พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 122 ไล่รพีพงษ์ออกไป
บทที่ 122 ไล่รพีพงษ์ออกไป
ศศินัดดาได้ยินรพีพงษ์ตกลง ตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จึงรีบพูดขึ้น:“งั้นแกยังจะรออะไรอีก เราไปโอนกันซะตอนนี้เลย อารีทำงานเธอไม่มีเวลา แกก็โอนให้ฉันก่อน จากนั้นฉันค่อยโอนให้อารีเอง”
รพีพงษ์ไม่พูดอะไร รีบเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้วไปโอนวิลล่ากับศศินัดดา
แค่วิลล่าหลังละ15ล้านเอง ถ้าศศินัดดาได้วิลล่าไปแล้วไม่ทำตามที่รับปากไว้ งั้นรพีพงษ์ก็จะซื้อหลังข้างๆอีกหลัง ยังไงซะเงินเล็กน้อยพวกนี้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ทั้งคู่ออกไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่โอน ก็ใช้เวลาทั้งบ่ายในการโอนวิลล่าหลังนี้ให้ศศินัดดา
ศศินัดดาดูทะเบียนบ้านเล่มใหม่ที่เขียนเป็นชื่อของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีวิลล่าหลังละ15ล้านเป็นของตัวเอง
“วิลล่าโอนให้คุณแล้ว คุณจำเรื่องที่รับปากผมไว้ ถ้าหลังจากนี้ยังเข้ามายุ่งเรื่องของผมกับอารีอีก ผมไม่เกรงใจก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน”รพีพงษ์พูดน้ำเสียงเย็นชา
ศศินัดดาเบะปากใส่พีพงษ์ ในใจพลางคิดว่ารพีพงษ์นี่โง่จริงๆ ตอนนี้วิลล่าก็เป็นของเธอแล้ว เธอจะทำอะไรรพีพงษ์ก็ไม่อาจยุ่งได้หรอก
ถึงรพีพงษ์จะเอาวิลล่าคืน เธอก็ไม่ให้อย่างแน่นอน
“รพีพงษ์ ที่ทุกคนมองแกเป็นเศษขยะ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ ตอนนี้วิลล่าเป็นของฉันแล้ว ต่อไปถ้าแกกล้าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันจะให้แกไปนอนบนถนน!”ศศินัดดาฟึดฟัดใส่รพีพงษ์
รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ในใจคิดว่าตัวเองนี่ไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ ถึงได้คิดว่าศศินัดดาจะรักษาสัญญา
“เอาล่ะ ฉันกลับก่อนนะ เรื่องของแกกับอารี ฉันที่เป็นแม่ต้องยุ่งแน่นอน คืนนี้แกไปนอนห้องที่เล็กที่สุดนะ ถ้าไม่นอนก็ไสหัวออกไป!”ศศินัดดาพูด
“ฝันไปเถอะ!”รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา
ศศินัดดาเห็นรพีพงษ์ที่ไม่มีวิลล่าแล้ว ยังจะกล้ากำแหงแบบนี้ จึงรีบพูดอย่างรังเกียจ:“รพีพงษ์ จะบอกให้นะตอนนี้วิลล่าเป็นของฉัน ถ้าฉันบอกว่าไม่ให้แกอยู่ แกก็ต้องไสหัวออกไป!”
“แค่วิลล่าหลังเดียว คุณคิดว่าผมจะฟังคุณเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆน่ะเหรอ?”รพีพงษ์พูด
“รพีพงษ์ แกเลิกเสแสร้งได้แล้ว แกซื้อวิลล่าหลังนี้ได้ คงใช้เงินทั้งหมดที่แกมี ตอนนี้วิลล่าก็เป็นของฉันแล้ว แกมันก็แค่คนอนาถาที่ไม่มีอะไรเลย อย่ามาทำเป็นแข็งข้อกับฉัน”ศศินัดดาพูดอย่างไม่พอใจ
“เงินที่ซื้อวิลล่าหลังนี้สำหรับผมแล้ว แม้แต่เงินซื้อขนมก็เทียบไม่ติด”รพีพงษ์พูด
ศศินัดดาคิดว่ารพีพงษ์คนนี้จะโอ้อวดเกินไปแล้ว จึงกลอกตามองบนใส่เขาไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินจากไป
รพีพงษ์คิดจะตามไป แต่ทันใดนั้น เขาก็เห็นตาสีทองที่อยู่ตรงมุมหลืบอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของตาสีทองไม่มีรอยยิ้มแต่กลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
นี่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ เขาไม่ได้ตามศศินัดดาไป แต่เดินไปยังตาสีทองแทน
“คุณชาย กลับตระกูลลัดดาวัลย์กับผมเถอะ ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องการคุณ แม่คุณเร่งผมหลายครั้งแล้ว”ตาสีทองพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ผมบอกไปแล้ว ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์”
ตาสีทองถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดขึ้น:“ดูเหมือนผมจะโน้มน้าวคุณไม่ได้จริงๆ คุณชาย พรุ่งนี้ผมจะไปเกียวโตแล้ว คุณไม่กลับไปพร้อมผมจริงๆเหรอ?”
รพีพงษ์ส่ายหน้าพลางพูด:“เดินทางปลอดภัย”
ตาสีทองถอนหายใจ แล้วพูดขึ้น:“ผมกลับไปครั้งนี้ ไม่ได้แสดงว่าตระกูลลัดดาวัลย์ทอดทิ้งคุณ พวกเขาแค่จะเปลี่ยนคนมาโน้มน้าวคุณใหม่ หวังว่าเมื่อผมกลับไปถึงไม่นานนัก จะได้เจอกับคุณอีก”
รพีพงษ์ชะงักทันที แล้วถามขึ้น:“ตระกูลลัดดาวัลย์จะเปลี่ยนคนให้มาที่นี่?ใคร?”
ตาสีทองยิ้มให้รพีพงษ์ แล้วพูด:“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง หวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจคุณได้ ตอนนี้ทั้งตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนรอคุณกลับไปทั้งนั้น”
ตาสีทองพูดจบก็เดินเข้าตรอกไป รพีพงษ์อยากถามว่าคนที่ตระกูลลัดดาวัลย์ส่งมานั้นเป็นใคร แต่เมื่อเขาตามเข้าไปในตรอก ก็ไม่เห็นตาสีทองแล้ว
รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ ขนาดตาสีทอง ที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่อาจโน้มน้าวเขาได้ ตระกูลลัดดาวัลย์จะเปลี่ยนคนมาใหม่ เป็นใครกัน?
ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็นึกถึงใครบางคน ในหลายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนทำให้รพีพงษ์ปวดหัวได้ทั้งนั้น
แต่ที่แน่ๆไม่ว่าใครจะมา เขาก็ไม่กลับตระกูลลัดดาวัลย์
เมื่อออกมาจากตรอก รพีพงษ์ไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ไปที่สถานบันเทิงสตาร์กาย
ไม่กี่วันมานี้ อาการบาดเจ็บของไตรทศดีขึ้นมาก ร่างกายเขาแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วจนน่าตกใจ คนทั่วไปต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะฟื้นตัวได้ แต่เขาครึ่งเดือนก็ฟื้นตัวได้เกือบหมดแล้ว
เมื่อเห็นไตรทศไม่เป็นอะไรแล้ว รพีพงษ์ก็วางใจ
ขณะนั้นเองธฤตญาณเดินเข้ามาพลางพูด:“ครั้งก่อนที่คุณให้สืบเลปกร ผมส่งคนไปสืบมาให้แล้ว พบเบื้องหลังของเลปกรอย่างชัดเจน”
“ลองพูดมาซิ”รพีพงษ์พูด
“ถ้าผมทายไม่ผิด เลปกรนี้เป็นตระกูลใหญ่สุดในเมืองริเวอร์ เป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์”ธฤตญาณพูด
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ปกติเขาก็ได้ยินศศินัดดากับศักดาเคยพูดเรื่องตระกูลกุลสวัสดิ์บ้าง ได้ยินมาว่านภทีป์ประจบมาตลอด แต่ตระกูลกุลสวัสดิ์ก็มองไม่เห็นตระกูลระดับล่างอย่างฉัตรมงคล
ครั้งก่อนตอนที่เลปกรขอร้องรพีพงษ์ให้ยกโทษให้ บอกว่าเป็นคนของคุณชายกุมุทแต่รพีพงษ์ไม่ทันได้คิดถึงด้านนี้ ดูแล้วตอนนี้เลปกรคงจะเป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์จริงๆ
“เลปกรคนนี้คงเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของกุมุท คุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ เคยสนิทกับพิชญุตม์เมื่อหลายปีก่อน หากครั้งนี้พิชญุตม์จะทำอะไรพวกเรา ก็ไปเชิญเลปกรมา แต่พวกเขาคงคิดไม่ถึง แม้แต่เลปกรก็ไม่ใช่คู่แข่งของคุณ”
“แต่ผมได้ยินมาว่ากุมุทคนนี้ป็นคนใจแคบมาก ถ้าเลปกรโดนคุณตัดแขนไปทั้งสองข้าง กุมุทไม่ปล่อยไว้แน่ เกรงว่าใช้ได้ไม่เท่าไหร่ พวกเขาคงบุกมาหาเราแน่”
ธฤตญาณแสดงความกังวลออกมา
รพีพงษ์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น:“ยังไม่ต้องรีบร้อน พิชญุตม์โดนทำลาย ตอนนี้คุณเป็นใหญ่ที่สุดเมืองริเวอร์ถึงจะเป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ ถ้าจะทำอะไรคุณก็คงต้องไตร่ตรองดีๆแล้วล่ะ ”
“แต่เรื่องความแค้นกับการบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ คนของตระกูลกุลสวัสดิ์คงเข้าใจกฎเกณฑ์นี้ ถ้าหากกุมุทผู้นั้นไม่รู้จักผิดชอบละก็ งั้นผมจะสั่งสอนเขาเอง”รพีพงษ์พูด
ธฤตญาณประหลาดใจ และพูดขึ้น:“นั่นเป็นถึงคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์เลยนะ ถึงคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ทำอะไรพวกเรา แต่แค่คุณชายคนหนึ่ง ก็สามารถรวบรวมคนได้ไม่น้อย อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ตัวตนของคุณ แต่เลปกรต้องจำหน้าคุณได้แน่นอน ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด ตอนนี้เขาอาจกลัวผม แต่ไม่ได้กลัวคุณ ถึงตอนนั้นเกรงว่าคุณจะมีปัญหา”
รพีพงษ์ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น:“แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์เล็กๆตระกูลหนึ่ง ร้ายกาจขนาดนั้นเลย?ไม่ต้องกังวล ถ้ากุมุทกล้ามาหาผม ผมจะทำให้เขาเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
ธฤตญาณกลืนน้ำลาย เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตกลงแล้วรพีพงษ์มีอำนาจขนาดไหนกัน ถึงได้กล้าไม่เห็นตระกูลกุลสวัสดิ์ที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ของเมืองริเวอร์อยู่ในสายตา
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของรพีพงษ์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู จึงเห็นว่าบุษบากรส่งข้อความมา
“ฉันเห็นคุณเข้าไปในสถานบันเทิงสตาร์กายแล้วล่ะ คุณมันผู้ชายปากไม่ตรงกับใจ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณทำอะไรข้างในนั้น”
รพีพงษ์ไม่สนใจบุษบากร แต่เมื่อเก็บโทรศัพท์ไป บุษบากรก็ส่งรูปมาให้เขา
เป็นรูปในคืนนั้น เป็นตอนที่เขาพาบุษบากรไปนอนบนเตียง และจู่ๆบุษบากรก็จับหน้าเขา
แต่มองจากมุมในรูปนี้แล้ว เป็นรพีพงษ์กดร่างบุษบากรไว้บนเตียง เหมือนกำลังจะทำอะไร
รพีพงษ์ไม่คิดว่าบุษบากรจะมีรูปนี้ จึงได้รู้ว่าบุษบากรคงไม่ได้เป็นลมไปจริงๆ เธอทำเพียงเพื่อถ่ายภาพๆนี้
“เธอจะทำอะไร?”รพีพงษ์ตอบเธอกลับไป
“ไม่บอก ผู้ชายเจ้าชู้ ไปที่แบบนั้นแต่ไม่คิดจะมาหาฉัน ฉันด้อยกว่าผู้หญิงพวกนั้นงั้นเหรอ?”
รพีพงษ์เก็บโทรศัพท์กลับไป เขาไม่ได้สนใจบุษบากร ฉันว่าจินตนาการเธอล้ำเลิศจริงๆ ที่ตนมาที่นี่ก็แค่มาดูอาการป่วยของไตรทศก็แค่นั้น
เขาอยู่ในสถานบันเทิงสตาร์กายอีกพักหนึ่ง จากนั้นรพีพงษ์ก็ออกมา แล้วกลับดงเย็น
เมื่อเขามาถึงหน้าประตูวิลล่า แล้วเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าบนพื้นหน้าประตูมีของทิ้งอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดล้วนเป็นของของเขา ด้านในยังมีรูปคู่ของเขากับอารียา
รพีพงษ์หยิบรูปใบนั้นขึ้นมาอย่างปวดใจนิดๆ ใช้มือเช็ดไปมา นี่เป็นรูปคู่เขากับอารียาเพียงรูปเดียวที่มีอยู่ เขาเห็นรูปนี้เป็นสิ่งล้ำค่ามาตลอด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะโดนโยนทิ้ง
ขณะนั้นเอง ประตูของวิลล่าได้เปิดออกอีกครั้ง ศศินัดดาโยนกล่องที่ตนถือลงไปกับพื้น ด้านในล้วนเป็นเสื้อผ้าของรพีพงษ์
รพีพงษ์มองศศินัดดา แล้วถามขึ้น:“คุณทำอะไร?”
ศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์กลับมาแล้ว ก็ยิ้มเยาะใส่เขาแล้วพูดขึ้น:“แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ จะบอกแกให้นะบ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับแกอีกต่อไป วันนี้แกไสหัวไปซะ ของของแกอยู่ตรงนี้หมดแล้ว รีบออกไปได้แล้ว เห็นแล้วรำคาญ”
รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาที่เพิ่งจะได้วิลล่าไป ก็รีบไล่เขาออกแบบนี้ ในใจคิดไม่ถึง
“คุณแน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้จริงๆ?”รพีพงษ์จ้องศศินัดดาพลางถามเสียงเยือกเย็น
“รพีพงษ์ ตอนนี้วิลล่าเป็นของฉันแล้ว ใครจะอยู่ในวิลล่าได้ มันก็ขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าฉันจะให้แกออกไปแกก็ต้องออกไป รีบเก็บของของตัวเองแล้วไปซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก”ศศินัดดาพูดฉอดๆ
ขณะนั้นเองศักดาก็เดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นว่าศศินัดดาจะไล่รพีพงษ์ เขาจึงพูดขึ้น:“ให้รพีพงษ์อยู่ที่นี่เถอะ เขาอยู่ยังพอทำความสะอาด ทำอาหารนู่นนี่ได้ ถ้าเขาไปพวกเราคงต้องจ้างแม่บ้าน”
ศศินัดดาจ้องศักดาพลางพูด:“ถึงจะต้องจ้างแม่บ้านฉันก็ยอม ดีกว่าให้เศษขยะคนนี้อยู่ที่นี่ต่อ!”
ศักดาได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขากลัวว่าศศินัดดาจะไล่ตนออกไปพร้อมกับเขา
ขณะที่ศศินัดดาไล่รพีพงษ์อยู่นั้น อารียาเลิกงานและกลับบ้านมาพอดี เธอเห็นของของรพีพงษ์โดนโยนออกมา บวกกับเห็นศศินัดดายืนข่มขู่อยู่ที่ประตู เธอจึงรีบเข้าไปถาม:“แม่ แม่ทำอะไรเนี่ย พวกคุณทำอะไรกัน?”
ศศินัดดาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ:“ลูกแม่ วันนี้เศษขยะรพีพงษ์โอนวิลล่าหลังนี้ให้แม่ จากนี้ไปวิลล่าหลังนี่เป็นของพวกเราแล้วนะ ตอนนี้แม่ไล่ให้เขาออกไปจากบ้านของเรา ต่อไปเราก็ไม่ต้องเจอหน้าเจ้าเศษขยะนี่ทุกวันแล้ว”
อารียาได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด ในใจร้อนรุ่ม ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงโอนวิลล่าให้ศศินัดดา
“แม่ทำอะไร ทำไมต้องไล่รพีพงษ์ด้วย?”อารียาถาม
“เขามันก็แค่เศษขยะ นอกจากวิลล่าหลังนี้เขาก็ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้วิลล่าเป็นของแม่ แม่ไม่ให้เขาอยู่แน่นอน!”ศศินัดดาพูดอย่างมีเหตุผล
เธอหันไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง แล้วจับมือรพีพงษ์พลางพูด:“เราไปกันเถอะ บ้านแบบนี้ไม่อยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร !”