พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 110 คงไม่ได้เป็นไตพร่องหรอกนะ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 110 คงไม่ได้เป็นไตพร่องหรอกนะ
บทที่110 คงไม่ได้เป็นไตพร่องหรอกนะ
รพีพงษ์เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของบุษบากร ยืนยันว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ คงจะดื่มมากเกินไปแล้ว สายลมหนาวที่พัดมาในตอนนี้ คงทำให้ไม่สบาย
เขามองไปที่บุษบากรซึ่งหลับไปแล้ว อยู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกปวดหัว
บุษบากรไม่ได้บอกเขาว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน เขาจึงไม่สามารถส่งบุษบากรกลับบ้านได้
ถ้าหากพาบุษบากรกลับไปวิลล่าของเขาแล้ว อารียาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน เมื่อบุษบากรตื่นขึ้นมาจะต้องไปพูดซี้ซั้วกับอารียาแน่ รพีพงษ์จึงไม่อยากจะพาบุษบากลับไป
คิดไปคิดมา รพีงษ์จึงได้แต่พาบุษบากรไปที่โรงแรม ให้เธอนอนหลับ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็จะได้กลับบ้านเอง
เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว รพีพงษ์ก็มองไปรอบ ๆ ตัวเองและพบโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมาก จึงพยุงบุษบากรเดินไป
บุษบากรเป็นลมหมดสติไปโดยไม่รู้สึกตัว รพีพงษ์ทำได้เพียงปล่อยให้เธอพิงร่างของเขา พวกเขาเดินใกล้กันมาก
ดูไปแล้วเหมือนกับคู่รัก
เมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้ว รพีพงษ์มาถึงแผนกต้อนรับและถามหาห้องพักหนึ่งห้อง
ขณะที่พนักงานต้อนรับช่วยดำเนินการเช็คอินตามขั้นตอนอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองบุษบากรไม่หยุด
ในเวลานี้ดูไปแล้วเหมือนว่าบุษบากรจะถูกมอมเหล้าอย่างไรอย่างนั้น สายตาหลายคู่ของผู้คนที่แผนกต้อนรับมองไปที่รพีพงษ์อย่างคลางแคลงใจ ราวกับว่าเขาเป็นตัวอะไร
รพีพงษ์ถูกจ้องมองขนาดนั้น ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก แม้ว่าเขาจะไม่มีความคิดอื่นใดกับบุษบากร แต่เขาไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คนอื่นคิดได้
พนักงานต้อนรับใบหน้าเต็มด้วยการเหยียดหยาม ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขากำลังจะทำอะไรบุษบากร
“รพีพงษ์ นายต้องการใช้ประโยชน์จากฉันจริงๆ สินะ แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ?” จู่ๆบุษบากรก็พูดขึ้นมา
รพีพงษ์คิดว่าเธอคงจะตื่นแล้วจึงก้มมองลงไปทันที พบว่าบุษบากรยังคงนอนหลับตาอยู่ เมื่อกี้คงจะเป็นการละเมอ
พนักงานต้อนรับมองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่เคลือบแคลงเพิ่มขึ้น แล้วถามว่า “เธอยินยอมมากับคุณโดยสมัครใจใช่ไหม?”
รพีพงษ์รู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะว่าเขาไม่ต้องการอธิบายอะไรมากเกินไป จึงพยักหน้าเล็กน้อย
พนักงานต้อนรับเข้าใจท่าทีของเขา หลังจากดำเนินการเช็กอินตามขั้นตอนให้กับรพีพงษ์เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ให้คีย์การ์ดเขาไป
รพีพงษ์พยุงบุษบากรไปยังลิฟต์ตรงนั้น หลังจากพาเธอไปที่ห้องแล้วก็วางเธอลงบนเตียง กำลังจะหันหลังกลับและจากไป
ฉัน…..ฉันหนาวจังเลย”
บุษบากรขดตัวสั่นเทา
เมื่อเห็นดังนั้น รพีพงษ์จึงได้แต่ห่มผ้าห่มให้กับเธอ
เมื่อรพีพงษ์เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่ม ทันใดนั้นบุษบากรก็ดึงรพีพงษ์เข้ามากอด ทำให้เขาล้มลงไปทับบนตัวของเธอ
รพีพงษ์รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของบุษบากร ทันใดนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมา ปกติเขาเป็นคนใจเย็นมาก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ กลับรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย
“อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม” บุษบากรพึมพำ
รพีพงษ์หายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ผลักบุษบากรออกจากวงแขน หลังจากห่มผ้าห่มให้เธอแล้ว เขาก็รีบออกจากห้องไป
เขาเป็นผู้ชายธรรมดา สิ่งที่ผู้ชายควรรู้สึก เขามีครบทุกอย่าง ถ้าบุษบากรยังคงยั่วต่อไปอีกก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากรพีพงษ์ออกจากห้องไป บุษบากรที่นอนเหยียดตรงอยู่บนเตียง ก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
หลังจากรพีพงษ์ออกจากห้องก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็เดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเดินออกไปพนักงานต้อนรับต่างนิ่งอึ้ง เขาก็ขี้เกียจจะอธิบายจึงเดินตรงออกไปข้างนอกจนถึงประตูของสตาร์กายแล้วขับรถออกไป
พนักงานต้อนรับมองตามรพีพงษ์ที่กำลังจากไปและทันใดนั้นก็พูดว่า “เร็วขนาดนั้น คงไม่ได้เป็นไตพร่องหรอกนะ?”
……
กลับมาถึงบ้าน ศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนได้กลับห้องนอนไปแล้ว รพีพงศ์เดินเข้าห้องของตัวเองอย่างเงียบเชียบ แล้วเปิดไฟอย่างระมัดระวัง ไม่นึกว่าจะเห็นอารียายังไม่หลับ
เธอนั่งอยู่บนเตียง สองมือกอดเข่าอย่างเหม่อลอย
จังหวะที่รพีพงษ์เปิดไป อารียาล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที “กลับมาแล้วเหรอ ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ไม่ได้รอนายอยู่หรอกนะ ฉันนอนล่ะ”
รพีพงษ์ได้ยินอารียาที่พยายามพูดปิดบังแต่ก็ยิ่งปิดไม่มิดนั่นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นก่อตัวขึ้นในใจ
ไม่นึกว่าอารียาจะเอาแต่รอตัวเองกลับมาแล้วค่อยนอน ความรู้สึกที่มีคนรออยู่ที่บ้านแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกตื้นตันไปทั้งใจ
เขานอนลงข้างๆ อารียา เอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง แล้วเอ่ยเบาๆ “ขอบคุณนะ”
อารียาพลิกตัว แต่ไม่ได้ตอบสนองรพีพงษ์
รพีพงษ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานนัก ก็เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสงบใจ
เดิมทีรพีพงษ์นึกว่าหลังจากบุษบากรตื่นขึ้นมาแล้ว คงจะมาบอกกับอารียา เขาก็เตรียมตัวที่จะอธิบายกับอารียามาอย่างดี ถึงยังไงที่เขาไปสตาร์กาย ก็ไม่ได้ไปเพื่อหาความบันเทิงแต่อย่างใด
แต่ที่ทำให้รพีพงษ์คิดไม่ถึงก็คือ บุษบากรไม่ได้มาหาอารียา หลังจากนั้นสองวัน ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทางบุษบากร
รพีพงษ์คิดว่าบุษบากรเองก็คงจะรู้ตัวว่าตัวเองค่อนข้างไร้เหตุผล ดังนั้นจึงเลิกคิดถึงเรื่องนี้
ทั้งอารียาก็ไม่เคยถามว่าแท้จริงแล้วคืนนั้นรพีพงษ์ไปทำอะไรกันแน่ ในความคิดของอารียา เมื่อรพีพงษ์บอกว่าจะไปจัดการธุระ งั้นก็คงจะไปจัดการธุระจริงๆ
บ่ายวันนั้น ที่คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล
ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกับนภทีป์ มีเอกสารบางอย่างวางอยู่บนโต้ะ นั่นคือ”หลักฐาน”ที่ทั้งสองคนหามา
“คุณปู่ คุณปู่ต้องจัดการอารียานะคะ ที่เธออยู่ในบริษัทตอนนี้มันไม่มีเหตุผลเลย รับช่วงต่อบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ได้ไม่เท่าไหร่ หล่อนก็ทำบริษัทแทบจะกลวงโบ๋แล้ว”ชรินทร์ทิพย์พูด
นภทีป์เหลือบตามองเธอเล็กน้อยก่อนพูด “อารียาเป็นเด็กที่รอบคอบมาโดยตลอด ทั้งยังเอาการเอางาน มีความรับผิดชอบและละเอียดรอบคอบในการทำงาน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จะไปทำให้บริษัทย่ำแย่ได้ยังไง”
ชรินทร์ทิพย์เห็นนภทีป์ไม่เชื่อคำพูดของเธอ ก็หงุดหงิดขึ้นมา คิดในใจว่าหน้ากากที่อารียาใส่อยู่ตลอดนั้นช่างแนบเนียนจริงๆ เอาเงินจากบริษัทไปซื้อบ้านซื้อรถซะขนาดนั้นแท้ๆ คุณปู่ก็ยังไม่สงสัยอีก
“คุณปู่ ชรินทร์ทิพย์พูดจริงนะครับ สิ่งที่อารียาแสดงออกมาต่อหน้าคุณปู่น่ะ ก็แค่การเสแสร้งเท่านั้นแหละครับ เธอคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เพื่อที่จะไม่ให้คุณปู่รู้เข้า ถึงได้แสดงท่าทางเป็นนั้นต่อหน้าคุณปู่ไงครับ”ธายุกรพูดเสริม
“ใช่แล้วค่ะ ช่วงที่อารียารับช่วงต่อบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ไม่เพียงแค่ซื้อ ยังซื้อบ้านอีกด้วย น่ารังเกียจจริงๆ พวกเราหาหลักฐานมาได้แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ดูสิคะ”ชรินทร์ทิพย์ส่งหลักฐานที่เธอหามาให้กับนภทีป์
นภทีป์เลิกคิ้ว แล้วพูดว่า “ผลกำไรของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป มีอารียาเป็นคนดูแล ถ้าจะเอารางวัลไปบ้างก็สมควรอยู่ ซื้อรถซื้อบ้านก็อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ ครั้งก่อนที่ไปบ้านเธอ ฉันก็รู้สึกว่าบ้านของเธอควรเปลี่ยนแล้วจริงๆ”
ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยความโมโหทันที “คุณปู่คะ คุณปู่ไม่ได้ดูหลักฐานที่พวกเราหามาเลยสักนิด ก็พูดเข้าข้างอารียาแล้ว ที่เธอซื้อคือรถหรูกับวิลล่านะคะ วิลล่านั่นยังเป็นบูติควิลล่าของดงเย็น ราคาถึงสิบห้าล้านเชียวนะคะ”
หลังจากนภทีป์ได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันเต้นแรง เขาเบิกตาแล้วพูดว่า “ว่าไงนะ! อารีซื้อบูติควิลล่างั้นเหรอ?!”
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์พยักหน้า
“หลักฐานอยู่นี่แล้ว ไม่เชื่อก็ดูสิคะ”ชรินทร์ทิพย์เปิดหลักฐานออก ให้นภทีป์ดู
