไปกันใหญ่ จึงรีบระดมคน“พวกเราขึ้นหน้าไปพร้อมกัน ช่วยคุณชายกุมุทออกมา ไอ้สวะนี่มันก็แค่แรงเยอะหน่อยก็แค่นั้น”
ได้ยินธายุกรพูดแบบนี้ ทุกคนต่างก็มองเขาด้วยความดูแคลน กุมุทโดนเขาซ้อมก็ด้วยคำพูดแบบนี้แหละ
แต่ว่าพวกเขาคนเยอะ ถ้าจะแห่ขึ้นไปพร้อมกัน รพีพงษ์ไม่มีใครช่วยแน่นอน
“แม่งเอ๊ย เราปล่อยให้สวะมันรังแกคุณชายกุมุทแบบนี้ได้ไง ขึ้นไปเร็ว จัดการมัน!”
คนกลุ่มหนึ่งต่างแห่ขึ้นหน้าไปหารพีพงษ์
รพีพงษ์มองพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา พูดขึ้น“ในเมื่อทุกคนรนหาที่ตาย ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจแล้วกัน!”
ธายุกรแค่นเสียงเย็นชา“รพีพงษ์ หยุดตอแหลได้แล้ว บอกไรให้ ถ้าวันนี้แกกล้าแตะต้องพวกเราคนใดคนหนึ่งแม้แต่ปลายขน ฉันจะกลับไปบอกให้คุณปู่ไล่แกออกจากตระกูลฉัตรมงคล!”
รพีพงษ์ออกแรงจับมือกุมุท ผมบนหัวของกุมุทจึงโดนกระชากทิ้งลงมาอย่างแรง
กุมุทเจ็บจนร้องโอดโอย เขาจ้องถมึงไปที่ธายุกร ตะโกนว่า“ถ้าพวกมึงยังปากมากอีก กูจะเย็บปากพวกมึง!”
ธายุกรรีบเอามือปิดปากตนเองสนิท เขาจะไปรู้ได้ไงว่ารพีพงษ์จะทึ้งผมกุมุท
คนกลุ่มหนึ่งแห่กันมาล้อมวงรพีพงษ์ ต่างก็ดูอยากจะสั่งสอนรพีพงษ์สักตั้ง
ในเวลานี้เอง จู่ๆคนๆหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามา พอเห็นกุมุทที่โดนรพีพงษ์กระชากผมจนลงไปนั่งกองกับพื้น ก็ตกตะลึง
“คุณชายครับ คุณท่านมาแล้วนะครับ”คนๆนั้นเปิดปากพูด
กุมุทได้ยิน แววตาเป็นประกาย รีบถามขึ้น“ท่านมาเองเหรอ ท่านพาบอดี้การ์ดมาด้วยไหม”
“บอดี้การ์ดมาพร้อมคุณท่านครับ”คนนั้นตอบ
กุมุทวางใจลงทันที จากนั้นเงยหน้าจ้องรพีพงษ์อย่างดุดัน เอ่ยปากขึ้น“ไอ้โง่ พ่อกูมาแล้ว บอดี้การ์ดเขาเก่งกาจกว่าแกมาก แกกล้าดีกับฉัน รอตายซะเถอะมึง!”
รพีพงษ์สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก ราวกับว่าคุณพ่อของกุมุทมาแล้ว เขาก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
พอทุกคนฟังคนๆนั้นพูด ก็ตกใจไปตามๆกัน ต่างก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยแววตาสมน้ำหน้า
“ไอ้หนุ่ม แกยังไม่รีบปล่อยคุณชายกุมุทอีกเหรอ ท่านปู่กู่มาแล้วนะ แกยังไม่รู้หรือไงว่าหมายความว่าไง”
“ดูท่าไอ้โง่นี่ จะไม่รู้ว่าท่านปู่กู่จะมาที่นี่มั้ง ตอนนี้คิดกลับใจก็ไม่ทันแล้วล่ะ ถ้าท่านปู่กู่มาเห็นว่าคุณชายกุมุทโดนรังแกแบบนี้ ท่านไม่ยอมแน่นอน”
“จุ๊ๆ วันสิ้นโลกของเจ้าหนุ่มนี่มาถึงแล้ว ท่านปู่กู่ถนอมคุณชายอย่างกับอะไรดี ถ้ารู้ว่าคุณชายโดนแบบนี้ จะต้องถลกหนังเจ้าหนุ่มนี่แน่ๆ!”
