พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1246 คางคกตัวใหญ่มาก
ในป่าหมอก เดิมทีเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านอยู่บนตัวของรพีพงษ์ ในเวลานี้เปอะเปื้อนไปด้วยโคลนแล้ว
แต่ว่า นัยน์ตาของเขายังคงเป็นดั่งเช่นตอนแรก
เข้ามาเป็นวันที่สามแล้ว เมื่อวานทั้งวัน เขาเจอการโจมตีของสัตว์เซียนอย่างเช่น งูยักษ์ แมลงมีพิษเป็นต้น
แต่โชคดีที่ รพีพงษ์อาศัยพละกำลังที่แข็งแกร่งของตัวเอง สามารถถอนตัวออกมาได้
อีกอย่าง ระหว่างทาง รพีพงษ์ก็ไม่ได้สับฆ่าสัตว์เซียนเหล่านี้ทิ้ง
สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเกิดขึ้นเพราะจิตวิญญาณเทพ รพีพงษ์รู้สึกว่า ตัวเองมายังป่าหมอก เป็นการรบกวนสัตว์เซียนเหล่านี้แล้ว เพราะงั้น หลังจากที่เขาขับไล่สัตว์เซียนไปแล้ว ก็ไม่ได้ไล่ตามไปโจมตี
ตอนนี้ รพีพงษ์อ้างอิงตามสัญลักษณ์บางอย่างและประกอบกับพรรณนาในแผนที่ก่อนหน้านี้ เขาตัดสินใจ ในเวลานี้ น่าจะอยู่ไม่ไกลจากหุบเขาหลิงซีแล้ว
และในเวลานี้ ก็มีเสียงแปลกๆแพร่ซ่านเข้ามาแล้ว
รพีพงษ์ระแวดระวังขึ้นมาทันที สายตามองตรงไปข้างหน้า
ข้างหน้า หมอกที่ปกคลุมหนาแน่น เพียงแค่มองด้วยตาเปล่า มันไม่ชัดเจนเลย
พลังของจิตวิญญาณเปล่งประกายออกมา รพีพงษ์รับรู้ไปยังข้างหน้า เพื่อให้แน่ชัดว่ามีอันตรายอยู่ จึงเดินก้าวเท้าไปอย่างช้าๆ เดินไปยังข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
สุดท้ายแล้ว ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางของป่าหมอก ปราณทิพย์ก็ชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น พละกำลังของสัตว์เซียนก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ของเหลวสีดำที่เหมือนกับลูกศรยังไงอย่างนั้นบินเข้ามา
โชคดีที่ตอนนี้รพีพงษ์ระแวดระวังอยู่เสมอ แวบแรกที่เห็นของเหลวสีดำนี้ ร่างกายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาทันที
เขากระเด้งไปยังข้างๆอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีของของเหลวสีดำ
ของเหลวสีดำเข้าไปกระทบกับต้นไม้ที่สูงตระหง่านต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างไกลกับรพีพงษ์เลย
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เปลือกของต้นไม้นี้ก็ปรากฏออกมาเป็นสีดำ ตามมาด้วยเน่าถึงโคนต้นเลย
มาพร้อมกับเสียงดังปัง ต้นไม้สูงตระหง่านก็ล้มลงกลางเอวเลย
“การกัดกร่อนที่แข็งแกร่งมาก!”
รพีพงษ์กำหมัดแน่น ขมวดคิ้วแน่น
พิษเมื่อตะกี้นั้นถ้าหากโจมตีเข้ามาบนตัวของตัวเอง ผลที่ตามมาเลวร้ายจนไม่กล้าคิด
เสียงประหลาดนั่นใกล้เข้ามาทุกที ในมือของรพีพงษ์ถือกระบี่ยาว ก็เข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างช้าๆเช่นกัน
จนกระทั่งได้เห็นอีกฝ่ายแล้ว รพีพงษ์หยุดก้าวเท้าแล้ว มองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ตกใจเฉกเช่นสัตว์เซียนที่เนินเขายังไงอย่างนั้น
“คาง……คางคกตัวใหญ่มาก!”
เบื้องหน้าของเขา มีคางคกตัวใหญ่หนึ่งตัวกำลังจ้องเขม็งมา ปิดกั้นเส้นทางเดียวที่ไปยังหุบเขาหลิงซี
รูปร่างของมันน่าเกลียดอย่างมาก มีจุดกระดำกระด่างบนลำตัว ทำให้คนที่ได้เห็นแล้วขนลุกเลย
“เจ้ากับข้าต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งกัน ช่วยหลีกทางนี้ให้ด้วย หลังจากที่ข้าได้ของที่ข้าต้องการแล้ว ข้าจะออกไปเอง”
รพีพงษ์พูดด้วยสุดเสียง
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ รพีพงษ์ก็ตระหนักถึง สัตว์เซียนของที่นี่สามารถฟังคำพูดของตัวเองได้อย่างเข้าใจ
จะไปเคยคิดที่ไหนกันว่า คางคกตัวนี้มันจะไม่ฟังเลย อ้าปากกว้าง และพ่นพิษอย่างจำนวนมากออกมาอีกครั้ง
รพีพงษ์ขยับร่างกาย ถอยลงไปอย่างรวดเร็ว
พิษโปรยลงต่อเบื้องหน้าของรพีพงษ์ ห่างเพียงแค่ 20เซนติเมตร
เซียนสมุนไพรเหล่านั้นที่อยู่บนพื้นก็เป็นสีดำทันที และเหี่ยวแห้งตายไป
“ในเมื่อแกไม่ยอมหลีกทางให้ งั้นก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!”
รพีพงษ์จับกระบี่ยาวที่อยู่ในมือแน่น พลังของจิตวิญญาณเทพเปล่งประกายออกมา
คางคกยักษ์ไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น ถอยลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง ลำตัวบินทะยานขึ้นไป
รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมอง บนหัว ร่างของคางคกยักษ์ตัวนี้ราวกับว่าบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เลยยังไงอย่างนั้น
ในสถานการณ์ที่คับขัน รพีพงษ์ก็กระโดดขึ้นสูงเช่นกัน
วิชามังกรเลื้อย!
มังกรทองทั้งเก้าตัวปรากฏขึ้นมาในทันที ล้มรอบคางคกเอาไว้
ใครจะไปคิดถึงว่า ความเร็วของคางคกตัวนี้ จะไวกว่างูยักษ์ที่เจอเมื่อวานนี้กว่าเท่าตัว
แม้ว่าความเร็วของมังกรทองจะไวพอตัว แต่การโจมตีทุกครั้งคางคกก็สามารถขจัดได้
รวมจิตวิญญาณเทพ!
รพีพงษ์พยายามอย่างมากที่จะระเบิดพลังแห่งจิตวิญญาณที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา ผสมผสานกับมังกรที่สี่ตัว
กำเนิดเกิดจากจิตวิญญาณเทพ มังกรทองก็โจมตีไปที่นั่น
สถานการณ์กลับว่า เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน มังกรทั้งสี่ตัวล็อคคางคกยักษ์ไว้อย่างแน่นหนา เพียงครู่เดียว ก็นำพาคางคกมุ่งสู่หายนะ
“ข้าเคยพูดแล้ว ให้เจ้าออกไป ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
รพีพงษ์พูดเสียงดัง หวังว่าคางคกสัตว์เซียนตัวนี้จะเข้าใจ
แต่กลับว่ามันไม่ขยับเขยื้อน ในปากของมันมีการพ่นพิษออกมาเรื่อยๆ ราวกับว่าเม็ดฝนยังไงอย่างนั้น
รพีพงษ์พลิกตัวหลบหลีก แต่ว่า ภายใต้การโจมตีของพิษที่มากมายเช่นนี้ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ถูกพิษกวาดเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงครู่เดียว เสื้อผ้าก็ราวกับว่าถูกไฟไหม้ยังไงอย่างนั้น เปิดเผยหลุมดำวงใหญ่ออกมาแล้ว
และในขณะเดียวกัน มังกรทั้งสี่ตัวนั้น ก็พ่นเปลวไฟออกมาจากปาก เผาไปยังคางคกเลย
เปลวไฟนำมาซึ่งคลื่นความร้อนที่ทรงพลัง และเกิดความร้อนอย่างมหาศาลล้อมรอบตัวมัน ทำให้เซียนสมุนไพรที่อยู่บนพื้นลุกไหม้ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ประหลาดใจก็คือ ตอนที่เปลวไฟกระทบบนตัวของคางคก กลับว่าเหมือนเทลงบนน้ำแข็งยังไงอย่างนั้น ไม่นาน ก็ดับลงเลย
คางคกตัวนี้หมอบลงบนพื้น ทั้งๆที่เปลวไฟมอดไหม้อยู่บนแผ่นหลัง กลับว่าไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว แววตาที่ดูถูกเหยียดหยามไปเลย
“นี่……จะเป็นไปได้ยังไง?”
รพีพงษ์เอ่ยพูดอย่างตกใจ ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่า รอบๆของคางคก อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วมาก
ถึงขนาดที่ว่า ใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้โดยรอบ เกิดน้ำค้างแข็งขึ้นมาบ้างแล้ว
“ปล่อยพลังทิพย์ออกมาข้างนอก?”
รพีพงษ์เอ่ยพูดอย่างตกใจ คิดไม่ถึง คางคกตัวนี้จะแข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้ว
คางคกเป็นธาตุเย็น หรือว่าสัตว์ที่หนาวเย็น ภายในร่างกายของมัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นแล้ว
ในเวลานี้ สัตว์เซียนตัวนี้กระตุ้นความหนาวเย็นในร่างกายของตัวเองออกมา ปกป้องร่างกายไว้ เพื่อนำมาต่อสู้กับเปลวไฟที่แผดเผา
มังกรเทพกระจาย คางคกกลับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้นเลย นัยน์ตาที่มองไปยังรพีพงษ์ ก็เยาะเย้ยไม่น้อยเลย
“สมควรตาย!”
รพีพงษ์พูดด้านในใจ
วิชามังกรเลื้อยของตัวเอง นักบำเพ็ญตนที่ต่ำกว่าแดนดั่งเทพชั้นยอดไม่อาจต้านทานไว้ได้เลย คิดไม่ถึงว่า คกคางตัวนี้สามารถต้านทานได้โดยไม่เปลืองแรงสักนิดเลย
รพีพงษ์มองดูที่เสื้อผ้าของตัวเองที่เสียหายไปบางส่วน ทันใดนั้น เรื่องที่ยิ่งทำให้เขาใจห่อเหี่ยว ทำให้รพีพงษ์โมโหอย่างมาก
“รูปภาพของข้า!”
มือของรพีพงษ์แตะๆไปที่กระเป๋าด้านใน และรูปใบนั้นเป็นสมบัติส้ำค่าของตัวเอง และนำติดตัวมาด้วย ที่มุมหนึ่งถูกทำลายไปแล้ว
แม้ว่า รอยยิ้มของอารียาและหนูลินยังคงเหมือนเดิม แต่มันก็พอเพียงที่จะทำให้รพีพงษ์ระเบิดความโกรธออกมาแล้ว หลังจากที่รพีพงษ์เข้ามายังป่าหมอก นี่เป็นครั้งแรกในการเกิดฆาตกรรมแล้ว!
“แม่งเอ้ย ถ้าหากวันนี้กูไม่จัดการคางคกอย่างมึงให้สิ้นซาก กูก็ไม่ใช่รพีพงษ์แล้ว!”
รพีพงษ์ตะโกนพูดเสียงดัง ทั้งตัวปล่อยพลังทิพย์ออกมาข้างนอกแล้ว
เพียงครู่เดียว พลานุภาพของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวแล้ว แววตาที่เหมือนกับวิญญาณชั่วร้าย เขม็งมองไปยังคางคกที่อยู่อีกฝ่าย
คางคกยักษ์ดูเหมือนจะได้กลิ่นอันตรายแล้ว สายตาที่เยาะเย้ยก็เก็บกลับมา ทันใดนั้น ก็พ่นพิษออกมาจากในปากอีกครั้ง
“ท่าหลิงอิ๋น!”
รพีพงษ์ใช้กระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่
มังกรเก้าตัวรวมเป็นหนึ่งเดียว มังกรขนาดใหญ่กว่าคางคกมากบินทะยานขึ้นสู่ฟ้า บดบังอยู่เบื้องหน้าของรพีพงษ์
เสียงคำราม นำมาซึ่งคลื่นเสียงที่ยิ่งใหญ่มาก
พิษเหล่านั้นที่โจมตีมายังรพีพงษ์ ภายใต้คลื่นเสียงแบบนี้ถูกกดดันให้ตีกลับไปเลย
และคลื่นเสียงก็ไม่ลดลงเลย ไม่ว่าที่ไหนๆ ต้นไม้ใบหญ้าล้วนแต่ถูกทำลาย และมุ่งตรงไปโจมตีที่คางคกต่อ
ผิวหนังของคางคกที่ทำให้คนขนลุกสั่นคลอนอย่างรุนแรง ในแววตาเกิดความประหม่าขึ้นแล้วเล็กน้อย
ทันใดนั้น ตอนที่คลื่นเสียงกำลังจะมาถึง คางคกก็กระโดดขึ้นสูง กระโดดขึ้นสูงสิบฟุต!
เพียงแค่ร่างกายที่ใหญ่โต ถ้าหากกดทับไปโดยตรง ราวกับว่าภูเขาไท่ซานกดอยู่บนศีรษะยังไงอย่างนั้น บดขยี้ให้ผู้คนเละเป็นโจ๊ก!
“เจ้าคิดว่า ทำแบบนี้ได้งั้นเหรอ?”
รพีพงษ์ตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็วทันที คางคกตัวนี้คิดว่าหลังจากขึ้นสู่ฟ้า จะหลบหลีกการโจมตีของคลื่นเสียงได้ และกดทับมายังตัวเอง
“มังกรพุ่งฟ้า!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดังสุด
มังกรตัวนั้นพุ่งตรงขึ้นบนฟ้า อยู่สูงกว่าความสูงของคางคกมาก!
พายุพยัคฆ์ มังกรทะลุฟ้า (เทพต่อเทพมารวมพลังกัน ) ท่ามกลางอากาศ ถึงจะเป็นเวทีที่มังกรทะยานขึ้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆสามารถต่อสู้ได้เลย
กรงเล็บมังกรทองขนาดใหญ่สองข้างจับตรงหลังคางคกเลย ฝังลึกลงไปในผิวที่หยาบกระด้างของมัน
คางคกคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ต้านทานไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ถูกมังกรทองปราบจากบนฟากฟ้าลงมาสู่พื้นดินเลย
ตูม!
เสียงดังมาก รอบข้างเต็มไปด้วยฝุ่นดิน เดิมทีก็เป็นป่าที่มีหมอกหนาแน่น ในเวลานี้ก็ยิ่งผสมรวมกันจนมองไม่ชัดเจน
รพีพงษ์เดินมายังเบื้องหน้าของคางคก ในเวลานี้ พื้นดินถูกทุบลงเป็นหลุมขนาดใหญ่แล้ว
คางคกตัวนี้นอนคว่ำอยู่ในนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหว แผ่นหลัง เลือดสีเขียวค่อย ๆ ไหลออกมาแล้ว
“นี่เป็นเพราะว่าเจ้าทำลายรูปภาพที่มีค่าของข้า!”