พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 100 ลืมเอากุญแจมา
บทที่ 100 ลืมเอากุญแจมา
ธายุกรพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ผิด ตอนที่ดงเย็นกำลังสร้าง ตำแหน่งจุดศูนย์กลางที่สุด ล้อมรอบไปด้วยบูติกวิลล่าที่หรูหราสิบหลัง พื้นที่สันโดษเป็นส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นหนึ่ง เป็นวิลล่าที่ดีที่สุดในเมืองริเวอร์”
“ไม่เพียงแต่วิลล่าของที่นี่ราคาเฉพาะตัวบ้านก็สิบห้าล้าน รพีพงษ์แกอย่าบอกฉันนะว่าวิลล่าที่แกซื้อคือหนึ่งในสิบวิลล่าเหล่านั้น”
ทุกคนได้ยินที่ธายุกรพูด ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบห้าล้าน นั่นเท่ากับผลกำไรสองสามปีของตระกูลฉัตรมงคลเลยทีเดียว
ทุกคนหันศีรษะไปมอง อยากรู้อย่างทันทีว่าวิลล่าที่รพีพงษ์ซื้อ ไม่ใช่หนึ่งในบูติกวิลล่านั้นใช่ไหม
“รพีพงษ์ที่แกซื้อคงไม่ใช่วิลล่าราคาสิบห้าล้านนั่นหรอกใช่ไหม แกอย่าสร้างความสับสนให้พวกเราเลย วิลล่าที่แพงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าพูดว่าจะซื้อแล้วก็จะซื้อได้นะ” ศศินัดดาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
แม้ว่าเธอจะหวังว่าตัวเองจะได้เข้าพักในวิลล่าที่ดีที่สุดในเมืองริเวอร์แต่ว่าสิบห้าล้านสำหรับตระกูลฉัตรมงคลแล้วไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย รพีพงษ์จะเอาเงินจากไหนมาซื้อวิลล่านี้ได้ล่ะ
“ฉันว่าเขากำลังพูดไร้สาระมากกว่า วิลล่าราคาสิบห้าล้าน คนกระจอกงอกง่อยอย่างเขานี่จะสามารถซื้อได้เหรอ ถ้าเขาจะซื้อได้ล่ะก็ ฉันคนของตระกูลฉัตรมงคลจะไม่ได้อยู่ในวิลล่าแบบนี้ทุกคนแล้วเหรอ” ชรินทร์ทิพย์โต้กลับอย่างไม่อยากจะยอมรับ
“พูดได้ถูกต้อง รพีพงษ์ถ้าสามารถซื้อวิลล่าอย่างนี้ได้ งั้นทำไมพวกเราถึงจะยังอาศัยอยู่ในสถานที่อันแสนห่างจากใจกลางเมืองขนาดนั้นได้อีกล่ะ”
“คิดอย่างงี้ก็ใช่ พวกนายอย่าลืมว่าหลายปีมานี้ รพีพงษ์ได้ทำอะไรบ้าง นอกจากเกาะเมียกินแล้ว อะไรอย่างอื่นก็ไม่เป็นสักอย่าง”
“รพีพงษ์แกเองก็บอกว่านายไม่สามารถซื้อวิลล่าที่แพงขนาดนี้ได้ แต่ก็ยังจะพาพวกเรามาที่นี่ให้ได้ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”
รพีพงษ์จ้องมองทุกคนอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดปากพูดว่า “เดี๋ยวข้างหน้าก็จะถึงแล้ว เข้าไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องหลอกพวกคุณ”
พูดจบ เขาก็เดินไปทางด้านหน้าต่อไป
คนทั้งกลุ่มแม้จะสงสัย แต่ก็ยังตามขึ้นไป
“น่าเบื่อจริงๆ มาเสียเวลาพร้อมอยู่ที่นี่พร้อมกับไอ้คนกระจอกคนหนึ่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนึกไปจริงๆว่ารพีพงษ์จะซื้อวิลล่าราคาสิบห้าล้านได้” ชรินทร์ทิพย์กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“วางใจเถอะ วิลล่าบูติกสุดหรูหรานี่ คิดอยากจะเข้าไป ต้องผ่านอีกประตูหนึ่ง ไม่มีกุญแจของประตูนี้ ก็เข้าไม่ได้ อีกเดี๋ยวก็รู้เองว่าเขาโม้หรือเปล่า”ธายุกรยิ้มเย็นชา
ชรินทร์ทิพย์พยักหน้า ทั้งสองคนจึงตามไปพร้อมกัน
ไม่นาน ทุกคนมาถึงบริเวณหน้าประตูใหญ่ของบูติกวิลล่าอันหรูหราอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่ตรงนี้เป็นรั้วเหล็ก พื้นที่บูติกวิลล่าทั้งหมดล้วนถูกล้อมด้วยรั้วเหล็ก
อยากเข้าไปด้านในประตูใหญ่ ไม่ใช้บัตรผ่านประตู ก็ต้องใช้กุญแจพิเศษ ที่มีแต่เจ้าบ้านของบูติกวิลล่าเท่านั้นถึงจะมี
“เท่าที่ฉันรู้ กลอนของประตูใหญ่นี่ถูกทำขึ้นมาโดยช่างกุญแจเฉพาะทางโดยเฉพาะ นอกจากกุญแจแล้ว วิธีอื่นๆ ล้วนเปิดไม่ออก อีกทั้งกุญแจยังมีแต่เจ้าบ้านของวิลล่าเท่านั้นที่จะมีได้ รพีพงษ์ถ้าแกกำลังหลอกพวกเราล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่ประตูนี้ก็คงเข้าไปไม่ได้แล้ว” ธายุกรพูด
ทุกคนหันศีรษะมองไปทาง รพีพงษ์พร้อมทั้งอยากรู้ว่าเขาจะหยิบกุญแจของประตูนี้ออกมาหรือไม่
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วจึงเอื้อมมือไปคลำที่กระเป๋าเสื้อของตนเอง เวลานั้นเอง จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ เขารีบออกมา แล้วก็วางกุญแจไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกของวิลล่า
มือของเขาที่แตะอยู่ที่กระเป๋าเสื้อไม่ขยับเขยื้อน แต่สีหน้ากลับปรากฏร่องรอยของความเก้อเขินขึ้นมาแทน
“ประมาทเองจริงๆ ประตูวิลล่าไม่ได้ล็อกไว้ แต่กลับลืมไปว่าประตูที่นี่จะล็อกเองโดยอัตโนมัติ” รพีพงษ์ฉีกยิ้มขมขื่น
ทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์ไม่มีการขยับเขยื้อน ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที ว่าเขาอาจจะไม่มีกุญแจของที่นี่จริงๆ ก็ได้
เมื่อชรินทร์ทิพย์และธายุกรสองคนได้เห็น ล้วนฉีกยิ้มเย็นชาขึ้นมา ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะเสแสร้งต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
“รพีพงษ์แกเอากุญแจออกมาเปิดประตูสิ จะยืนนิ่งอยู่ที่นี่อีกทำไม แกอย่าบอกนะว่าแกลืมเอากุญแจมาน่ะ” ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างมีความสุขกับหายนะของคนอื่น
“ฉันว่าเขาไม่มีกุญแจของที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก เกรงว่าเขาคงแค่อยากหลอกพวกเราว่าซื้อวิลล่าของที่นี่ไว้หลังหนึ่ง แต่คงคิดไม่ถึงว่าถ้าจะเข้าไปข้างในได้ ยังต้องผ่านอีกหนึ่งประตู” ธายุกรพูดเสียงดัง
ใบหน้าของศศินัดดาหม่นหมองลงทันที พร้อมทั้งจ้องรพีพงษ์พลางถาม “ตกลงว่าแกมีหรือไม่มีกุญแจของที่นี่กันแน่ มีก็รีบหยิบออกมาให้ฉันเร็วเข้า!”
“ผมวางกุญแจไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกล่ะ”รพีพงษ์ตอบตามตรง
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์หัวเราะขึ้นมา
“ฉันว่าแล้วว่าแกจะต้องใช้ข้ออ้างนี้ ตอนนี้กุญแจถูกล็อกไว้อยู่ในบ้าน ที่แกเข้ามาได้ และก็หยิบกุญแจไม่ได้ จากนั้นก็จะบอกให้พวกเรากลับไปก่อนใช่ไหมล่ะ ไว้ค่อยกลับมาดูใหม่งั้นสิ”ชรินทร์ทิพย์พูดออกมา
“รพีพงษ์นายเล่นแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้เลยนะ คิดจะปั่นหัวพวกเราเล่นจริงๆ ” ธายุกรพูด
สีหน้าของบรรดาญาติๆ เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที รู้สึกว่าถูกรพีพงษ์หลอกแล้ว
“ฉันก็ว่าขยะอย่างรพีพงษ์จะไปซื้อวิลล่าที่แพงขนาดนี้ได้ยังไง ที่แท้ก็แค่คนโกหกนี่เอง”
“รพีพงษ์ในสมองแกมีอะไรเจาะเข้าไปหรือยังไง ซื้อไม่ได้ก็คือซื้อไม่ได้สิ แกยังมาหลอกพวกเราให้มาที่นี่อีกทำไม จะเอาความโง่ของแกประจานออกมาเหรอ”
“ใช้ความโง่มาบรรยายเขา ก็ถือว่ายกย่องเขาแล้วแหละ”
….
สีหน้าของศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนยิ่งดูไม่ได้ยิ่งกว่าบรรดาญาติๆ พวกนั้นเสียอีก เมื่อครู่เพิ่งได้รับการประจบสอพลอจากทุกคน พอเวลาผ่านไปแวบเดียว อาการตกต่ำ ทำให้พวกเขารับไม่ได้จริงๆ
“รพีพงษ์! ไอ้เศษสวะ! แกมันใช้ไม่ได้ หลอกพวกเรามาถึงนี่เพื่อมาดูเรื่องตลกของแกเหรอ ฉันไม่มีวิธีไหนจะสามารถทนกับแกได้อีกแล้ว วันนี้กลับไปแกไปหย่ากับ แคลร์ซะ ครอบครัวเราทนแกไม่ไหวแล้ว!” ศศินัดดาตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
นอกจากอารียาที่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เธอเชื่อว่ารพีพงษ์ไม่มีทางโกหก เพียงแต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ คงไม่มีทางทำให้ทุกคนเชื่ออย่างแน่นอน
รพีพงษ์เห็นกลุ่มคนมีอาการคลุ้มคลั่งขนาดนี้ จึงเปิดปากพูดว่า “งั้นถ้าผมเข้าไปหยิบกุญแจออกมา พวกคุณก็ควรจะเชื่อได้แล้วมั้ง”
“ประตูนี้นายยังเปิดไม่ได้ นายจะเข้าไปหยิบกุญแจออกมายังไง นายเห็นพวกเราเป็นเด็กสามขวบหรือไง”ธายุกรพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
รพีพงษ์ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ พรวดเดียวก็ปีนขึ้นไปบนประตูใหญ่แล้วเดินเข้าไป แล้วก็ลงไปอีกทางของด้านในประตูใหญ่
ประตูใหญ่อย่างนี้สำหรับเขาแล้ว ถือว่าเปล่าประโยชน์ การที่จะเข้าไปบอกได้เลยว่าง่ายมากเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ตอนที่เขาออกมานั้น ก็ไม่ได้ล็อกประตูวิลล่าเอาไว้ ดังนั้นขอเพียงเข้าไปหยิบกุญแจออกมาก็ใช้ได้แล้ว
ทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์เข้าไปด้านในจริงๆ ต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน
ศศินัดดาและศักดา ทั้งสองคนเองก็ตกตะลึง ในสายตาของพวกเขา ปกติรพีพงษ์จะถนัดทำงานบ้าน เรื่องอื่นๆ ทำไม่เป็นสักอย่าง ตอนนี้เมื่อเห็นรพีพงษ์เก่งขนาดนี้ จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“รพีพงษ์แกทำอะไร รีบออกมาเร็ว แกรู้มั้ยว่าแกกำลังบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นนะ นี่ถือเป็นอาชญากรรม แกหาเรื่องใส่ตัว ก็อย่ามาทำให้พวกเราเหนื่อยไปด้วย!”ชรินทร์ทิพย์รีบออกปากอย่างรีบร้อน
เมื่อได้ยินคำพูดของชรินทร์ทิพย์เหล่าบรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคลเองต่างก็เป็นกังวล พวกเขาไม่ได้สนใจว่ารพีพงษ์บุกรุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น ที่พวกเขาก็คือรพีพงษ์จะลากให้พวกเขาติดร่างแหไปด้วย
“แกมันน่าจะถูกสับให้เละเป็นชิ้นๆ รีบกลิ้งออกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ พวกเราไม่อยากติดคุกไปพร้อมแกหรอกนะ!”
“แย่แล้ว จบแล้ว ไอ้คนนี้คิดจะฆ่าพวกเรา ถึงตอนนั้นเขาต้องพูดว่าพวกเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแน่ พวกเราหนีไม่รอดแม้แต่คนเดียวแน่!”
……
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของคนเหล่านี้ เดินมุ่งหน้าตรงไปที่วิลล่าของตนเองทางด้านนั้น
ชรินทร์ทิพย์หันไปมองอารียา พร้อมทั้งพูดว่า“ตอนนี้สามีกระจอกของแกคนนั้นกำลังทำให้พวกเราทุกคนอยู่ในอันตราย เรื่องนี้แกพูดซิว่าจะทำยังไงดี!”
อารียา ย่นคิ้วมองไปยังชรินทร์ทิพย์ พร้อมทั้งพูดว่า “รพีพงษ์ไม่มีทางทำอย่างนี้แน่ ฉันเชื่อใจเขา”
“เด็กโง่ เขาบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นแล้ว อย่างงี้ถูกจับขึ้นมา ต้องทำให้ครอบครัวพวกเราติดร่างแหไปด้วยแน่ ทำไมเธอยังพูดแทนเขาได้อยู่อีก” ศศินัดดาพูดด้วยอาการหน้าดำคร่ำเครียด
“หรือไม่ตอนนี้พวกเรารีบไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันก่อน ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปจับรพีพงษ์เอาไว้ แบบนี้ก็จะได้ตัดเราออกจากผู้ต้องสงสัยไง?” คิมหัตต์เปิดปากพูด
พลันมีสองสามคนพยักหน้า เห็นด้วยกับวิธีนี้
“ไม่ผิด พวกเราไปหาคนมาจับเขา วิธีการอย่างนี้ก็ไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาแล้ว”
“รีบไปตามยามรักษาความปลอดภัยมาเร็ว”
คิมหัตต์พาคนไม่กี่คนไปตามยามรักษาความปลอดภัยมา
อารียามีสีหน้ากังวล คิดไม่ถึงว่ากลุ่มคนที่เรียกว่าญาติเหล่านี้ ในช่วงเวลาสำคัญยังเอาตัวรพีพงษ์มาใช้เป็นเครื่องมือในการขายผ้าเอาหน้ารอดได้อีก
ศศินัดดากัดฟัน พร้อมทั้งเปิดปากพูดว่า“อย่างนี้ก็ดี จะให้ไอ้หมอนี่ตัดความสัมพันธ์กับบ้านพวกเราพอดี ภายหลังจะได้ลดปัญหาที่เขาจะนำมาให้พวกเราอีก”
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์สองคนต่างก็ยิ้มเย็นชา พวกเขาต่างก็ขอให้รพีพงษ์ถูกจับสักที
ก่อนหน้านี้เพราะไม่มีโอกาส พวกเขาเองก็ไม่สามารถป้ายข้อหาอะไรให้รพีพงษ์ได้เลย ตอนนี้รพีพงษ์กลับพาตัวเองไปยืนจ่อปากกระบอกปืนเอง พวกเขาจะไม่ชื่นชมกับความสนุกนี้ได้ยังไง
“หากเขาถูกจับด้วยข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่นขึ้นมาจริงๆ ชีวิตนี้ของเขาก็จบเห่แล้ว” ธายุกรคลี่ยิ้มทันที
“เขาควรจะจบเห่ไปตั้งนานแล้ว ขยะชิ้นหนึ่ง ทุกวันมาโอ้อวดอยู่ต่อหน้าพวกเรา ถูกจับไปก็สมควรแล้ว”ชรินทร์ทิพย์เปิดปาก
หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากด้านใน ในมือยังถือกุญแจมาดอกหนึ่ง
เขาเดินมาเปิดประตู จากนั้นก็พูดกับทุกคนว่า “ทีนี้ก็เข้าไปได้แล้ว”
แต่ไม่มีใครขยับแม้แต่คนเดียว
“รพีพงษ์แกก่ออาชญากรรมเอง ยังคิดจะโกหกพวกเราด้วย ตลกจริงๆ พ่อของฉันไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้มาจับแกไปสักที!” ชรินทร์ทิพย์พูด
รพีพงษ์ชะงัก ถามว่า “ผมไปก่ออาชญากรรมอะไรเหรอ”
“แกบุกรุกเข้าบ้านคนอื่น แล้วยังขโมยกุญแจเขามา แค่นี้ก็เพียงพอที่จะให้แกรับโทษไปหลายปีแล้ว”ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
รพีพงษ์หมดคำพูด เขาเข้าไปในบ้านตัวเอง ทำไมถึงกลายเป็นบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นได้ล่ะ
เวลานี้คิมหัตต์พาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนวิ่งเข้ามา ที่นำหน้ามาคือหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอดงเย็นมาด้วย
“นั่นเขาล่ะ เขาบุกรุกเข้าไปในวิลล่าของคนอื่น พวกคุณรีบจับเขาเร็วเข้า!” คิมหัตต์ชี้ไปที่รพีพงษ์พร้อมทั้งพูดไปด้วย
“เขาไม่เพียงบุกรุกวิลล่าของคนอื่น แถมยังขโมยกุญแจประตูใหญ่มาด้วย นี่เขาวางแผนร้ายกับผู้อื่น พวกคุณรีบจับเขาจากนั้นรีบส่งไปสถานีตำรวจเร็วเข้าเถอะ” ธายุกรพูดเกินจริง
หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยมองไปทางรพีพงษ์ด้านนั้น เมื่อเห็นรพีพงษ์ดวงตาก็จับจ้องทันที
นี่ก็เป็นวิลล่าของเขาเองนี่นา ทำไมถึงกลายเป็นบุกรุกบ้านคนอื่นล่ะ
เขารีบร้อนเดินเข้าไป ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะลงมือจับกุมรพีพงษ์บนหน้าล้วนมีความสุขท่ามกลางความทุกข์ใจ
ตอนนี้เองที่หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยโค้งคำนับให้รพีพงษ์โดยตรง พร้อมทั้งพูดอย่างเคารพว่า “คุณรพีพงษ์คนพวกนี้ได้เข้าใจคุณผิดไปหรือเปล่าครับ ต้องให้ผมช่วยจับพวกเขาให้คุณหรือเปล่าครับ”