……
ธายุกรได้ยินเสียงของท่านปู่ตระกูลกุลสวัสดิ์ มาถึงแล้ว จึงรีบลุกขึ้น จะยังไงรพีพงษ์ก็มีความเกี่ยวดองกับตระกูลฉัตรมงคล ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้ตระกูลกุลสวัสดิ์เริ่มหาเรื่องตระกูลฉัตรมงคล ต่อไปตระกูลฉัตรมงคลคงจะลืมตาอ้าปากไม่ได้
เขารีบมายืนตรงหน้ารพีพงษ์ ตะคอกว่า“แกหูหนวกหรือไง รีบปล่อยคุณชายสิ แกอยากตาย ก็อย่าดึงตระกูลฉัตรมงคลเข้าไปซวยด้วย!”
“หึๆ กลัวแล้วเหรอ แล้วตอนที่เหน็บแนมผม ก็ไม่เห็นจะปราณีกันบ้างเลย”รพีพงษ์ยิ้มให้
ธายุกรกระทืบเท้า จ้องรพีพงษ์“คุณท่านรักคุณชายมา ถ้าไปรังควานคุณชายเข้า ไม่มีจุดจบที่ดีหรอก ฉันหวังดีกับแกนะ รีบปล่อยคุณชายซะ!”
รพีพงษ์ยักไหล่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยกุมุทแม้แต่นิดเดียว
อารียาเดินมาข้างๆรพีพงษ์ พูดโน้มน้าวว่า“รพีคะ ช่างเถอะค่ะ พวกเราไปหาความกับเขาไม่ได้หรอก พอพวกเขาโกรธขึ้นมา เราจะรับไม่ไหว”
รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้น “ต่อให้ผมปล่อยเขา คุณคิดว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะไม่หาเรื่องเราเหรอ อีกอย่างคุณสบายใจได้นะ คนแก่อย่างกุนลโรจน์ ไม่กล้าทำอะไรผมหรอก”
กุมุทด่าทอออกไป“แม่งเอ้ย แกคิดว่าแกเป็นใคร คิดว่าพ่อฉันไม่กล้าทำอะไรแกงั้นเหรอ ฝันไปเถอะแก!”
“ฉันบอกแกให้นะ ถ้ามึงยังไม่ปล่อยฉันอีก ฉันไม่ได้จะจัดการแกคนเดียว พ่อฉันก็จะจัดการโคตรเหง้าแกด้วย แล้วถ้าตระกูลฉัตรมงคลฉิบหายเพราะแก อารียายังจะอยู่กับแกไหม!”
ธายุกรหน้าถอดสี เขาแทบจะคุกเข่าขอร้องรพีพงษ์ ว่าให้ปล่อยกุมุท
ส่วนรพีพงษ์สีหน้าไม่ยี่หร่า ราวกับไม่สนใจว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะทำอะไรบ้านฉัตรมงคล
ไม่นาน บาร์เหล้าด้านนอกมีเสียงฝีเท้าลอดเข้ามา คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในบาร์เหล้า
และคนที่นำกลุ่มคนนั้น ก็คือกุนลโรจน์
เขาได้ข่าวว่าวันนี้กุมุทจัดงานเลี้ยงเหล้าที่นี่ ก็เลยอยากจะมาดู
ด้านหลังกุนลโรจน์เป็นชายสวมสูทสามสี่คน และชายสวมแว่นตาดำ คนเหล่านี้ร่างกายกำยำยืนตัวตรง แค่ท่ายืน ก็ให้ความรู้สึกว่าพร้อมระเบิดตลอดเวลา
พอกุนลโรจน์เข้ามา เห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ จึงขมวดคิ้วขึ้น
กุมุทเห็นกุนลโรจน์เข้ามา ก็ไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไป รีบสะบัดมือให้หลุดจากรพีพงษ์
วิ่งไปอยู่ตรงหน้ากุนลโรจน์
“กุมุท เกิดอะไรขึ้นลูก ลูกจัดงานเลี้ยงเหล้าที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
กุมุทรีบฟ้องพ่อ“คุณพ่อครับ งานเลี้ยงเหล้าโดนไอ้โง่คนหนึ่งมันพังครับ ถ้าคุณพ่อมาช้าอีกนิด ไม่แน่ว่าลูกชายคุณพ่อคงโดนซ้อมตายไปแล้ว!”
กุนลโรจน์รีบถลึงตาขึ้น พูดเสียงเย็นชา“ใครหน้าไหน กล้ามาซ้อมลูกชายกู!”
ธายุกรเห็นกุนลโรจน์บันดาลโทสะ จึงแอบด่ารพีพงษ์อยู่ในใจ เพื่อที่จะให้หลุดพ้นการเกี่ยวดองกับรพีพงษ์ ธายุกรรีบเดินขึ้นหน้า พูดว่า“ท่านปู่กู่ คนที่ซ้อมคุณชายชื่อรพีพงษ์ครับ เป็นสวะที่ขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ แม้ว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฉัตรมงคลนิดหน่อย แต่เรื่องซ้อมคุณชาย เขาทำคนเดียว ไม่เกี่ยวกับตระกูลฉัตรมงคลนะครับ”
กุนลโรจน์แค่นเสียงเย็นชา พูดขึ้น“มันอยู่ไหน”
กุมุทรีบชี้ไปที่รพีพงษ์ ทุกคนที่อยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ต่างหลีกทางออก ให้กุนลโรจน์เห็น
รพีพงษ์ชัดๆ
ในตอนที่สายกุนลโรจน์จับจ้องไปที่รพีพงษ์ จู่ๆเขาก็รู้สึกตัวแข็งทื่อ
นี่เป็นคุณชายคนเมื่อวานที่โยษิตาพาเข้าพบนี่!
กุนลโรจน์ผู้มีท่าทีดุดันในตอนแรกรีบเก็บอาการ แล้วเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มทันที พูดกับ
รพีพงษ์ว่า“คุณ……”
คำพูดยังไม่ทันหลุดออกจากปาก รพีพงษ์ก็จ้องถมึงทึงไปที่เขา กุนลโรจน์นึกถึงคำพูดของโยษิตาที่ว่า ห้ามเปิดเผยฐานะของรพีพงษ์ เขาจึงรีบเปลี่ยนคำเรียก
“น้องชายคนนี้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกของผมไปสร้างความเดือดร้อนให้คุณเข้าใช่หรือไม่”
รพีพงษ์พยักหน้า พูดว่า “ลูกชายของท่านอาศัยนามในงานเลี้ยง เข้าลวนลามภรรยาของกระผม ถ้าผมมาหยุดไว้ไม่ทัน คาดว่าตระกูลกุลสวัสดิ์ทั้งตระกูลคงต้องชดใช้โทษนี้”
กุนลโรจน์หน้าถอดสี เขารู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี ที่ผ่านมามีแต่เขาเท่านั้นที่หาเรื่องคนอื่น ไม่เคยมีใครกล้ามาหาเรื่องเขาอย่างไร้สาเหตุ
ดังนั้นคำพูดของรพีพงษ์เชื่อถือได้แน่นอน
เขาหันไปถามกุมุทอย่างเดือดดาล“เป็นความจริงหรือไม่”
ทุกคนต่างประหลาดใจ ประมุขผู้น่าเกรงขามของตระกูลกุลสวัสดิ์ พอฟังคำพูดรพีพงษ์ ทำไมจู่ๆท่าทีเปลี่ยนไป
กุมุทเองก็ตกตะลึง แต่ก็ไม่คิดมาก คิดว่าบิดาจะต้องเข้าข้างตนอยู่แล้ว จึงพยักหน้าพูดว่า“แม้ว่าเขาจะพูดไม่ผิด แต่ผมก็ยังไม่ได้แตะต้องเมียเขาเลยนี่ครับ อีกอย่างเขาซ้อมผมแล้ว คุณพ่อครับ คุณพ่อจะต้อง……”
กุมุทพูดไม่ทันจบ กุนลโรจน์จึงตบฉาดลงไปที่ใบหน้าเขาอย่างแรงดังผัวะใหญ่
กุมุทล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง