พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 121 โอนวิลล่าให้ฉัน
บทที่ 121 โอนวิลล่าให้ฉัน
คนในตระกูลฉัตรมงคลไม่เคยเจอเธียรวิชญ์ ดังนั้นเมื่อเห็นเธียรวิชญ์ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“เขาเป็นใคร?เขาบอกว่าสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป จะยอมต่อสัญญากับตระกูลฉัตรมงคล หรือจะเป็นคนของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป?”
“อย่าล้อเล่นนา คนของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป จะมาอยู่ที่นี่ได้ไง อาจเป็นคนที่อารียาส่งมาเล่นละครก็ได้”
“ดูเหมือนมาก นักแสดงคนนี้เก่งจริงๆ อารมณ์ที่แสดงออกมาทำให้ฉันคิดว่าเป็นประธาน ของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปจริงๆ”
คนตระกูลฉัตรมงคลพวกนี้ไม่รู้จักเธียรวิชญ์ แต่นภทีป์กับธายุกรรู้จัก
เมื่อเห็นเธียรวิชญ์เข้ามา นภทีป์ที่พักฟื้นอยู่รีบยืนขึ้นทันที ธายุกรก็รีบเดินเข้าไป เมื่อคิดถึงเรื่องที่เธียรวิชญ์พูดถึงเขาวันก่อน ในใจก็รู้สึกขาดความมั่นใจ
อารียาก็ไม่รู้จักเธียรวิชญ์เช่นกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แม้รพีพงษ์บอกว่าแค่เธอได้เป็นผู้จัดการ สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป ก็สามารถกลับมาต่อสัญญากับตระกูลฉัตรมงคลได้
เธอไม่คิดว่าตัวเองที่เพิ่งจะได้เป็นผู้จัดการ คนของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปก็มาซะแล้ว อีกทั้งดูจากท่าทางแล้ว ราวกับเป็นคนใหญ่คนโตของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป
ถ้านี่เป็นคนที่รพีพงษ์เรียกมา งั้นรพีพงษ์ก็เก่งเกินไปแล้ว
อารียาหันไปมองรพีพงษ์ ก็เห็นว่ารพีพงษ์ยิ้มให้เธออย่างหยอกล้อ ราวกับว่าทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ญาติๆตระกูลฉัตรมงคลที่ไม่รู้จักเธียรวิชญ์เดินเข้ามา และเย้ยหยันเขาทันที
“คุณเป็นนักแสดงที่อารียาเชิญมาใช่ไหม แสดงได้เหมือนมาก ทั้งยังมีเลขามาด้วยอีก อารียาคงให้เงินพวกคุณไปไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“อารียา เธอเห็นเราเป็นคนโง่รึไง บริษัทใหญ่อย่างสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป จะเป็นฝ่ายกลับมาต่อสัญญากับเราเองได้ยังไง เธอทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย”
“อีกอย่าง เธอเพิ่งจะได้เป็นผู้จัดการ พวกเขาจะกลับมาต่อสัญญากับเราได้ยังไง เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?ท่านปู่นภทีป์ ฉันว่าอารียาไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการตั้งแต่แรก ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้”
……
เมื่อนภทีป์กับธายุกรได้ยินพวกญาติๆพูดเหน็บแนม สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาทันที
ธายุกรเด็กกว่าจึงพูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองพวกเขาด้วยสายตาน่าสงสาร ในใจพลางคิดว่าอย่าให้นภทีป์โมโหเลย
นภทีป์ด่ากลับไป:“พวกแกไสหัวออกไปให้หมด!เขาเป็นถึงประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป แต่กลับโดนพวกแกชี้นิ้วด่าอย่างนี้นะเหรอ?ต่อจากนี้ไปผลกำไรของบริษัท พวกแกอย่าคิดว่าจะได้ไปสักแดงเดียว ไสหัวออกไปซะ!”
เมื่อพวกเขาได้ยินนภทีป์พูดเช่นนั้น หน้าถอดสีทันที พวกเขาไม่คาดคิดว่าคนนี้จะเป็นประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
พวกเขาเสียใจภายหลัง และมองนภทีป์ด้วยสายตาขอร้อง
นภทีป์เห็นพวกเขายังไม่ออกไป ก็รีบคว้าแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะปาไปยังพวกเขา
พวกเขาเห็นเป็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าถ้าหากยังไม่ออกไป เกรงว่านภทีป์คงได้ป่วยอีกรอบ ดังนั้นจึงรีบพากันออกไป
ธายุกรส่ายหน้า ในใจคิดว่าคนในตระกูลฉัตรมงคลพวกนี้ ต่อไปอย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสออกหน้าออกตาอีกเลย
คนที่เหลืออยู่ก็สงสัยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนภทีป์ก็เข้าใจขึ้นมาทันที คนคนนี้คงเป็นประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปจริงๆ
ทุกคนต่างไม่อยากจะเชื่อ คาดไม่ถึงว่าประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป จะกลับมาทำต่อสัญญาด้วยตัวเอง
หรือจะเป็นเพราะอารียา?
ทันใดนั้นทุกคนก็เดาความสัมพันธ์ของอารียากับเธียรวิชญ์ จากการคาดเดาของพวกเขา คิดว่าอารียาคงสวมเขาให้รพีพงษ์แล้วล่ะ
ไม่งั้นระดับประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป จะมาต่อสัญญาด้วยตัวเองแบบนี้ได้ยังไง
คิดเช่นนั้น พวกเขาก็คิดว่าสมเหตุสมผล พลางมองรพีพงษ์ด้วยสายตาเห็นใจ
บางคนต้องหาเหตุผลต่างๆมาปกปิดความตระหนกไว้ในใจเสมอ พวกเขาไม่อยากยอมรับความเก่งของคนอื่น จึงใช้ความคิดร้ายๆมาแสดงความอิจฉาที่มีอยู่ในใจ
นภทีป์เดินไปหาเธียรวิชญ์ตัวสั่น พลางพูด:“ประธาน ที่พวกไม่มีมารยาทล่วงเกินคุณเมื่อครู่นี้ หวังว่าคุณอย่าได้ใส่ใจ”
เธียรวิชญ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ไม่เป็นไร ท่านปู่นภทีป์ไม่สบายอยู่รีบนั่งลงเถอะ ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาบอกว่า พวกเราตกลงที่ต่อสัญญา กับตระกูลฉัตรมงคลต่อ”
นภทีป์รีบพยักหน้าและพูดขึ้น:“ประธานทำสัญญากับตระกูลฉัตรมงคลของเราต่อ เหมือนเป็นการให้เกียรติเรา ผมรู้สึกขอบคุณมาก”
เธียรวิชญ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น:“แต่ผมต้องแจ้งถึงเหตุผลที่ผมยอมต่อสัญญา คุณเป็นคนที่มีความชอบธรรม ที่ให้อารียาเป็นผู้จัดการ ผมหวังว่าจากนี้สิทธิในมือเธอจะมีมากขึ้นหน่อย เช่นนี้เราจึงสามารถต่อสัญญากับตระกูลฉัตรมงคลได้”
นภทีป์พยักหน้าทันทีและพูดขึ้น:“ประธานไม่ต้องกังวล ตอนนี้อารีเป็นผู้จัดการแล้ว จากนี้ผมจะค่อยๆให้สิทธิกับเธอ”
ธายุกรที่อยู่ไม่ไกลกัดฟันกรอดๆ สิ่งที่นภทีป์พูด ราวกับให้ทุกอย่างของตระกูลฉัตรมงคล กับอารียาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ต่อหน้าเธียรวิชญ์ เขาไม่กล้าพูดอะไร
“อีกอย่าง เพื่อไม่ให้คนในบ้านของคุณคิดไปไกล ผมต้องอธิบายกับพวกคุณสักหน่อย ว่าทำไมผมถึงให้ความสำคัญกับอารียา”
เธียรวิชญ์พูดจบก็ให้เลขาของตน พูดโครงการที่อารียาทำจนประสบความสำเร็จ ทั้งหมดออกมาให้ทุกคนฟัง
ผลงานพวกนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่บริษัทไหน ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
คนตระกูลฉัตรมงคลพวกนี้ถึงแม้จะเอ้อระเหยในบริษัทไปวันๆ แต่ความสำเร็จของงานพวกเขาก็พอจะดูออก อีกทั้งตอนที่อารียาดูแลโครงการ ตระกูลฉัตรมงคลก็พัฒนาดีขึ้นมาก เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมรับก็เท่านั้น
ขณะนี้เธียรวิชญ์กำลังแสดงให้พวกเขาเห็นถึงประสิทธิภาพที่แท้จริง ให้พวกเขายอมรับความเก่งของอารียา
คนที่คาดเดาในเมื่อครู่ว่าอารียาทำบางอย่าง จึงทำให้สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปร่วมงานต่อ ตอนนี้คนพวกนั้นต่างทำตัวไม่ถูก
นี่เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อีกทั้งเหมือนบอกพวกเขาว่า พวกเขาทำอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากใส่ร้ายคนอื่น
อารียาเห็นเธียรวิชญ์ทำแบบนี้ ในใจก็รู้สึกซาบซึ้ง เป็นเช่นนี้ใครก็ไม่อาจว่าร้ายเธอลับหลังได้แล้ว
แม้บางคนจะยังปฏิเสธไม่ยอมรับ ว่าอารียาอาศัยความสามารถมานั่งตำแหน่งผู้จัดการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอารียาทำได้ดีกว่าพวกเขามาก
แต่ที่เธียรวิชญ์ทำแบบนี้ เพราะเกรงว่ารพีพงษ์จะมาจัดการเขา เพราะคนอื่นพูดถึงอารียาไม่ดี เขาไม่อยากแบกรับความโกรธเกรี้ยวของรพีพงษ์
เมื่ออธิบายทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธียรวิชญ์ก็กลับไปพร้อมกับเลขาของเขา
คนในตระกูลฉัตรมงคลล้วนไม่สบอารมณ์ โดยเฉพาะธายุกร
เขาคิดว่าถึงอารียาจะได้เป็นผู้จัดการ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขา อีกทั้งไม่ได้ร่วมงานกับสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป ตระกูลฉัตรมงคลก็เป็นแค่เรื่องเละเทะ แค่นี้ก็เป็นปัญหากับอารียาแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า อารียาที่เพิ่งจะได้เป็นผู้จัดการ สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปก็กลับมาต่อสัญญาทันที อีกทั้งนภทีป์ยังรับปากว่าจะให้สิทธิอีกมากมายกับอารียา
เป็นเช่นนี้ตำแหน่งของอารียาในตระกูลฉัตรมงคล อยู่ในตำแหน่งสูงมากๆ แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทสืบทอดตระกูลฉัตรมงคลในอนาคต แต่นภทีป์ยังไม่ตาย งั้นตำแหน่งในตระกูลฉัตรมงคลของเขา ต่ำกว่าอารียาซะอีก
เขามองหน้าอารียาด้วยความเคียดแค้น ไม่รู้ทำไม เขากับอารียาก็เป็นศัตรูกันมานาน แต่ไม่เพียงเขายังไล่อารียาออกจากตระกูลฉัตรมงคลไม่ได้ ตำแหน่งของอารียาในตระกูลฉัตรมงคลกลับยิ่งสูงขึ้นไปอีก
“รอฉันก่อนเถอะ ฉันเป็นทายาทของตระกูลฉัตรมงคล วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว เธอจะต้องโดนเหยียบใต้เท้าฉัน!”
หลังจากที่อารียาเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ ตระกูลฉัตรมงคลที่เดิมทีนั้นย่ำแย่ ตอนนี้มั่นคงขึ้นมาแล้ว
นภทีป์ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องจะเอาวิลล่าหรือรถกลับมา คนที่ดีใจที่สุดก็คือศศินัดดา
แค่ตระกูลฉัตรมงคลไม่มีปัญหา ศศินัดดาก็ไม่เดือดร้อน เธออยากสร้างปัญญาให้รพีพงษ์
หลังจากเรื่องนี้ศศินัดดาก็รู้อะไรมากขึ้น ถ้าวิลล่าไม่ใช่ชื่อของอารียา งั้นพวกเขาก็อยู่อย่างไม่มีหน้ามีตา
รพีพงษ์ถึงขนาดกล้าแข็งข้อกับนภทีป์ เพราะวิลล่าเป็นชื่อเขา
ถ้าหากวันไหนรพีพงษ์ไม่ใจดีขึ้นมา ถึงเขาจะไล่พวกเขาออกไป พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้
ดังนั้นจึงทำให้ศศินัดดาอยากให้รพีพงษ์ รีบโอนวิลล่าให้เป็นชื่ออารียา
วันนี้รพีพงษ์ส่งอารียาไปทำงาน หลังจากกลับมาก็เห็นศศินัดดานั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นเธอกลับมาดวงตาของเขา ก็กลายเป็นเหมือนสุนัขจิ้งจอกทันทีและไม่ปิดบัง
“รพีพงษ์ คุณมานี่หน่อยสิ”ศศินัดดาพูด
รพีพงษ์เดินไปหาศศินัดดา มองเธออย่างสงสัยพลางพูด:“มีอะไรครับแม่?”
