พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 127 คำเชิญของกุมุท
บทที่ 127 คำเชิญของกุมุท
รพีพงษ์หันกลับไป ดูข้างหลัง พบว่าวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง และข้างๆกายของเขา เลปกรที่ใส่เฝือก
ใบหน้าโหดร้ายของเลปกรกำลังเพ่งไปยังรพีพงษ์ แล้วพูดว่า “คุณชาย นี่คือรพีพงษ์ แขนของผมก็โดนมันนี่แหละตัดจนหัก ท่านต้องแก้แค้นให้ผมนะครับ! ”
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเลปกร ก็คาดเดาถึงตัวตนของวัยรุ่นคนนี้ได้
“คุณคือกุมุท” รพีพงษ์ถาม
กุมุทหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ คิดไม่ถึงว่าคุณรู้จักชื่อของผมด้วย
ดูๆแล้วแม่ยายชั้นต่ำคนนั้นของคุณได้บอกคำพูดของผมที่ฝากไปบอกคุณแล้ว เป็นไง เตรียมพร้อมที่จะก้มหัวสารภาพผิดต่อผมหรือยัง?”
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เกิดสะดุดขึ้นมา ชื่อของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว ใครก็คิดไม่ถึงว่าคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์
จะมาปรากฎตัวที่นี่
แล้วฟังคำพูดที่เขาสื่อความหมายออกมานั้น ผู้ยืนหยัดบนความถูกต้องคนนี้เหมือนว่ากำลังจะบาดหมางกัน
“เด็กคนนี้กำลังจะโชคร้ายแล้วล่ะสิ ดันไปยั่วโมโหคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ จุดจบไม่สวยแน่นอน ”
“ดูๆแล้วการยืนหยัดบนความถูกต้องก็ต้องดูให้แน่ชัดว่าเผชิญกับคนของใคร ชญตว์นั่นเป็นคนของคุณชายกุมุท
ไม่มีทางให้ปล่อยเด็กคนนี้ง่ายๆแน่ ”
“พุ้ย พุ้ย ยืนหยัดบนความถูกต้องมันดีเลิศเกินจริง ไม่รู้ว่าจะไปยั่วโมโหเอาคนของใครนะสิ ต่อไปนี้อยู่นิ่งๆคือดีที่สุด ”
……
ความจริงอารียารู้สึกว่าได้แก้ไขปัญหารพีพงษ์แล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าชญตว์นี่เป็นคนของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์
อีกทั้งกุมุทก็ยังออกมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้อีกด้วย ครั้งนี้ทำให้อารียาเริ่มกังวลใจแทนรพีพงษ์อีกแล้ว
“คุณคิดว่าตำแหน่งเล็กๆของคุณในตระกูลกุลสวัสดิ์ จะสามารถขู่ผมได้หรอ?” รพีพงษ์เพ่งต่อกุมุทพลางพูด
คนหมู่มากต่างถกกัน ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์อยู่ต่อหน้ากุมุทแล้วจะหยิ่งผยองได้ขนาดนี้ ล้วนแต่รู้สึกว่าตอนนี้รพีพงษ์ค่อนข้างบ้าไปแล้ว
นั่นคือคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ คุณชายแห่งตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งเมืองริเวอร์ พวกเขาคิดว่าคำพูดประโยคนี้ของรพีพงษ์ อวดเก่งจนค่อนข้างเกินไปแล้ว
“เด็กคนนี้หัวแข็งจริงๆ คิดว่าวันนี้คุณชายกุมุทไม่ปล่อยเขาแน่นอน”
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มคาดเดาออกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อรพีพงษ์ในวันนี้
ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าก็แสดงออกถึงรอยยิ้มอย่างดูแคลน แล้วกล่าวว่า “ดูๆแล้วมึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยจริงๆ
วันนี้ไม่ให้มึงลิ้มลองฝีมือของกูสักหน่อย เกรงว่ามึงจะไม่มีตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่ในสายตาเสียแล้ว
อารียาเห็นกุมุทเริ่มจัดการลงมือกับรพีพงษ์แล้ว ในใจเต็มไปด้วยความร้อนใจ เธอกลัวว่ารพีพงษ์จะเกิดอันตรายขึ้น จึงรีบวิ่งออกไป ยืนบังอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์
คุณชายกุมุท ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่พวกเราไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคนใหญ่คนโตอย่างคุณจะใจกว้าง ให้อภัยพวกเราสักครั้ง อารียากล่าว
รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าอารียาจะวิ่งเข้ามาขอความเห็นใจแทนเขาอย่างทันที ถึงแม้อารียาจะขอไม่ขอความเห็นใจในความคิดเขายังไงก็ได้ แต่ในใจเขามีความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้น
กุมุทเห็นอารียาในแวบแรก ถึงกับตะลึง
เขาในฐานะที่เป็นคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์ ปกติเห็นผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงกับมีดาราระดับล่างบางส่วน อยากเกาะติดตระกูลกุลสวัสดิ์ตระกูลนี้
แต่กุมุทก็ไม่เคยมีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้นกับผู้หญิงเหล่านี้เลย แต่ไหนแต่ไรก็แค่เล่นๆแล้วทิ้งไป
แต่เมื่อเขาได้สัมผัสถึงอุปนิสัยที่พิเศษของอารียาเข้า บางส่วนในใจก็รู้สึกคลายขึ้นมาทันที
นี่สิถึงจะเป็นผู้หญิงที่กุมุทเขาต้องการอยากได้ ผู้หญิงเหล่านั้นที่วันๆแต่งตัวไม่ทำอะไรเมื่อเทียบกับอารียาแล้ว แทบจะเทียบกันไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกของกุมุทที่เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้น ความคิดแรกในใจเขาตอนนี้คือ เขาต้องได้ผู้หญิงคนนี้มาครอบครอง
ตอนนี้ชญตว์ได้ยืนขึ้นจากพื้น เดินไปอยู่ข้างๆของกุมุท แล้วกล่าวว่า “คุณชาย ท่านต้องตัดสินแทนพวกเรานะ
ต่อยไอ้โง่ที่ไม่รู้จักถูกผิดซักตั้ง ให้เขารู้ถึงความร้ายกาจของตระกูลกุลสวัสดิ์ของเรา!”
กุมุทหันกลับมา แล้วชักตาไปยังชญตว์ทันที ปล่อยหมัดต่อยไปอย่างเร็ว บนหน้าของชญตว์หนึ่งหมัด ทำเอาเขาลงไปนอนบนพื้นต่อ
“ใครคือคุณชายของมึง? มึงยังมีหน้าพูดว่ามึงเป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์อีกหรอ? ตระกูลกุลสวัสดิ์
ของกูจะเลี้ยงพวกรังแกคนที่อ่อนแอกว่ากลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าแบบพวกปลวกอย่างพวกมึงได้ยังไงกัน?”
เขาอยากให้อารียาเก็บภาพลักษณ์ดีๆของเขาไว้สักครั้ง จึงต้องตัดความสัมพันธ์กับอันธพาลชญตว์โดยปริยาย
ทุกคนหยุดชะงักชั่วขณะ ไม่คิดมาก่อนว่ากุมุทที่ฃ่วยออกหน้ารับแทนชญตว์นั้น จะแตกคอไม่รู้จักกันแล้วเสียอย่างนั้น
ใบหน้าของชญตว์เต็มไปด้วยความน้อยใจ ปิดหน้าของตัวเองพลางมองไปที่กุมุท แล้วกล่าวว่า “คุณชาย……"
“ใครแม่งคือคุณชายของมึง ตีสนิทกับกูให้น้อยๆหน่อย” กุมุทชักตาไปที่ชญตว์หนึ่งครั้ง
ชญตว์ตกใจขึ้นมาทันทีจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ขยับออกไปอีกฝั่งอย่างสงบ
อารียาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เห็นว่ากุมุทไม่คิดจะลงมือ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
“คนสวย คุณไม่ต้องกลัวนะ อันธพาลพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจต่อหน้าผม”กุมุทหัวเราะพลางพูด
เลปกรที่ยืนอยู่ข้างๆกุมุทเสียอารมณ์นิดหน่อย เขารู้ว่ากุมุทชอบอารียาเข้าแล้ว วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้ล้างแค้นแทนเขาเสียแล้ว
“งั้นขอบคุณมากเลย เมื่อกี๊รพีพงษ์ก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้ขุ่นเคืองใจ คุณไม่ติดใจก็ดีแล้ว”อารียากล่าว
“ผมจะติดใจได้อย่างไร เขาก็แค่เศษสวะตัวหนึ่งเท่านั้น ผมไม่เก็บเอามาใส่ใจ ไม่ทราบว่าคนสวยกับเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?” กุมุทหัวเราะพลางถาม
“เขาคือสามีของฉัน” อารียาพูดอย่างฉะฉาน
กุมุทหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่านี่คือภรรยาของรพีพงษ์
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เมื่อได้ยินว่าเป็นสามีภรรยากันเหมือนกับมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น
ในตอนนั้นกุมุทรู้สึกว่าตนเองเริ่มถูกใจ แต่นี่ก็แค่เขาอยากเปลี่ยนรสชาติบ้างเท่านั้น ดูแล้วอารียาไม่ได้เป็นคนที่จะได้มาง่ายๆ ยิ่งเป็นแบบนี้ เขายิ่งอยากได้
เทียบกับถูกใจ เขาอยากให้อารียามาเป็นหนึ่งในเหยื่อของเขามากกว่า ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง จะหลงใหลในผู้หญิงสักคนได้อย่างไรกัน มากสุดก็แค่อยากลิ้มลองความรู้สึกที่ได้มาอย่างรวดเร็วก็แค่นั้น
“คนสวย เท่าที่ผมรู้มา รพีพงษ์นี่เป็นเศษสวะที่ขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ คุณอยู่กับเขา ก็เพียงได้รับแต่ความไม่ยุติธรรม
สู้คุณไตร่ตรองเรื่องหย่ากับเขาสักหน่อย แล้วมาอยู่กับผม?” กุมุทหัวเราะพลางพูด
สีหน้าคนหมู่มากล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ไม่คาดคิดว่ากุมุทจะชอบอารียาเข้าแล้ว
อารียาขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วเล่า ไม่คาดคิดว่ากุมุทจะมาแนวนี้
“ขอโทษนะ ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้”
พูดจบ อารียาก็พารพีพงษ์จากไป
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของกุมุท จึงอยากที่จะจัดการเขาสักครั้ง อารียารับรู้ได้ถึงความโกรธของรพีพงษ์
กลัวว่าเขาจะยั่วโมโหให้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก จึงใช้กำลังลากรพีพงษ์ ให้เขาเดินไปพร้อมกับตนเอง
“ถ้าคุณยังไม่ไปกับฉันอีก ฉันจะโกรธคุณแล้วนะ”
รพีพงษ์เสียอารมณ์ ทำได้เพียงเดินตามอารียาออกไปอีกทางเท่านั้น
แต่กุมุทนี่ชั่งกล้าที่จะเรียกร้องความสนใจจากอารียา งั้นรพีพงษ์ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปแน่นอน จัดการเขาก็เป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลาจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
“คุณลองไตร่ตรองดูอีกครั้งนะ ผมจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ” กุมุทหัวเราะพลางตะโกนออกไป
สิ่งไหนที่ยิ่งเอื้อมไม่ถึง เขาก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งกว่านั้นศัตรูของเขาก็แค่สวะตัวหนึ่ง
เขาคิดว่าตนเองแกร่งกว่ารพีพงษ์เป็นร้อยเท่า ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ได้อารียามาครอบครอง
“พรุ่งนี้จัดปาร์ตี้ให้กูสักงาน ทำการ์ดเชิญให้คนสวยคนนี้ด้วยสักใบ กูจะทำให้เธอรู้ถึงความแกร่งของกูกุมุท” กุมุทพูดกับเลปกร
“คุณชาย ผู้หญิงคนนั้นดูๆแล้วไม่ได้เป็นพวกผู้หญิงที่อะไรก็ได้ประเภทนั้นนะ เชิญเธอ เธอก็ไม่น่าจะมานะ” เลปกรกล่าว
กุมุทหันหัวกลับไปมองเลปกร แล้วกล่าวว่า “มึงแม่งบ้าเปล่าวะ เธอไม่อยากมา ครอบครัวของเธออยากให้เธอมาแน่นอน
มึงเอาการ์ดเชิญให้กับยัยบ้าคนนั้นก็จบแล้ว กูไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการ์ดเชิญของกูกุมุท”
เลปกรรีบพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า “รับทราบ!”
“โอเคล่ะ มึงกลับไปก่อน พ่อกูบอกว่าวันนี้จะพากูไปเจอคนใหญ่คนโต ได้ยินว่ามาจากเกียวโต กูต้องทำตัวให้ดูดีหน่อย
ไม่แน่ถ้ารู้จักผู้ใหญ่ท่านนี้ ตำแหน่งของเมืองริเวอร์ของตระกูลกุลสวัสดิ์ของกู จะสามารถขยับขึ้นได้อีกระดับ” กุมุทกล่าว
ไม่นานกุมุทก็ปรากฎตัวที่หน้าประตูของโรงแรมซินหล่อเฮ้าส์
หลังจากเดินเข้าไปข้างในแล้ว กุนลโรจน์ออกมารับเขา กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมว่า “เดี๋ยวอีกสักแป๊บที่แกต้องเจอ
เป็นคนใหญ่คนโตของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต ตื่นตัวให้ฉันหน่อย หากแกพูดผิด ตระกูลกุลสวัสดิ์ของพวกเราก็จะพังยับเยินไปพร้อมๆกัน รู้แล้วใช่มั้ย?”
พยักหน้า พูดว่า “วางใจเถอะพ่อ ผมรู้อันไหนควรไม่ควร”
ทั้งสองคนเดินหน้าเข้าไปพร้อมกัน จนถึงด้านหน้าของโยษิตา
“คุณโยษิตา นี่คือลูกชายของผม กุมุท เขาได้พบคุณสักครั้ง ถือเป็นเกียรติต่อตระกูลกุลสวัสดิ์ของผมจริงๆ” กุนลโรจน์หัวเราะพลางพูด
โยษิตาเงยหน้าขึ้นมาดูกุมุทพูดอย่างเรียบๆทันทีว่า “ดูๆแล้วไม่เลวนะ แต่เทียบกับหลายชายของฉันแล้ว ยังห่างไกลกันมาก”
“คุณโยษิตาพูดถูกครับ ลูกชายของผมไม่สามารถเทียบกับหลานชายของท่านได้อยู่แล้วครับ ท่านนั้นถือเป็นคนที่อัจริยะจริงๆ”กุนลโรจน์
รีบประจบสอพลอแล้วกล่าว
กุมุทไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงใคร แต่ในใจคิดอยู่แล้วว่าหากเป็นหลานชายของผู้ใหญ่คนนี้ งั้นต้องเยี่ยมยอดเป็นแน่
……
หลังจากที่อารียาพารพีพงษ์เดินออกจากถนนเส้นนั้นแล้ว จึงจะรู้สึกโล่งอกสักนิด
เธอหันหน้าไปหารพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “จากนี้ไปอย่าวู่วามแบบนี้อีกได้มั้ย?”
รพีพงษ์หัวเราะพลางกล่าว “ไม่เป็นไรจริงๆ พวกเขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
อารียากัดริมปาก ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรรพีพงษ์ได้หรือไม่ ตนเองก็ยังเป็นห่วงอยู่นั่นแหละ ไอ้บ้านี่ดูไม่ออกจริงๆหรอเนี่ย?
เธอยิ่งคิดยิ่งโมโห ไม่สนใจรพีพงษ์แล้วแต่อย่างใด
รพีพงษ์เผชิญหน้ากับปัญหานี้เข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรมาก เห็นอารียาไม่สนใจเขา เขาจึงคิดว่าอารียาคงไม่อยากที่จะสนใจเขาอีกต่อไปแล้ว
เพราะตอนนั้นอารียาก็พูดออกมาแล้วว่าถ้าไม่มีเขา ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ แล้วกล่าวว่า “พวกเราไปทานข้าวด้วยกันเถอะ”
อารียาคิดว่ารพีพงษ์จะเข้าใจความหมายของเขาแล้ว เลยไม่โกรธอีกต่อไป มองดูเขาพร้อมพยักหน้า
ทั้งสองคนไปหาร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมกัน ตอนรับประทานอาหารทั้งสองคนต่างคนก็ต่างเงียบ ต่างคนก็ต่างคิดเรื่องภายในใจของตนเอง
หลังกินข้าวเสร็จแล้วกลับบ้าน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีคราม ดงเย็นเปลี่ยนเป็นสีสันต์สว่างไสวจากโคมไฟ ในราตรีแห่งเมืองริเวอร์ กลายเป็นวิวที่สวยงาม
รพีพงษ์และอารียาเดินเข้าไปในวิลล่า ศศินัดดาเห็นอารียากลับมา รีบต้อนรับอย่างมีความสุขและดีใจ
“ลูก เธอกลับมาสักที ทานข้าวหรือยัง?” ศศินัดดาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
อารียาไม่รู้เลยว่าทำไมศศินัดดาถึงได้กระตือรือร้นขนาดนี้ ก็พยักหน้าไป แล้วกล่าวว่า “แม่เป็นอะไรหรือเปล่า?”
วันนี้ถ้าพูดตามเหตุผลศศินัดดาโดนตบไปสองครั้ง ไม่ควรจะมีความสุขขนาดนี้จึงจะถูก แม้แต่ศักดาที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เหมือนจะค่อนข้างมีความสุข
ศศินัดดายื่นแขนส่งการ์ดเชิญที่ทำอย่างสวยงามให้กับอารียา อารียารับมาและดู เห็นว่าเขียนเชิญเธอเข้าร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่ง
“นี่ใครเป็นคนให้มา” ปกติฉันจะไม่เข้าร่วมงานแบบนี้” อารียากล่าว
“นี่เป็นคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ให้นะสิ ลูกสาวที่ติ๊งต๊องของฉัน โชคของเธอนี่มันดีจริงๆ ถึงแม้วันนี้จะโดนคุณชายกุมุทตบไปหนึ่งครั้ง แต่ตอนที่เขาจัดคนมาส่งการ์ดเชิญนั้น ได้มอบของขวัญไม่น้อยเป็นสิ่งปลอบใจให้กับฉัน ถ้าเธอสามารถเกาะตระกูลกุลสวัสดิ์ได้นะ
จากนี้ไปพวกเราก็จะกินอิ่มนอนหลับสบายไม่ต้องเครียดอะไรแล้ว” ศศินัดดาหัวเราะพลางพูด
สีหน้าของอารียาเริ่มถอดสี ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการ์ดเชิญที่กุมุทส่งมาให้
“แม่เอาการ์ดเชิญนี้ทิ้งไปเถอะ ฉันจะไม่มีทางไป” อารียาส่งการ์ดเชิญกลับไป
ศศินัดดาเริ่มร้อนใจ แล้วกล่าวว่า “แกบ้าหรือเปล่า งานเลี้ยงของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ แกไปแล้วไม่เพียงรู้จักคุณชายกุมุท
ยังได้รู้จักเพื่อนๆของเขาด้วย เพื่อนของเขาเหล่านั้นล้วนต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างแน่นอน ทำไมแกไม่ไป!”
“ไม่อยากไป ฉันจะกลับห้องไปนอนแล้ว” อารียากล่าว
ศศินัดดารีบดึงอารียาไว้ทันที แล้วใช้น้ำเสียงที่คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ตะโกนออกมา “อารียา ถ้าแกไม่ไป
ฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์กับแก ฉันกับพ่อแกกำลังชี้ทางให้แกมีอนาคตที่ดีอยู่นะ ทำไมแกช่างเหมือนกับรพีพงศ์ไอ้สวะนั่น
มีโอกาสที่ดีขนาดนี้ยังไม่คว้าไว้อีก!”