พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1219 สอบปากคำ
เมื่อทั้งสองได้ยิน ทันใดนั้นเหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผาก
“คุณชายรพี คุณสูงส่งไม่กล่าวโทษคนชั้นต่ำ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมรับรอง ว่าต่อไปจะไม่หลอกคนอีกแล้ว และไม่มีทางปรากฏกายต่อหน้าคุณอีกต่อไป”
ตนัสกล่าว น้ำตาไหลริน
“เก็บน้ำตาของแกไว้ มันไม่มีประโยชน์กับฉันหรอกนะ”
รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ “ก่อนหน้านี้ฉันได้ให้โอกาสแกแล้ว แต่ แกมันเนรคุณ ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ต้องฆ่าสถานเดียว!”
“ผม……” ตนัสกัดปากตัวเองแรงๆ ตอนนี้ เขาเสียใจแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในห้องน้ำสาธารณะ ทำไมถึงไม่บอกที่อยู่ของพรตให้เขา
จู่ๆ พรตลากตนัสไปด้านหลัง แล้วรีบแย่งพูด “คุณชายรพี ต่อไป ผมจะอยู่กับคุณ”
“อยู่กับฉัน?”
รพีพงษ์ดูแคลน
“ใช่”
พรตพูดต่อ “ในเมื่อประมุกเมธิดาเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า รพีพงษ์ ผมตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะอยู่กับคุณ ผมจะทำยาให้คุณทุกปี รับประกันว่าอย่างน้อยจะมียาวิเศษสองเม็ด ให้ฟรี ไม่เอาแม้แต่สตางค์แดงเดียว”
“ยาวิเศษสองเม็ด?” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว
พรตคิดว่ารพีพงษ์ไม่พอใจ จึงรีบเปลี่ยนใจ “สามเม็ด! สุดๆของผมล่ะ มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณก็รู้ สูตรของยาวิเศษนั้นทำยาก และวัตถุดิบดั้งเดิมก็หายาก”
“ยาวิเศษสามเม็ด?” รพีพงษ์กล่าวอย่างครุ่นคิด “นี่ถือว่าหาได้ยาก”
“ถูก คุณชายรพี ยาวิเศษสามเม็ด นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลใหญ่ต้องการ แต่ ผมจะให้เฉพาะตระกูลลัดดาวัลย์ของคุณตระกูลเดียวเท่านั้น คุณคิดว่าไง” พรตกล่าวอย่างประจบประแจง
“แกเข้าใจผิดแล้วละ”
รพีพงษ์ส่ายหน้า อย่างสบาย “ยาวิเศษสามเม็ด ฉันไม่สนใจหรอก”
“อะไรนะ?”
พรตที่เสนอเงื่อนไขของตนอย่างเชื่อมั่น เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็แทบจะอ้าปากค้าง
“หรือ……คุณชายรพีมียาวิเศษในมือแล้วงั้นเหรอ? หรือ ตระกูลลัดดาวัลย์ได้เซ็นสัญญากับคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว?” พรตถามอย่างตกใจ
“เซ็นสัญญากับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ? ฉันไม่สนใจนะ”
รพีพงษ์ตอบตรงๆ ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่เขาเห็นหน้าตาอันน่ารังเกียจของพรตแล้ว ก็รู้สึกไม่ดีกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุไปโดยปริยาย
นี่ก็คือ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งเข่ง
“เรื่องยาวิเศษที่แกว่า ฉันมีจำนวนไม่น้อยนะ ก็หลายลังอยู่” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
“กี่ลัง?เป็น……เป็นไปได้ไง?” พรตตกใจมาก แว็บแรกคิดว่ารพีพงษ์กำลังคุยโวอยู่
“แกคิดว่า ฉันจะพูดมั่วๆมั้ย?”
