พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 104 ให้ฉันได้ทำตามใจในสิ่งที่คุณปรารถนา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 104 ให้ฉันได้ทำตามใจในสิ่งที่คุณปรารถนา
บทที่ 104 ให้ฉันได้ทำตามใจในสิ่งที่คุณปรารถนา
กันตายืนงงทันที เธอเอามือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง พร้อมทั้งจ้องมองวรดรอย่างไม่อยากจะเชื่อ
คนที่ยืนมุงดูนั้นต่างตกใจที่เห็นภาพนั้นไปตามๆ กัน พวกเขาคิดว่าการที่วรดรมานั้น ก็เพื่อจะมาสั่งสอนรพีพงษ์แทนกันตา แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะมาตบกันตาสักฉาด
“คุณ……คุณตบฉันทำไม ทั้งๆ ที่ฉันถูกมันรังแก นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไง?” กันตาร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมทั้งจ้องมองวรดรด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ
“เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่นี่ใจคุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เขาจะมามัวมาเสียเวลากับคุณแค่เศษเงินสามหมื่นกว่าเนี่ยนะ?” วรดรพูดด้วยท่าทางท้อใจ ในใจก็ได้แค่คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปทำผิดกับผู้ทรงอิทธิพลคนนั้นจนได้ เขาไม่มีทางปล่อยกันตาไปแน่
“มัน…ก็แค่ไอ้คนกระจอกที่ใครทั้งเมืองริเวอร์ต่างรู้ดีทั้งนั้น แล้วทำไมมันจะต้องไม่สนใจกับเงินตั้งสามหมื่นกว่าด้วยล่ะ นี่มันหมายความว่ามันอยากจะหนีหนี้นะสิ แถมตอนนี้คุณยังช่วยพูดแทนมันอีกวรดรคุณมองคนผิดไปแล้วจริงๆ!” ใบหน้ากันตามีแต่ความน้อยใจ เพราะว่าคิดว่าตนเองเป็นผู้เสียหายไปเสียแล้ว
วรดร เริ่มบ้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่ากันตาจะมาไม้นี้
เขาถลึงตาใส่กันตา แล้วพูดว่า “เรื่องนี้กลับไปแล้วฉันจะอธิบายให้คุณฟัง คุณรีบไปขอโทษเขาเร็วๆ!”
“มีสิทธิ์อะไร! ที่ให้คนอย่างฉันไปขอโทษไอ้กระจอกนี่ ฝันไปเถอะ!” กันตาตะคอกเสียงดัง
“พอแล้ว” รพีพงษ์พูดออกมาในตอนนั้น พร้อมทั้งหันไปทางวรดร “คุณไปดูกล้องวงจรปิดเมื่อครู่ เพื่อให้ทุกคนดูกันว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เรื่องนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าใครเป็นคนผิด”
วรดรสีหน้าเก้อเขินตอนที่มองไปทางรพีพงษ์ พร้อมทั้งโค้งอย่างเคารพแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณรพี ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผู้หญิงประสาทเสียคนนี้กินยาผิดมาครับ ถึงได้ออกอาการแบบนี้ ส่วนกล้องวงจรปิดไม่ต้องไปดูหรอกครับ ต้องเป็นผู้หญิงบ้าคนนี้ผิดเต็มประตู”
รพีพงษ์ส่ายหน้าไปมา แถมพูดอย่างหมดความอดทน “รีบไปเปิดดู ฉันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว”
วรดรเห็นว่ารพีพงษ์เริ่มไม่สบอารมณ์ ตกใจจนรีบพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะให้พวกเขาไปดูกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้”
จากนั้นเขาก็เดินหันหลังกลับไปที่ห้องดูกล้องวงจรปิด
กันตาเห็นแบบนั้นก็อยากจะเข้าไปขวางเอาไว้ แต่กลับถูกวรดรผลักแทน อีกนิดเดียวเธอก็จะล้มหน้าคะมำแล้ว
กันตาจ้องมองรพีพงษ์กับอารียาด้วยความเคียดแค้น ในใจคิดว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา
ผู้คนที่มุงดูอยู่นั้นพลางชี้ไปที่รพีพงษ์ ต่างรู้สึกว่ารพีพงษ์นั้นทำเกินกว่าเหตุ
“คนคนนี้มันช่างทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นถูกตบแล้ว เขายังไม่ยอมปล่อยไป เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ”
“พวกคุณว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนทำผิดกันแน่? ถ้าผู้ชายคนนั้นมาชนผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ยังยืนกรานให้ดูกล้องวงจรปิดด้วยล่ะ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ พวกคุณดูผู้หญิงคนนั้นช่างน่าสงสาร เหมือนว่าไม่ได้โกหกเลยนะ”
……
ส่วนอารียาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดวรดรถึงได้ออกหน้าให้รพีพงษ์ ตามหลักแล้วเขาต้องช่วยกันตาถึงจะถูก
อีกอย่างหลังจากที่วรดรเห็นรพีพงษ์แล้ว ดูเหมือนนิสัยท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปมาก เห็นได้ชัดว่าคนอย่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ใครๆ จะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้
ตกลงว่าตัวตนของรพีพงษ์อยู่ในสถานะไหนกันแน่ ถึงทำให้ไฮโซคนหนึ่งถึงให้ความเคารพยำเกรงถึงขนาดนี้ เพราะว่าเขากลัวว่าจะไปทำผิดกับเขา จนถึงขนาดยอมลงมือกับแฟนตัวเองเลยเนี่ยนะ?
