พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร
บทที่126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพยักหน้าเล่า แล้วเอ่ยว่า”รอให้วันไหนเขายั่วโมโหผมก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กุนลโรจน์เริ่มไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าประโยคที่รพีพงษ์กล่าวมานั้นหมายความว่าอย่างไร
แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้แค่พยักหัวให้กับรพีพงษ์เท่านั้น แล้วกล่าวว่า “ ใช่ครับ คุณชายน้อย หากลูกชายที่ไม่เอาไหนของผมกล้ายั่วโมโหคุณท่าน ให้คุณท่านบอกกับผม ผมจะจัดการกับเขาเอง! ”
“พอแล้วพอแล้ว ลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของแกคนนั้นจะสามารถยั่วโมโหคนในตระกูลลัดดาวัลย์ได้อย่างไรกัน ถึงแม้รพีพงษ์จะแย่แค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าพวกแกจะรังแกเขาได้ง่ายๆ ” โยษิตาเอ่ยปากพูดออกมาประโยคหนึ่ง
กุนลโรจน์รีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไม่กล้าพูดอีกเลย
โยษิตาหัวเราะพลางสังเกตรพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “ ฉันพากุนลโรจน์มาด้วย เพียงเพราะจะบอกแกว่า
เมืองริเวอร์แห่งนี้มันเล็กนัก ตระกูลยิ่งใหญ่ที่สุดของที่นี่ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น เหยียบครั้งเดียวก็ตาย แกไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองเล็กๆแบบนี้ ”
“ผมจะอยู่ที่นี่หรือไม่นั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ” รพีพงษ์ตอบกลับมา
โยษิตาเห็นแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ตอบรับกับรูปแบบนี้ จึงได้แต่มองไปมองมา แล้วหัวเราะพลางถามว่า “ได้ยินมาว่าภรรยาของแกสวยมาก? เมื่อไหร่จะพามาแนะนำให้ฉันรู้จัก”
สายตาของรพีพงษ์ดูเป็นกังวล เรื่องที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือโยษิตาให้ความสนใจต่ออารียา ไม่คาดคิดมาก่อนว่าโยษิตาจะสามารถจับประเด็นได้เร็วขนาดนี้
โยษิตา เจอรพีพงษ์ในตอนแรกเขาสงบนิ่งไม่มีอาการใดๆจู่ๆก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ได้เข้าใจถึงสถานะของอารียาที่อยู่ในใจของรพีพงษ์
เธอหัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ถือเป็นผู้ปกครองของเธอนะ พาฉันไปหาเธอ ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนะ”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเธออีก แต่กลับยืนขึ้น มองดูไปข้างนอกแล้วเดินออกไป
โยษิตาก็ไม่ได้ตามออกไป รอยยิ้มอันเปี่ยมล้นเต็มอยู่บนในหน้า
“ไปสืบให้ฉันหน่อยคนที่ชื่ออารียาคนนั้น ฉันล่ะอยากจะเห็นว่า ผู้หญิงแบบไหนกันนะ ที่ทำให้เขาเต็มใจที่อยากจะอยู่ในเมืองริเวอร์เล็กๆแห่งนี้” โยษิตา กล่าวออกมา
กุนลโรจน์น้อมรับคำสั่งทันใด
“ไม่อยากจะกลับบ้านตระกูลลัดดาวัลย์กับฉัน? เหอะๆ บนโลกนี้ ยังไม่มีใครที่ฉันจัดการไม่ได้ ”
……
ในระหว่างรพีพงษ์เดินทางกลับบ้าน ได้ไปธนาคารถอนเงินออกมาจำนวนหนึ่งแสนหยวน เมื่อถึงวิลล่า นำเงินหนึ่งแสนหยวนนี้ให้กับศศินัดดา
เมื่อศศินัดดาได้เห็นเงินแล้วก็ยิ้มแก้มปริทันที ไม่พูดถึงเรื่องที่จะไล่รพีพงษ์ออกไปอีกเลย
เพราะสุดท้ายแล้วหล่อนยังต้องให้รพีพงษ์จ่ายเงินค่าส่วนกลางของวิลล่าอยู่ดี
มีคนที่จ่ายเงินให้ฟรีๆขนาดนี้ หล่อนเต็มใจให้อยู่โดยปริยายอยู่แล้ว
อารียามองออกว่ารพีพงษ์มีอาการหดหู่ และได้พูดว่า “ฉันไปเป็นเพื่อนคุณเดินเล่นนะ”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า สองคนเดินออกจากดงเย็นพร้อมกัน ไปเดินเล่นบนถนน
“ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือ” อารียาถามออกมา
รพีพงษ์หัวเราะพลางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ ยังไม่ถึงขั้นแก้ไขหรือไม่แก้ไข เพียงแค่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น ”
“ตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่เมืองริเวอร์เพียงดัชนีเดียวขวางฟ้า คุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ยิ่งยโสโอหังอยู่ด้วย ถ้าหากไม่ได้จริงๆ คุณก็อ่อนข้อลงมา เขาคงไม่สามารถหาเรื่องคุณได้ตลอดเวลาหรอก” อารียากล่าวออกมา
รพีพงษ์หยุดหัวเราะไว้ไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าอารียาจะคาดว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์
“เรื่องของคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่จำเป็นต้องกังวล ก็แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมยังไม่ได้เก็บมาใส่ใจ” รพีพงษ์กล่าว
อารียาตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดประโยคนี้ออกมาได้ เมืองริเวอร์ตระกูลกุลสวัสดิ์ ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครกล้ายั่วโมโห
พอมาถึงรพีพงษ์กลับเป็น ก็แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์” นี่ทำให้หล่อนรู้สึกแปลกๆ
“งั้นคุณกำลังกังวลอะไรอยู่ล่ะ?” อารียาถามต่อไป
รพีพงษ์ไม่ได้ตอบคำถามของอารียา แต่กลับหยุดเดิน แล้วตั้งใจมองอารียา แล้วถามว่า ”หากวันหนึ่งผมจากไป คุณจะเป็นอย่างไร? “
อารียานิ่งไปครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะถามคำถามนี้อย่างกะทันหัน
“คุณ……ทำไมต้องจากไป” อารียาถาม
“หลายๆเหตุผลล่ะ แน่นอน ก็แค่สมมุตินะ” รพีพงษ์ตอบ
ภายในใจของอารียาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด เมื่อรพีพงษ์บอกว่าเขาจะจากไป หล่อนรู้สึกได้ว่าในจิตใจของตนเองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ต่อให้นี่เป็นการสมมุติของรพีพงษ์ก็ตาม
หากเป็นช่วงเวลาปกติ เธอจะต้องพูดระบายความรู้สึกของตนเองออกมา
แต่เธอรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์รพีพงษ์ไม่ค่อยปกติ เพื่อไม่ให้เขาคิดมาก จึงยิ้มพลางพูดว่า ”หากเพราะเรื่องบางเรื่องเป็นเหตุให้จากไปแล้วก็
ฉันก็จำเป็นที่จะต้องดำรงชีวิตอย่างปกติต่อไปสิ คุณอย่าคิดมาก
จะมีเหตุผลมากมายทำให้คุณจากไปได้ยังไงกัน” รพีพงษ์ได้ฟังคำตอบของอารียา ในใจรู้สึกเกิดความผิดหวังขึ้นมา
หากผมจากคุณไป จะไม่กระทบต่อกรใช้ชีวิตประจำวันของคุณเลยหรอ?
