พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 515 เยี่ยมเยือน
นี่ เจ้าเป็นใครน่ะ”
บ่าวรับใช้หน้าประตูของตระกูลเฉิงรีบยื่นมือไปขวางประตูไว้
มองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าที่ย่างเท้าเข้ามา
แต่งเนื้อแต่งตัวธรรมดา แต่นึกไม่ถึงว่าบนไหล่จะแบกห่อผ้า
ใหญ่ห่อหนึ่งเอาไว้ หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เพียงแค่เหมือนไป
คลุกฝุ่นมาเท่านั้นเอง ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ เหตุใดมองดูแล้วจึงดู
โหดเหี้ยมเช่นนี้ได้
พวกเขายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เด็กหนุ่มที่ถูกขวางไว้ก็ยกเท้า
ถีบประตู ประตูซีกหนึ่งถูกถีบเปิด คนก็เดินก้าวเข้าไป
บ่าวรับใช้เฝ้าประตูนั่งลงกับพื้น ทั้งตกใจทั้งโมโห
“ใครก็ได้…”
พวกเขาตะโกนเรียกเสียงดัง ยังไม่ทันจะตะโกนจบ คนผู้นั้นก็
แบกห่อผ้าสาวเท้าเข้าไปแล้วนะ…นี่…
“เหตุใดพวกเขาไม่สนใจเลยเล่า” คนเฝ้าประตูหันมองไปอีก
ด้าน
ตรงนั้นมีคนรับใช้สี่คนยืนอยู่ กำลังกอดอกพูดคุยยิ้มแย้ม
ก่อนหน้านี้กำลังหัวเราะพูดคุย ยามนี้ก็ยังหัวเราะพูดคุยอยู่
ราวกับว่าไม่เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางนี้ตั้งแต่แรกอย่างไรอย่างนั้น
เขาเป็นคนที่มาจากบ้านเดิมของฮูหยินรองเฉิงเชียวนะ ถูก
ฮูหยินรองเฉิงส่งมาเฝ้าประตู หน้าที่นี้เป็นงานที่ดีงานหนึ่ง
ต้อนรับแขกมา ส่งแขกออกไป รับส่งจดหมายเชิญล้วน
เป็นเรื่องพื้นๆ ยังสามารถได้รับเงินรางวัลและผลประโยชน์ส่วนตัวได้
อีก
ทว่าคนที่มาในเดือนนี้มีไม่น้อย และส่วนมากล้วนเป็นพวกที่
ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย แต่ไปหาคนรับใช้พวกนั้นโดยตรงแทน
พวกเขาที่เฝ้าประตูกลับกลายเป็นของประดับ ซ้ำ ยังโดนส่งออกไป
กวาดถูหน้าประตูด้วยครานี้ผู้มาเยือนกระทั่งคนรับใช้พวกนั้นก็ไม่ไปหาแล้ว นึกไม่ถึง
ว่าจะบุกเข้ามาทางประตูโดยตรง
เหตุใดคนรับใช้เหล่านั้นจึงเหมือนคนตาบอดกันเช่นนั้นเล่า
“ไม่รู้จักหรือ รู้จักคนไว้ก่อนเถอะ อย่ารีบร้อนเป็นคนเฝ้าประตู
เลย” คนรับใช้ทางด้านนั้นคนหนึ่งยิ้มเอ่ย “นั่นคือท่านชายน้อย
ตระกูลโจว”
ตระกูลโจวรึ
บ่าวรับใช้เฝ้าประตูตกตะลึง
“ตั้งแต่แม่นางใหญ่โจวไม่อยู่ ตระกูลโจวมาหาตระกูลเฉิงก็
ไม่เคยเอ่ยเรียกเลย เอาแต่ถีบประตูตลอด” คนรับใช้ยิ้มบอก
“เอ๋ ท่านชายโจว! ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
สาวใช้บนระเบียงได้ยินเสียงจึงออกมาดู ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วย
ความตกใจและยินดี
ใบหน้ายิ้มแย้มของสาวใช้นางนี้รวมถึงความรู้สึกยินดีปรีดา
อย่างแท้จริงที่ไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อยนั้น ฝีเท้าของท่านชายโจวหก
หยุดชะงักไป รู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย“ข้าคือ…” เขาเอ่ยปากจะบอก
สาวใช้หันหลังเดินไปในห้องโถงเสียแล้ว
“นายหญิง ท่านชายโจวหกมาแล้วเจ้าค่ะ ซ้ำ ยังเอาของขวัญ
ห่อใหญ่มากๆ มาให้ท่านด้วยแหน่ะ” นางยิ้มบอก
ท่านชายโจวหกยิ่งลำบากใจกว่าเดิม
พูดอะไรเหลวไหล! เพ้อเจ้ออะไร!