อารียารู้สึกว่าตัวเองยิ่งนานวันยิ่งมองรพีพงษ์ไม่ออก
ชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้า มีหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่กำลังถ่ายทอดอยู่ ปกติเอาไว้เปิดโฆษณาต่างๆ
ไม่นานนัก ภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ก็เปลี่ยนเป็นภาพกล้องวงจรปิดของห้างแทน
“พวกคุณมองหน้าจอที่อยู่ด้านบนนั้นสิ!” เวลานั้นมีคนส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ทุกคนต่างเงยหน้า แล้วมองไปที่บนหน้าจอโทรทัศน์นั่น
ภาพที่กำลังถ่ายทอดอยู่ในตอนนี้ เป็นภาพที่กันตากำลังดูกำไลหยกอยู่
ส่วนกันตาที่กำลังมองภาพอยู่ด้านบนนั้น ถึงกลับกรีดร้องออกมาทันที และอยากจะเอาอะไรมาปิดภาพบนนั้นเอาไว้อย่างหัวเสีย
ช่างน่าเสียดาย ภาพที่อยู่หน้าจอนั่นมันฉายอยู่บนกลางอากาศ เธอไม่มีปัญญาด้วยซ้ำ อีกอย่างหน้าจอโทรทัศน์ที่มากมายขนาดนี้ เธออยากจะปิดก็ปิดไม่หมด
เธอไม่คิดเลยว่าวรดรจะสิ้นไร้เยื่อใยกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้คนอื่นเขาดูกันทั่ว ทั้งหมดนี่มันทำให้เธอขายหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนดี
ภาพที่กำลังปรากฏนั่น มือข้างหนึ่งของกันตากำลังจับกำไลหยกนั่นอยู่นานพอควร จากนั้นก็อยากจะวางมันลงแต่ไม่ทันระวัง
เวลานั้นเองมือของเธอก็ลื่นพอดี กำไลหยกเลยลื่นหลุดมือเธอ จนหล่นลงพื้น
ในเวลานั้นรพีพงษ์กับอารียาห่างจากกันตาไปอยู่ประมาณเมตรกว่า หลังจากที่กำไลหยกหล่นลงพื้นแล้ว ถึงได้เดินมาหากันตา ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่ได้ชนเธอเลยด้วยซ้ำ
ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอเห็นชัดเต็มสองตาแล้ว ใบหน้าของกันตาซีดเผือด ทำเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้แบบนั้น ทั้งหมดหวังและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากที่ทุกคนเห็นภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้ว เลยรู้ทันทีว่ากันตากำลังโกหกอยู่ คนที่เวลานั้นเชื่อเธอต่างทำหน้ารังเกียจทันที
“น่ารังเกียจจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ที่แท้ก็แสดงละครตบตาเก่งแบบนี้ เมื่อครู่เห็นว่าเธอทำท่าน่าสงสารมาก ฉันก็คิดว่าเธอคือผู้เสียหาย”
“แม่งเอ๊ย ที่ไหนได้ก็อีนังแพศยา แถมตอนนั้นฉันเองยังคิดจะหาความยุติธรรมคืนให้เธอเลย ไม่คิดเลยว่าจะเสแสร้งแกล้งทำ”
“เราเข้าใจเด็กหนุ่มคนนั้นผิดไป เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ”
……
กันตา เมื่อได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังมุงดูคุยกันอยู่ ใบหน้ามีแต่ความเก้อเขิน อยากจะเอาหน้าไปมุดแทรกลงบนพรมให้หายไปเลย
เวลานั้นเองที่วรดรวิ่งกลับมา เมื่อมาถึงด้านหน้าของรพีพงษ์ เอ่ยปากพูดด้วยอาการขอโทษจริงๆ “คุณรพี ผมไปดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณจริงๆ ทั้งหมดว่าจากผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำที่คอยมาหาเรื่องคุณ ผมขอโทษคุณแทนเธอด้วย”
พูดจบ วรดรก็หันไปทางกันตา พร้อมพูดเสียงแข็ง “รีบเข้ามาขอโทษคุณรพีเร็วๆ!”
กันตามองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง พลันนึกได้ว่าก็แค่คนไร้ค่าที่สุดในเมืองริเวอร์อย่างรพีพงษ์ ในใจเธอเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
เธอต้องมาขอโทษกับคนไร้ค่าอย่างงั้นเหรอ มีสิทธิ์อะไร?
“เขาก็แค่คนกระจอกคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไร….” กันตาอ้าปากพูดออกมาอย่างน้อยใจ
วรดรเห็นว่ากันตายังไม่ยอมแก้ไขตัวเอง เลยชูมือขึ้น จากนั้นก็ตบเธออีกที
เสียงกระทบ ดังชัดถนัดหู
ผู้คนโดยรอบต่างไม่มีใครพูดแก้ตัวให้เธอเลย ต่างก็คิดสมน้ำหน้ากันตาทั้งนั้น
“เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วแกยังไม่ขอโทษใช่ไหม งั้นบ้านที่ฉันซื้อให้แกที่ดงเย็นฉันขอเอาคืน จากนี้แกก็ไปนอนข้างถนนเอาแล้วกัน” วรดรโมโหเดือด
เมื่อกันตาได้ยินดังนั้น เลยได้สติทันที เธอเลยรีบคว้าแขนของวรดรเอาไว้ แล้วพูดทันควัน “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษแล้ว อย่าเอาบ้านฉันคืนกลับไปเลยนะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
พูดจบ กันตาก็หันมาทางรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าใบหน้าจะบอกบุญไม่รับก็ตามแต่ก็ยังพูด “ขอ… ขอโทษ ฉันใส่ร้ายป้ายสีคุณเอง อภัยให้ฉันด้วย ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำแบบนั้นอีก”
ส่วน วรดรเองก็รีบเดินไปข้างหน้า แล้วยิ้มขอโทษให้ “คุณรพี ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวคิด ถึงได้กล้าไปแตะต้องคุณ เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะสั่งสอนเธอให้ดีเอง คุณอย่ามาใส่ใจกับเธอเลย”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็หันไปหาอารียา แล้วเอ่ยขึ้น “เราไปกันเถอะ”
พอสองคนนั้นเดินจากไป กันตาที่กำลังทำหน้าน้อยใจอยู่หันมามองวรดร แล้วเอ่ยปากถาม “คุณสามี ทั้งๆ ที่คนคนนั้นเป็นคนกระจอก ทำไมคุณถึงได้ให้ฉันไปขอโทษมันด้วยล่ะ ทำแบบนี้ก็ไม่ไว้หน้าฉันเลย”
วรดรอารมณ์ไม่ดีจ้องมองเธอตาเขม็ง พร้อมทั้งอ้าปากพูด “แกเสียหน้าเหรอ? อีเวรนี่มึงเกือบฆ่ากูให้ตายแล้ว ยังจะมาห่วงว่าเสียหน้าอีก?”
“มึงจำใส่สมองอันน้อยนิดเอาไว้นะ ต่อไปอย่าริอาจไปหาเรื่องเธออีก สิ่งของทุกอย่างของมึงต้องคืนกูมา ต่อไปมึงก็กินหินดินทรายเอาแล้วกัน!”
……
ยามเย็นของวันต่อมา
รพีพงษ์บอกกับอารียาว่าตนเองนัดเพื่อนเอาไว้ มีธุระต้องไปจัดการ
อารียาเองก็ชินกับพฤติกรรมของรพีพงษ์แล้ว เลยไม่ได้ถามรพีพงษ์ว่าไปทำอะไร แค่บอกให้เขารีบกลับมาเท่านั้นเอง
“คุณขับรถไปสิ จะได้สะดวกดี” อารียาเอากุญแจรถให้รพีพงษ์
รพีพงษ์ก็ได้แต่ยิ้มให้ และไม่ได้ปฏิเสธ พร้อมยื่นมือออกไปรับกุญแจมาทันที
ศศินัดดาเห็นภาพนั้น เลยรีบบ่นทันที “นี่ลูก แกนี่มันช่างทำให้ไอ้คนกระจอกน้อยเสียนิสัย รถดีขนาดนี้ ให้มันขับน่าเสียดายจริงๆ”
อารียารีบมองศศินัดดาอยู่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูด “ฉันขอพูดอีกครั้งนะว่า รถและวิลล่าหลังนี้ รพีพงษ์เป็นคนซื้อทั้งหมด ต่อไปอย่าพูดมั่วๆ แบบนี้อีก”
“เชอะ อย่ามาทำให้ฉันสับสน สายตาฉันไม่ได้พร่ามัวสักหน่อย” ศศินัดดาไม่เชื่อสักนิด แต่ก็ไม่ได้ขอร้องให้รพีพงษ์วางกุญแจคืนมา
รพีพงษ์ขับรถออกนอกประตูแล้ว ไม่นานนักก็มาถึงสถานบันเทิงสตาร์กาย เขาจอดรถไว้ที่ด้านหน้าของสถานบันเทิงสตาร์กาย พร้อมทั้งเดินเข้าไปด้านในเพื่อไปหาธฤตญาณ
หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากบ้านไปไม่นาน บุษบากรก็โทรศัพท์มาหาอารียา
“แคลร์แกกับรพีพงษ์ออกไปเที่ยวด้วยกันสิ” บุษบากรพูดเชื้อเชิญ
“คืนนี้รพีพงษ์ต้องไปทำธุระข้างนอก วันอื่นได้ไหม” อารียาตอบ
“งั้นได้ เราค่อยนัดกันวันหลังแล้ว” บุษบากรไม่ได้พูดอะไรมาก พร้อมทั้งตัดสายโทรศัพท์ทันที
อารียารู้สึกแปลกใจ เพราะว่าบุษบาการไม่เคยพูดออกมาเลยว่าจะไปเที่ยวกับรพีพงษ์ พอได้ยินว่ารพีพงษ์ไม่อยู่บ้านเท่านั้นแหละ รีบเปลี่ยนวันทันทีเลย
“ดูเหมือนเรื่องครั้งที่แล้ว ที่บุษทำตัวลับๆ ล่อๆ สงสัยต้องหาเวลามาคุยกับเธอให้ชัดเจนกันแล้วมั้ง” อารียาบ่นพึมพำ
ไม่นานนักที่รพีพงษ์เดินเข้าไปในสถานบันเทิงสตาร์กาย แล้วก็ออกไปพร้อมกับธฤตญาณเลย ถิ่นของพิชญุตม์ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่มากนัก ทั้งสองคนเลยไม่ได้ขับรถไป แค่เดินไปทางด้านนั้น การทำแบบนี้จะได้ไม่เป็นที่จับตาของคนมากนัก
ธฤตญาณได้เตรียมการกับลูกน้องของตนเองไว้แล้ว เขากับรพีพงษ์จะลองไปดูสถานการณ์ ส่วนพวกลูกน้องนั้นไม่นานนักก็จะตามไปทีหลัง
พวกเขาไปได้ไม่นานนัก บุษบากรที่แต่งตัวเซ็กซี่กลับมายืนอยู่ที่ด้านหน้าสถานบันเทิงสตาร์กาย
บุษบากรเห็นรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดอยู่ตรงประตูของสถานบันเทิงสตาร์กาย สีหน้าก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาทันที
“รพีพงษ์ ที่แท้ ฉันก็เดาไม่ผิด ดูท่าแล้วคุณก็มาหาเรื่องสนุกที่นี่บ่อยอยู่”
“แคลร์ช่างโง่จริงๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่กลับไม่ให้คุณทำเรื่องอย่างว่า จนคุณต้องหนีมาหาเรื่องสนุกที่นี่”
“ผู้หญิงพวกนี้ก็จอมปลอมทั้งนั้น มีอะไรน่าสนุกกันเชียว แคลร์ไม่ยอมให้คุณเรื่องนี้ งั้นฉันก็ให้คุณได้สมดังใจปรารถนาเอง”
พูดกับตัวเองอยู่สองสามประโยค บุษบากรก็หยิบกระจกบานเล็กขึ้นมา จากนั้นก็ดูหน้าตาที่แต่งมาแล้วของตนเอง เพื่อเช็กให้มั่นใจได้ว่าคืนนี้เธอจะเรียกความสนใจรพีพงษ์ได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในสถานบันเทิงสตาร์กายอย่างมั่นใจ