อย่างนี้ก็ดี จะมาเพียงเพราะฉันจากไป แล้วไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้มันก็ไม่ใช่
ใบหน้ารพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทุกข์ระทม
“คุณเป็นอะไร?” ทันใดนั้นอารียารู้สึกได้ว่าเธอน่าจะตอบผิดไปแล้ว
ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะแยกจากรพีพงษ์ได้อีกต่อไป หากรพีพงษ์ต้องจากไปจริงๆ
ภายในใจของเธอจะรับไม่ได้โดยปริยายอยู่แล้ว
แต่เธอก็อายที่จะพูดความในใจของตนเองออกมากับรพีพงษ์ เพราะท้ายที่สุด
ผู้หญิงจะค่อนข้างมีความเย่อหยิ่งที่จะพูดออกมา
แต่เบื้องลึกของเธอบอกเธอว่า เธิไม่ได้พูดความจริงเลยดูเหมือนทำให้รพีพงษ์ผิดหวังไปบ้าง
“ไม่เป็นไร” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูดออกมา
อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ กลับรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น และตัดสินใจอยากบอกรพีพงษ์เดี๋ยวนั้น หากรพีพงษ์จากไป เธอไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ตอนนี้ก็ไม่อยากแยกจากรพีพงษ์แม้แต่วินาทีเดียว
แต่ทว่าในเวลานี้ มีเสียงทะเลาะดังมาจากไม่ไกล
รพีพงษ์กับอารียาล้วนหันหัวไปดู พบว่ากลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังรุมล้อมอยู่ด้วยกัน
คนที่เป็นอันธพาลจำนวนหนึ่งกำลังตั้งวงล้อมคนแก่คนหนึ่งอยู่
คนแก่ล้มลงไปที่พื้น ร่างกายคู้งอ โดนต่อยจนจมูกหักหน้าบวมแล้ว
“แม่ง ไม่คิดว่าจะกล้าชนกู ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม รู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูคือชญตว์ ไอ้โง่เดินบนถนนไม่รู้จักดู ชนกูแล้ว จะให้มึงตอบแทนอย่างสาสม! ”
หัวหน้าแก๊งคือคนที่มีรอยสักใหญ่อยู่บนแขน เรียกตัวเองว่าชัยสิทธิ์
ตอนนั้นเขาได้พาลูกน้องจำนวนหนึ่งขยับหัวไปมาเดินอยู่บนถนน คนแก่คนนั้นไม่เชื่อว่าได้ชนเขาไปแล้ว
ในตอนนั้นเขาได้ให้ลูกน้องของตนเองกดคนแก่ลงเตะต่อยไปกับพื้น
“พวกนี้ทำไมเป็นแบบนี้” อารียาขมวดคิ้วพลางพูดออกไป
“ผมเข้าไปสั่งสอนพวกเขาเอง” รพีพงษ์พูดออกมา
ในขณะนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล หากเขาจากไป อารียาก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่ทำให้เขารู้สึกว่าในใจของอารียานั้นแท้ที่จริงแล้วตนเองไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น
เขากำลังคิดที่จะระบายอารมณ์ออกมา ในเมื่อคนพวกนี้กำลังทุบตีคนแก่อยู่ตรงหน้าเขา งั้นเขาก็จะใช้คนพวกนี้ในการระบายอารมณ์
อารียาดูรพีพงษ์มองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วเดินเข้าไป สีหน้าถอดสีทันที พวกเขาคนเยอะขนาดนั้น แล้วบนร่างกายยังเต็มไปด้วยรอยสัก แวบเดียวก็ดูรู้ว่าไม่ควรยั่วโมโห รพีพงษ์คนเดียวจะต่อกรได้อย่างไร
“รพีพงษ์ คุณรีบกลับมานะ พวกเราแจ้งตำรวจเถอะ อย่าไปคนเดียวเลย“ อารียาตะโกนออกไป
รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า “ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ ”
อารียาตะลึงงันอึดใจใหญ่ ในตอนนั้น หล่อนรู้สึกว่าน้ำเสียงของรพีพงษ์ค่อนข้างแปลกไปในทันที
พีพงษ์เดินไปอยู่ที่หลังของชญตว์ แล้วยื่นมือไปตบไหล่ของเขา พูดว่า “พวกมึงรวมกันต่อยคนแก่คนเดียว ไม่เหมาะสมเปล่า? ”
ชญตว์หยุดหมัด แล้วหันมามองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ข้างหลัง แล้วด่าว่า “มึงแม่งเป็นใครวะ ยุ่งกับเรื่องไร้สาระตรงนี้ให้มันน้อยๆหน่อย รีบไสหัวออกไปซะ”
คนบริเวณนั้นเห็นความกล้ายืนหยัดของรพีพงษ์ ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าขึ้นลง “วัยรุ่นคนนี้บ้าจริงๆ พวกเขาจำนวนคนมากมายขนาดนี้
ทั้งยังล้วนแล้วแต่มีรอยสักทั้งนั้น ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา ในเวลาแบบนี้ยืนออกมา นี่ไม่ใช่หาเรื่องให้โดนต่อยหรอ”
“ในสมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องหาได้น้อยมาก เสียดายที่เขาคาดคะเนพลังของตัวเองไม่ชัดเจน แค่เขาเพียงคนเดียวที่ยืนออกไป ก็ต้องโดนรุมไปพร้อมๆกันสิ “
“อาจเพราะดูซีรีย์มากเกินไป สมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่โง่ก็บ้า”
……
รพีพงษ์หัวเราะต่อชญตว์ แล้วพูดว่า “กูคือคนที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ”
เขาได้ยินคำวิจารณ์ของคนรอบข้างแล้ว สมัยนี้เย็นชากันจริงๆ
แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าความยุติธรรมจะหายไป ในเมื่อคนพวกนั้นไม่เชื่อในการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง งั้นเขาก็เป็นแบบอย่างให้คนเหล่านี้เห็นเลยแล้วกัน
ชญตว์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ทันใดนั้นก็เรียกให้ลูกน้องเหล่านั้นหยุด
“พวกมึงฟังนะ ไอ้นี่บอกว่าเขาคือคนที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง พวกมึงกลัวไม่กลัววะ?” ชญตว์ หัวเราะก๊ากพลางพูดออกมา
ทันใดนั้นคนพวกนั้นก็หัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา ในเสียงหัวเราะแฝงด้วยน้ำเสียงของการประชดประชัน
“ช่างน่ากลัวจริงๆ ในที่สุดก็ได้เจอกับคนยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม อย่าต่อยผมเลยนะ ”
“กลัวตายจริงๆ ลูกพี่ พวกเรารีบถอยเถอะนะ ไม่งั้นอีกแป๊บเขาจะต่อยพวกเราแล้วนะ ”
“แม่ง โดนขู่จนชิบหายหมดแล้ว ในสมัยนี้ยังมีคนยืนหยัดเพื่อความถูกต้องอยู่อีกหรอวะ”
……
คนแก่ฉวยโอกาสในขณะที่คนกลุ่มนี้กำลังประชดประชันรพีพงษ์ รีบลุกขึ้นมาจากพื้น หันหลังกลับแล้วรีบวิ่งไปยังกลุ่มผู้มุงดู ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งใจรพีพงษ์ แต่ในใจก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะสามารถต่อกรกับชญตว์และพวกได้สำเร็จ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบหนีก่อน
พูดๆแล้ว เขาก็ใช้ประโยชน์จากรพีพงษ์ ให้ตนเองมีทางรอด ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อสู้กับชญตว์
และพวกไปพร้อมกับรพีพงษ์แต่อย่างใด
นี่คือความเย็นชาของยุคสมัยนี้ คุณเข้าไปช่วยเขา เขาอาจไม่ได้ซาบซึ้งใจคุณ แต่กลับคิดที่จะหลอกลวงคุณต่ออีก
รพีพงษ์กลับไม่ได้ใส่ใจในการกระทำของคนแก่คนนั้น คนอายุขนาดนั้น มีความกังวลแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดา
ชญตว์เห็นคนแก่จะหนี รีบตะโกนออกไปว่า “แม่ง นึกไม่ถึงว่ายังจะหนี ไปจับเขากลับมาให้กู ชนกู ไม่ชดใช้เงินให้หน่อย วันนี้ก็อย่าหวังจะไปไหน! ”
ในขณะนั้นเองมีคนที่กำลังจะไปจับคนแก่กลับมา
ในตอนนี้เองรพีพงษ์เริ่มขยับตัว หมุนไปยังข้างหลังของคนนั้น ถีบไปยังก้นของเขาอย่างจัง คนนั้นล้มตะคุบอย่างกับหมากินขี้
“ไอพวกปลวก พวกมึงอยู่บนโลกนี้ นอกจากจะรังแกคนแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอีกมั้ย” รพีพงษ์พูดอย่างสงบ
ตอนนี้ชญตว์เพิ่งจะตระหนักว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา รีบเร่งให้ลูกน้องกดรพีพงษ์ลงกับพื้นอย่างเร็วที่สุด
“แม่ง ไอ้นี่มีความสามารถ รุมมัน ให้มันได้เป็นบทเรียน ”
คนของชญตว์ล้วนเข้าไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ร่างกายรพีพงษ์พลิ้วไปตามสายลม สร้างความตื่นตกใจให้กับคนหมู่มาก
ตอนแรกอารียารู้สึกค่อนข้างเป็นห่วง แต่เมื่อได้เห็นฝีมือของรพีพงษ์ เธอก็หมดห่วงแล้ว
ฝีมือเขาเก่งแบบนี้มาตลอดเลยหรอ? แต่ทำไมหลายปีมานี้ได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย เขาก็ไม่เคยเลยที่จะลงไม้ลงมือกลับใครเลย?
ในใจของอารียาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่หล่อนก็ไม่มีทางได้รู้ไปตลอดกาล ว่ารพีพงษ์ทำเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเธอ
ขยับตัวอย่างรวดเร็วไม่กี่ท่า กลุ่มคนของชญตว์ก็ล้มลงกับพื้น
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆนั้นหน้าตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนี้พวกเขาจะไม่ล้อรพีพงษ์อีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยคำชื่นชม
“สังคมนี้ต้องการคนที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแบบนี้สิ”
“ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องคือคุณสมบัติของพวกเรา อย่าให้มันหายไปสิ”
“ไม่คิดมาก่อนว่าพวกนี้จะอ่อนนักได้ขนาดนี้ ครั้งหน้าฉันก็ขอยืนหยัดเพื่อความถูกต้องด้วยคน”
……
เมื่อได้จัดการกับพวกของชญตว์เรียบร้อยแล้ว จิตใจของรพีพงษ์เริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง
เขาเดินไปต่อหน้าของชญตว์ แล้วพูดอย่างสงบว่า:” ต่อจากนี้ไปยังจะทำเรื่องรังแกคนแก่แบบนี้อีกไหม? “
ชญตว์กลืนน้ำลายลงไป แล้วพูดว่า:“ บอก……บอกมึงไว้เลย ถึงแม้มึงชกต่อยเป็น แต่มึงก็ไม่กล้ายั่วโมโหกูหรอก กูเป็นคนของคุณชายกุมุท มึงรีบขอโทษกู ไม่งั้นคุณชายกุมุทจะไม่ให้อภัยมึงแน่นอน “
รพีพงษ์ฟังแล้วสักครู่ คาดไม่ถึงว่าชญตว์นี้แท้ที่จริงแล้วเป็นคนของกุมุท
เขากำลังอยากไปสั่งสอนกุมุทซักครั้งอยู่พอดี คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับคนของกุมุทบนท้องถนน
“เหอะๆ คุณชายกุมุทขี้ประติ๋ว?” รพีพงษ์พูด
สีหน้าของชญตว์เปลี่ยนทันที แล้วพูดว่า “มึง……มึงชั่งกล้าดูถูกคุณชายกุมุทตระกูลกุลสวัสดิ์คือตระกูลขุนนางที่ใหญ่ที่สุดในเมืองริเวอร์ มึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
รพีพงษ์เบ้ปากไปมา แล้วพูดว่า “ตระกูลขุนนางที่ใหญ่ที่สุดเมืองริเวอร์ คนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนออกมาทำได้แค่รังแกคนตามท้องถนน ตระกูลแบบนี้ ยังเหมาะกับตระกูลขุนนางสองคำนี้หรอ?”
ชญตว์เงียบสักครู่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ตอนนี้เขามองดูออกไปไกลๆ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที หัวเราะไม่หยุด “เด็กน้อย มึงแย่แน่ๆ”
เขาเพิ่งพูดจบ ด้านหลังของรพีพงษ์ก็มีเสียงอันเงียบสงบพูดขึ้นมา “มึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาตัดสินตระกูลกุลสวัสดิ์ของกู“