นภทีป์รีบดูบันทึกการทำธุรกรรมที่ชรินทร์ทิพย์หามาทันที หลังจากยืนยันแล้วว่าซื้อบูติควิลล่าที่งดงเย็นจริง ความโกรธเคืองก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
“ไม่นึกว่าอารีจะกล้าขนาดนี้ ถึงได้เอาเงินของบริษัทไปซื้อวิลล่าราคาแพงขนาดนั้น?!”น้ำเสียงของนภทีป์เปลี่ยนไปเป็นฉุนเฉียว
“ใช่ค่ะ นอกจากนี้เธอไม่ได้แค่ซื้อนะคะ ยังจงใจเชิญพวกเราไปชมด้วย คุณปู่ไม่ได้เห็นสีหน้าระริกระรี้นั่นของเธอ เธอใช้เงินของคุณปู่นะคะ”ชรินทร์ทิพย์ราดน้ำเข้ากองไป
“แต่ทำไมบนนี้ถึงมีแต่ชื่อรพีพงษ์ล่ะ?”นภทีป์ถามด้วยความสงสัย
ธายุกรรีบอธิบายทันที “คุณปู่ อารียาใช้เงินของบริษัทซื้อของ ก็ต้องไม่ใช้ชื่อตัวเองอยู่แล้ว เธอให้รพีพงษ์ไปซื้อ ก็คงเพื่อจะหาข้ออ้างให้ตัวเองเมื่อถึงเวลาแน่”
“นั่นไง วันนั้นเธอยืนยันว่ารพีพงษ์เป็นคนซื้อวิลล่ากับรถ เธอไม่คิดด้วยว่าเจ้ากระจอกอย่างรพีพงษ์นั่น จะไปมีปัญญาซื้อรถกับวิลล่าแพงๆ แบบนั้นได้ยังไง”ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างดูถูก
นภทีป์ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าความจริงมันเกิดอะไรขึ้น
เขาคิดมาตลอดว่ารพีพงษ์มาเกาะครอบครัวเขากิน จะต้องไม่มีทางซื้อวิลล่าราคาแพงขนาดนั้นได้แน่
“แต่ว่า ปกติแล้วอารีทำงานอย่างจริงจังขนาดนั้น นอกจากนี้ยังเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เล็ก เธอจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?”นภทีป์รู้สึกไม่อยากยอมรับเล็กน้อย
“คุณปู่ครับ เมื่อกี้เจนก็พูดไปแล้ว ท่าทีที่หล่อนแสดงต่อหน้าคุณปู่ ล้วนเสแสร้งทั้งนั้น ตัวตนภายในของหล่อนเป็นยังไงคุณไม่รู้หนอก”ธายุกรพูด “ผมเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดนั้นตาตาตัวเอง เธอจะต้องเป็นปัญหาต่อความมั่งคั่งของตระกูลเราแน่ครับ”
ชรินทิพย์กลอกตา แล้วพูดเสริม”ถูกต้อง คุณปู่คะ ที่ตอนแรกอารียายอมให้รพีพงษ์เข้ามา ก็เพื่อจะได้อยู่ในตระกูลฉัตรมงคล และจะได้ฮุบสมบัติของตระกูล ไม่อย่างนั้นหล่อนจะแต่งงานกับเจ้าขยะรพีพงษ์ได้ยังไง”
“อีกอย่างรพีพงษ์ก็ไร้ความสามารถ เหมาะที่จะมาเป็นเครื่องให้กับอารียา ตอนนี้พวกเขาสองคนเล่นบทพ่อพระแม่พระ ของพวกนี้ที่ซื้อมาก็บอกว่ารพีพงษ์เป็นคนซื้อ แต่อารียากลับใช้มันอย่างสบายใจ ได้ยินมาว่า รถที่พวกเขาซื้อมาคันนั้น รพีพงษ์ไม่ได้แตะต้องเลยด้วยซ้ำ แล้วนั่นจะเป็นของที่รพีพงษ์ซื้อมาได้ยังไง”
ธายุกรเหลือบมองชรินทร์ทิพย์ ทั้งสองคนล้วนยิ้มให้กันราวกับกำลังชมอีกฝ่ายว่าคำพูดได้ยอดเยี่ยม
“คุณปู่ครับ โครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ไม่อาจให้อารีญาจัดการได้อีกแล้ว เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเธอจะทำให้ตระกูลของเราไม่เหลืออะไร เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ควรจะแต่งงานออกไป ทรัพย์สมบัติของตระกูล จะให้เธอไปง่ายๆ ไม่ได้นะครับ” ธายุกรพูดอย่างเศร้า ๆ
นภทีป์เชื่อคำพูดของทั้งสองคน ตัวสั่นด้วยความโกรธ จนเลือดขึ้นหน้า
เขาก็โยนหลักฐานพวกนั้นลงบนโต๊ะ ทั้งยังพูดเขาโยนหลักฐานพวกนั้นทิ้งลงบนโต้ะ พูดอย่างเย็นชา”ไปเรียกอารียามาพบฉันเดี๋ยวนี้ ฉันอยากจะถามเธอซึ่งๆ หน้า ถ้าเธอซื้อวิลล่าและรถคันนี้จริงๆ จากเงินของบริษัท ฉันจะไล่เธอออกจากตระกูล!”