ศศินัดดายิ้มๆแล้วพูดขึ้น:“แกนั่งลงก่อน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับแก”
รพีพงษ์นั่งลงตรงข้ามศศินัดดา
“คืออย่างนี้นะ ถึงพวกแกไม่พูดฉันก็พอจะรู้ ช่วงนี้แกนอนบนเตียงอารีตลอด ฉันพูดถูกใช่ไหม?”ศศินัดดาพูด
รพีพงษ์นิ่งอึ้งไป ไม่รู้ว่าทำไมศศินัดดาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้น และสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ตอนกลางคืนศศินัดดาแอบตรวจดูพวกเขา
ตอนที่พวกเขานอนไม่ได้ล็อกประตูแต่ก็ปิดมัน ศศินัดดารู้เรื่องนี้ได้ ต้องเป็นเพราะเธออาศัยตอนที่พวกเราหลับแล้วแอบเปิดประตูเข้ามาแน่ๆ
นี่ทำให้รพีพงษ์รังเกียจนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะทำเรื่องแบบนี้
“คุณหมายความว่าไง?”รพีพงษ์ถาม
“ความหมายของฉันนั้นง่ายมาก อารีเป็นลูกสาวของฉัน แกนอนบนเตียงกับเธอก็เท่ากับเอาเปรียบเธอ แบบนี้แกเอาเปรียบเฉยๆไม่ได้หรอกนะ”ศศินัดดาพูด
รพีพงษ์หมดคำจะพูด เขาพูดขึ้น:“ผมกับเธอเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย นอนเตียงเดียวกันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”
“เหลวใหล!ตอนนี้ลูกสาวฉันเป็นถึงผู้จัดการของบริษัท เธอเก่งขนาดนี้ แกมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นสามีของเธอ รพีพงษ์ แกอย่าทำเป็นไม่รู้ผิดชอบหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวฉัน แกคงโดนท่านปู่นภทีป์ไล่ออกจากตระกูลฉัตรมงคลไปนานแล้ว”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าแกเอาเงินจากไหนมาซื้อวิลล่า แต่แกก็ไม่เหมาะสมกับลูกสาวของฉัน ตอนนี้นอนเตียงเดียวกับเธอ แกชดเชยให้เธอนั่นก็เป็นเรื่องที่ควรทำ”
“ดังนั้นฉันอยากให้แกหาเวลา แล้วไปโอนวิลล่าหลังนี้ให้ลูกสาวฉันซะ แบบนี้ถึงจะยุติธรรม ช่างเถอะ แกโอนวิลล่าให้ฉันก็ได้ ยังไงเมื่อถึงเวลาฉันก็โอนให้อารีอยู่ดี”
ศศินัดดาพูดอย่างมั่นใจ ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเกินไปแม้แต่น้อย
“คิดไม่ถึงจริงๆ เพื่อให้ได้วิลล่าหลังนี้ ถึงกับคิดว่าอารีเป็นสินค้า หรือเธอในสายตาของคุณมีค่าแค่วิลล่าหลังหนึ่งงั้นเหรอ?”รพีพงษ์พูดอย่างเย้ยหยัน
“หึ ฉันต้องเป็นฝ่ายถามแกมากกว่า แกเอาเปรียบลูกสาวฉัน แต่แม้แต่วิลล่าหลังหนึ่งก็ไม่ให้?”ศศินัดดาพูดอย่างดุดัน
รพีพงษ์กระตุกยิ้มแล้วพูด:“วิลล่าหลังนี้สำหรับผมแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ให้คุณไปแล้วจะยังไง”
“ฮ่าๆ ยังจะมาอวดกับฉัน วิลล่าหลังนี้ราคาตั้ง15ล้าน แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ประธานของสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปงั้นเหรอ?แกพูดมาว่าจะโอนหรือไม่โอน ถ้าไม่โอนคืนนี้แกกับอารีก็นอนแยกกัน”
รพีพงษ์ถอนหายใจ ไม่อยากเถียงกับเธอต่อจึงพูดขึ้น:“วิลล่าหลังนี้ให้คุณได้ แต่หลังจากนี้คุณไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับอะไร ระหว่างผมกับอารีได้อีก”