รพีพงษ์ถามอย่างเยือกเย็น
ในความเป็นจริง เขาไม่ได้พูดเกินไปเลย ที่เกาะทะเลสาบเทียม ก็คือที่ฝังร่างของชัชพิสิฐ ที่นั่นมียาวิเศษจำนวนหลายลัง
“ตอนนี้ ถึงเวลาที่ฉันจะถามแกแล้วละ”
สายตาของรพีพงษ์ พูดพลางเลือดเย็นขึ้นทันใด
พรตและตนัสรู้ ว่าตัวเองพูดจาไม่ระวัง จะถูกสังหาร
“โรคระบาดในครั้งนี้ แกเป็นคนแพร่กระจายใช่มั้ย” รพีพงษ์ถามพรต มองไปที่อีกฝ่ายโดยตรง
รพีพงษ์ปล่อยจิตวิญญาณเทพออกมา เพื่อง่ายต่อการตัดสินว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่หรือไม่
“ไม่ใช่” พรตกล่าว
รพีพงษ์ดูแคลนออกมา กระบี่สยบเซียนที่อยู่ด้านหลังลอยมาที่อีกฝั่งอย่างไม่ลังเล
พรตตกใจจนยกมือขึ้นมาขวางไว้
อ้า!
เสียงร้องครวญคราง นิ้วก้อยของพรตถูกตัดออกไป ปากแผลเรียบเสมอ หลังจากที่นิ้วก้อยขาดไปได้ไม่กี่วินาที พรตเพิ่งจะรู้สึกเจ็บปวดทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจ
“จำไว้ อย่าโกหกต่อหน้าฉัน”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเลือดเย็น “ตอบมาอีกครั้ง โรคระบาดครั้งนี้แกเป็นคนแพร่กระจายใช่มั้ย?”
“ใช่……”
พรตกัดฟันกล่าว
อีกฝ่ายมีความสามารถเจาะลึกได้ทุกเรื่อง แล้วเขาจะกล้าโกหกอีกได้อย่างไรกัน
“ที่แท้ก็เป็นแก” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ ดูๆแล้วการคาดเดาของพวกฝนสุดานั้นไม่เลว อาจารย์ของตนัสนี้ ที่แท้ก็มีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ
รพีพงษ์รู้ดี ว่าคนนี้ต้องฆ่าให้ได้ เพียงแต่ ก่อนที่จะฆ่าเขา มีคำถามบางอย่างที่ต้องถามให้แน่ชัด
“ทำไมแกต้องทำแบบนี้ มีประโยชน์กับแกเหรอ?” รพีพงษ์ถาม
พรตขมวดคิ้ว “มี……มีคนให้ผมทำแบบนี้”
“ใคร!”
“ผมไม่รู้!” พรตตอบ
“ไม่รู้?” รพีพงษ์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่ภายใต้การรับรู้จิตวิญญาณเทพ พรตไม่ได้โกหก
รพีพงษ์กำหมัด “บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่แกรู้มาให้หมด ถ้าแกกล้าปิดบังแม้แต่นิดเดียว กระบี่สยบเซียนจะไม่ปล่อยแกไปแน่”
“ผมพูด พูดแน่!”
ในสถานการณ์แบบนี้ พรตจะกล้าขัดขืนรพีพงษ์ที่ไหนกัน บอกทุกอย่างทุกการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ให้เขาฟังทั้งหมด
“ตอนที่คนนั้นนัดเจอผม นัดกันที่ป่าทึบไกลๆแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นช่วงกลางคืน แล้วเขายังหันหลังอีกด้วย ผมไม่รู้ว่าเป็นใครเลยด้วยซ้ำ”
พรตพูดต่อ “เขาเพียงแค่ให้ผมทำตามคำสั่งของเขา ให้คนในเมืองเล็กนี้อยู่ในความหวาดผวา เป้าหมายก็คือ……”
เขาพูดพลาง มองไปที่รพีพงษ์
“เป้าหมายอะไร?” รพีพงษ์ถาม
พรตไม่ทันได้ตอบ ตนัสแย่งตอบ “เป้าหมายเพราะคุณ!”