ใครเอาของขวัญมาให้นางกัน!
ปั้น
ฉินก้มหน้ายกชามาให้ สาวใช้โบกมือให้นาง บ่งบอกว่า
ตัวเองจะอยู่ปรนนิบัติรับใช้ด้วย ปั้นฉินรู้ว่านางเจตนาดี จึงก้มหน้า
ขอบคุณแล้วออกไป
“นะ…นี่ไม่ใช่ของขวัญของข้า” ท่านชายโจวหกโพล่งขึ้นอย่าง
แรง
เฉิงเจียวเหนียงที่กำลังยกถ้วยชามาดื่มมองไปยังเขา
สาวใช้หลุดขำออกมา มองไปยังห่อผ้าใหญ่ด้านข้าง
“เช่นนั้นท่านชายหกคงมามอบให้เราแทนท่านชายสี่หรือ” นาง
ยิ้มเอ่ยกระทั่งพี่ชายบุญธรรมยังมอบให้แล้ว แต่ของพี่ชายแท้ๆ กลับ
ไม่มี นี่จะทำให้เจ็บปวดใจหรือไม่
มือที่วางอยู่บนเข่าของท่านชายโจวหกกำขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ข้าเอาของเขามาก่อน เยอะแยะเหลือเกิน ของข้าจึงยังไม่ได้
เอามา” เขาทำหน้าเครียดเอ่ยบอก
สาวใช้หัวเราะคิกคัก
“ปั้นฉิน” เฉิงเจียวเหนียงวางถ้วยชาลง มองนางแวบหนึ่ง
“แกล้งเขาทำไม”
ทันใดนั้นท่านชายโจวหกก็ถลึงตาด้วยความโมโห สาวใช้
จึงปิดปากหัวเราะลุกขึ้นเดินออกไป
“พี่ชายสบายดีกระมัง” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
พี่ชาย!
ความเดือดดาลของท่านชายโจวหกที่ถูกสาวใช้เย้าแหย่มลาย
หายไป
พี่ชาย! นางเรียกเขาว่าพี่ชาย!อารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็วของเขาพลันรู้สึกว่าสมอง
ยุ่งเหยิงไปหมด
“สบายดี” เขาฝืนตอบ “จะ…เจ้าสบายดีกระมัง”
เฉิงเจียวเหนียงมองเขาครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา
“ข้าสบายดี” นางบอกพลางผายมือ “เชิญ”
ท่านชายโจวหกส่งเสียงอ๋อออกมา ยกชาขึ้นดื่มจนหมด
“กลับมาครานี้ยังต้องไปอีกหรือไม่” เฉิงเจียวเหนียงถาม
“ไปสิ ครึ่งเดือนหรือไม่ก็หนึ่งเดือนก็ไปแล้ว รอสิ่งนั้นน่ะ อะไร
นะ ระเบิดสายฟ้า” ท่านชายโจวหกบอก
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า จิบชาอย่างช้าๆ
ภายในห้องเงียบงันลงพักหนึ่ง ท่านชายโจวหกทั้งอยากจะเอ่ย
ลาและทั้งไม่อยากทำ เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ
“ย้ายมาอยู่ที่นี่คุ้นเคยหรือยัง” เขาโพล่งขึ้น
“ชินแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ชินทั้งนั้น” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ก็จริง ถามคำถามนี้ไปช่างโง่เขลานัก เห็นได้ชัดว่าเขาเอง
เหมือนจงใจอยากจะพูดคุยกับนางอย่างนั้นแหละท่านชายโจวหกแอบทึ้งตัวเองในใจ
“ข้าไปก่อนนะ” เขาเอ่ยขึ้น “หากเจ้าจะฝากของไปให้เขาล่ะก็
ก่อนข้าจะไปจะมาหาเจ้าใหม่”
เฉิงเจียวเหนียงขานรับเห็นด้วยแล้วลุกขึ้นส่ง
“ท่านชายโจว เหตุใดรีบร้อนจะกลับนักเล่า กินข้าวก่อนค่อยไป
เถิด” สาวใช้ในลานบ้านยิ้มเอ่ย
นังตัวดีนี่! เมื่อครู่กล้าแกล้งเขา!
ท่านชายโจวหกเดินกระแทกเท้าไปหานาง
“ท่านชายโจว ข้าหวังดีต่อท่าน” สาวใช้รีบทำมือทำไม้ยิ้มเอ่ย
พลางหลบไปด้านหลัง “ข้ากลัวว่าท่านไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยเอ่ยนำ
ให้ท่าน”
ยังมีหน้ามาพูดอีก!
ท่านชายโจวหกถลึงตาใส่นาง
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” เขาตวาด เอ็ดไปคำหนึ่งจึงสาวเท้าเดินไป
ด้านนอกต่อท่านชายโจวหกที่เดินออกจากประตูใหญ่ตระกูลเฉิงไปขึ้นม้า
แสยะยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
พี่ชาย…
ทันใดนั้นก็พลันเบ้ปาก
มีบางอย่างแปลกไป
สีหน้าเขาชะงักค้างอีกครั้ง
พี่ชายรึ ไม่ได้เรียกเขาหรอกกระมัง คงถามถึงสวีซื่อเกิน
มากกว่ากระมัง
ใบหน้าของท่านชายโจวหกพลันแดงก่ำขึ้นมา เจ็บปวดแสบสัน
ยิ่ง
แล้วเขายังจะไปตกปากรับคำไวถึงเพียงนั้นอีก!
ช่างน่าขายหน้าจริงๆ! ต่อไปจะไม่ไปพบนางอีกแล้ว!
ท่านชายโจวหกดึงบังเหียนอย่างแรง ควบม้าแล่นไป
ท่านชายโจวหกกลับมาถึงเรือนสีหน้ายังคงดูไม่สู้ดีนัก กำลังจะ
กลับเรือนตนอย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าถูกฮูหยินโจวให้คนมาเรียกเสีย
ก่อน“เจ้าไปไหนมาอีกแล้ว” ฮูหยินโจวขมวดคิ้วเอ่ยพลางเจ็บปวด
อีกครั้ง “ดูหน้าตาสิเย็นเฉียบแข็งทื่อเสียขนาดนี้…”
“ท่านแม่” ท่านชายโจวหกยื่นมือไปลูบหน้าตัวเอง “หน้าข้า
ไม่ได้เย็นเฉียบแข็งจนแย่หรอกขอรับ มียาทาอยู่ ขนาดมือยัง
ไม่เป็นไรเลย”
เขาพูดพลางยื่นมือออกไปให้ท่านแม่ดู ตัวเองก็มองด้วยเช่นกัน
ยานี้ก็เป็นนางที่มอบให้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจให้เขาก็เถอะ
น่ารำคาญเสียจริง ที่ไหนล้วนมีแต่นางเต็มไปหมด
ท่านชายโจวหกถูมืออย่างแรง
“…ชายหก!”
ท่านชายโจวหกหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองมารดา
“กลับมาครานี้ ตัดสินใจเรื่องหมั้นหมายดีกว่า พอกลับมา
อีกครั้งก็จะได้แต่งพอดี” ฮูหยินโจวยิ้มตาหยีพลางเอ่ย
ท่านชายโจวหกพลันหน้าบึ้งตึง
“ข้ายังเด็กอยู่เลย แต่งงานอะไรกัน” เขาเอ่ย ลุกขึ้นกำลังจะ
ออกไป“เด็กอะไรกัน เจ้าสิบเก้าเข้าไปแล้ว!” ฮูหยินโจวรีบเอ่ยขึ้น
“ยี่สิบเก้าก็ยังไม่สาย” ท่านชายโจวหกเอ่ย หันหน้าเดินออกไป
นายใหญ่โจวกำลังเข้ามาจากด้านนอกพอดี จึงขวางเขาไว้
“เมื่อครู่กำลังหาเจ้าอยู่พอดี เจ้าไปไหนมา” เขาถาม
“ข้าไปส่งของที่คนฝากมา” ท่านชายโจวหกเอ่ย
นายใหญ่โจวส่งเสียงอืมออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เห็นฮูหยินโจวที่
ออกมาต้อนรับก็รีบสาวเท้าไปหา
“เจ้าพูดถูกจริงๆ สองสามีภรรยานั่นฮุบเอากิจการของเจียว
เจียวจริงๆ ด้วย” เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ
ท่านชายโจวหกที่เดิมทีคิดจะเดินออกไปก็พลันหยุดฝีเท้าลง
ว่าอย่างไรนะ
“ข้าบอกแล้ว ฮูหยินรองเฉิงนั่นอยากจะโอ้อวดคนจนตัวสั่น
แล้ว แม้ข้าจะไม่เข้าสังคม ก็เดาได้ว่านางภูมิอกภูมิใจ” ฮูหยินโจว
แค่นเสียงเฮอะออกมา
“ช่างไม่รู้จักกลัวตายจริงๆ” นายใหญ่โจวลูบเครายิ้มเอ่ย
“ท่านพ่อขอรับ”ท่านชายโจวหกเอ่ยขัดพวกเขาขึ้น พลางถาม
“ท่านว่าอย่างไรนะ”
“ชายหก สองสามีภรรยาแซ่เฉิงนี่นึกไม่ถึงว่าจะแย่งกิจการของ
เจียวเหนียงมาแล้ว เปลี่ยนชื่อแม่เลี้ยง โง่หรือไม่โง่” นายใหญ่โจว
หัวเราะออกมาพลางเอ่ย
“ท่านพ่อ ยังหัวเราะออกอีกหรือขอรับ” ท่านชายโจวหกถลึงตา
เอ่ยขึ้น “เหตุใดท่านไม่ไปจัดการเขาเสียหน่อยเล่า”
“ไหนเลยจะถึงมือพวกเรา” ฮูหยินโจวเอ่ย “นางร้ายกาจ
เพียงนั้น มีทางจัดการอยู่แล้ว”
นึกไปถึงคราแรกที่นางสลบไสลไปพวกเขายังแย่งกิจการนาง
มาอย่างยากลำบากเลย ซ้ำ ยังโดนเล่นงานจนเกือบจะเอาชีวิต
ไม่รอด ยามนี้นางไม่ได้ป่วย ไม่ได้ประสบภัย ชื่อเสียงโด่งดัง นึกไม่ถึง
ว่าสองสามีภรรยานี่จะกล้าแย่งของของนางอย่างเปิดเผย
ไม่ใช่รนหาที่ตายเองแล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้อีก!
“ต่อให้นางรับมือได้เพียงใดก็เจอปัญหาเข้าอยู่ดีกระมัง”
ท่านชายโจวหกเอ่ย “เหตุใดแค่ถามไถ่แค่นี้ก็ไม่ถามเล่า”ถามไถ่รึ
นางที่เป็นศิษย์เทพเซียนคนหนึ่ง กระทั่งผู้พิพากษาปีศาจยัง
หลบหลีกให้ ยังจะต้องให้ใครไปถามไถ่อีกหรือ
นายใหญ่โจวกับฮูหยินถูกตวาดจนนิ่งอึ้ง หันไปมองท่านชาย
โจวหกก็หันหลังเดินออกไปแล้ว
“นี่ เจ้าจะไปไหน” นายใหญ่โจวเรียก
“ข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกมัน!” ท่านชายโจวหกเอ่ย
“หยุดเดี๋ยวนี้!” นายใหญ่โจวตวาด สาวเท้าตามไปดึงเขาไว้
“เจ้าจะไปคิดบัญชีอะไร นั่นเป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเขา! อีก
อย่าง เจ้าจะไปกล่าวโทษอะไรพวกเขา แย่งกิจการของลูกสาว
อย่างนั้นหรือ นี่ไม่เป็นการพูดเหลวไหลหรือไร กิจการของลูกสาวก็
คือของบุพการี ยังต้องแย่งชิงอีกหรือไร ไม่ให้น่ะสิจึงเป็นความผิด
ของนาง! ยามนี้เก็บเรื่องนี้เอาไว้ เจ้าก็อย่าไปก่อเรื่องให้มันแดง เรื่อง
แดงมา คนที่จะโดนคนแรกก็คือเจียวเจียว”
“ใช่ ใช่” ฮูหยินโจวรีบเอ่ยเสริม “เรื่องในครอบครัวพวกเขา
พวกเราอย่าไปยุ่งเลย ยุ่งไม่ได้อยู่ดี”ท่านชายโจวหกกำหมัดแน่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระทืบเท้าเดิน
ออกไป
นายใหญ่โจวเอ่ยเรียกหลายครั้งก็เรียกไว้ไม่ได้
“เวรกรรมจริงๆ” ฮูหยินโจวลูบอกพลางเอ่ยด้วย
หน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูท่าทางเหมือนมารร้ายเข้าสิงของลูกชายแล้ว หรือเขาจะแต่ง
กับนางปีศาจนี่เข้าบ้านจริงๆ