“ฉัน?”
เพี่ยะ!
เสียงตบดังขึ้นหนึ่งฉาด เกือบตบตนัสสลบ
“คุณ……คุณชายรพี คุณตบผมทำไม?” ตนัสถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไมไ่ด้ให้แกพูด แกเสือกขึ้นมาทำไม” รพีพงษ์กล่าวอย่างเลือดเย็น
ตนัสตัวแข็งทื่อทันใด เดิมทียังอยากแสดง ตอนนี้เป็นไงละ โดนตบอย่างไร้สาเหตุเลยไงละ
เขาเหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออกอย่างไรอย่างนั้น คุกเข่าที่มุมกำแพง ไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมา
“สิ่งที่เขาพูด จริงมั้ย?” รพีพงษ์ถาม
พรตพยักหน้า “ใช่ ผู้ว่าจ้างพูดแบบนี้จริงๆ เขาบอกว่าคุณจะมาที่เมืองเล็กนี้ไม่ช้าก็เร็ว ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ให้ผมจัดการ ทำให้เมืองเล็กตกอยู่ในความหวาดผวา เขาบอกว่า ถ้าคุรเห็เหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีทางไม่สนใจแน่นอน แล้วเขายังให้ผม ฆ่าคุณ ตอนที่ได้โอกาสด้วย”
“
“แล้วตอนนี้แกคิดว่าจะฆ่าฉันได้มั้ย?” รพีพงษ์ถาม
พรตส่ายหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าลง
หลังจากที่เห็นฝีมือของรพีพงษ์แล้ว เขาจะคิดแบบนี้อีกได้อย่างไรกัน
“ตามที่พูดมา ผู้ว่าจ้างที่แกว่ามานี้ ดูๆแล้วจะรู้ดีเรื่องที่อยู่ของฉันมากเลยนะ”
รพีพงษ์กล่าว แต่ในหัวกำลังครุ่นคิด
เรื่องที่ตนจะไปสำนักเทพยาเซียน มีคนรอบกายแค่ไม่กี่คนที่รู้ แม้แต่ฝนสุดาได้ยินธัชธรรมพูด จึงได้เดา
“หรือ ยังมีคนอื่นที่รู้อีก?” รพีพงษ์สงสัยขึ้นในใจ
ทันใดนั้น เขาก็มองไปยังพรต “แกรู้อะไรมาอีก พูดออกมา”
“คุณชายรพี ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมพูดทุกอย่างที่ผมรู้แล้ว” พรตร้องออกมา
รพีพงษ์ท่าทีครุ่นคิด “ฉันรู้สึกเหมือนแกจะลืมอะไรบางอย่างไปนะ ให้ฉันช่วยแกคิดละกัน”
พูดพลาง ก็สะกิดใจ กระบี่สยบมารได้โจมตีออกมาอีกครั้ง
เมื่อยกมือขึ้นดาบก็ลอยไป ตอนนี้ ตัดนิ้วของอีกฝ่ายสองนิ้วโดยตรง
พรตหน้าซีด เหงื่อออกทั่วร่างกาย
“นึกออกหรือยัง?” รพีพงษ์ถาม
สายตาพรตหวาดกลัว สำหรับเขาแล้วรพีพงษ์ในตอนนี้ เหมือนกับเทพปีศาจก็มิปราณ กุมความเป็นความตายของตนไว้
“ผม……ผม……”
พรตร่ำร้องอ้อนวอน พูดขึ้นมาทันที “อ้อ ผมนึกออกแล้ว คืนนั้นที่ผมเจอกับผู้ว่าจ้างในป่าลึก แม้จะห่างกันยี่สิบเมตร แล้วเขายังหันหลัง แต่ผมดูออก ว่าเขาเป็นผู้หญิง!”
“ผู้หญิง?” รพีพงษ์ตกใจ “แกไม่ได้ดูผิดใช่มั้ย?”
“ผมมั่นใจ อย่างอื่นผมไม่กล้าพูด แต่เรื่องการดูผู้หญิง ผมถนัด” พรตพูดประโยคนี้ ฟังดูแล้วรู้สึกค่อนข้างภูมิใจ
รพีพงษ์คิดในใจ ผู้หญิง? จะเป็นใครได้นะ?
“ตุณชายรพี คุณ……คุณปล่อยผมไปได้หรือยัง” พรตกล่าว
“แกว่าไงละ?”
รพีพงษ์ใช้เสียงเลือดเย็นกล่าว “บอกฉันมา โรคระบาดที่แกแพร่กระจายนี้ จะทำให้หายเป็นปริทิ้งได้อย่างไร”
“เรื่องนี้……“ พรตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเริ่มอึดอัด
“ทำไม แกเป็นคนทำ แต่กลับแกไม่ได้?” รพีพงษ์ถามด้วยเสียงเยือกเย็น ดาบจะตัดนิ้วอื่นออกอีกแล้ว
“ไม่! เพียงแต่ ผมไม่คาดคิด ว่าจะแพร่กระจายอย่างรุนแรงขนาดนี้” พรตรีบกล่าว “ถ้าติดโรคแค่สิบกว่าคน ผมยังพอมีทางออก แต่ตอนนี้ ทั้งเมือง คนที่เป็นโรคไม่ต่ำกว่าพัน นี่……นี่มันจัดการยากจริงๆ”
“แก!”
รพีพงษ์โมโหด้วยกับหลายเรื่อง จัดการเตะต่อยไปอีกครั้ง
“ไอ้เหี้ย คนอย่างมึงสมควรตาย!” รพีพงษ์เกรี้ยวกราด
“ความจริง ตอนนี้วิธีที่คนในเมืองเล็กทำก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ ลดการรวมกลุ่ม ก็มากพอที่จะยับยั้งได้ เพียงแค่……”
“เพียงแค่อะไร?” รพีพงษ์ถาม
วิธีที่พรตพูดมา รพีพงษ?ก็เห็นด้วยตัวเองแล้ว ดูๆแล้วที่คุณหมอใหญ่ปุรุเมธพูดนั้นไม่มีผิด วิธีแบบนี้ ทั้งง่าย ทั้งได้ผลดี
“เพียงแค่ กลัวว่าซูเปอร์สเปรดเดอร์จะทำให้มันระบาดระลอกสอง” พรตกล่าว
“ซูเปอร์สเปรดเดอร์? ระบาดระลอกสอง?”
รพีพงษ์เหยียบอีกฝ่ายติดดิน “พูดว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ทำให้ผู้คนของเมืองเล็กทุกคนติดเชื้อ เรื่องนี้ฉันทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงหาวัยรุ่นบึกบึนคนหนึ่ง เพียงแค่ให้เขากินยาเข้าไป เขาก็จะแพร่ไปให้หลายคนได้แล้ว“ พรตพูดตรงๆ “แล้ว คนที่ผมเลือกนี้ ร่างกายแข็งแกร่ง ซูเปอร์สเปรดเดอร์ที่ว่า ตัวเองจะไม่รู้สึก แต่สามารถแพร่ไปให้คนอื่นได้”
“แผนการนี้ของแก มันร้ายกาจมากจริงๆ” รพีพงษ์กำหมัดแน่น อยากจะฆ่าคนนี้เต็มที
เพื่อเงินค่าตอบแทนแค่นั้น ถึงขึ้นทำให้ทุกคนในเมืองหวาดผวาอย่างไม่เสียใจใดๆ คนแบบนี้ น่าเกลียดที่สุด
“ว่ามา ซูเปอร์สเปรดเดอร์คนนั้น ชื่ออะไร!” รพีพงษ์เพิ่มแรง เหยียบไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง