“งั้นฉันจีบ ตรงสเปคเลยวะ ขอได้ไหมวะ” ปกติเขาไม่เคยคิดจีบผู้หญิงเอเชีย เพราะรู้ว่ามีวัฒนธรรมต่างจากตัวเอง มันยุ่งยากและซับซ้อนถ้าเกิดเจอผู้หญิงที่เคร่งเรื่องวัฒนธรรม เอวานเลยตัดสินใจไม่ยุ่งดีกว่าเพราะเขาเป็นคนที่ชอบอะไรง่ายๆ
“ไปถามเขาสิ นายจะมาถามฉันทำไม” ถ้าเป็นคนอื่นน้ำเสียงและสีหน้าของลูซบ่งบอกไม่ได้เลยว่ากำลังคิดอะไร แต่สำหรับเอวานนั้นไม่ใช่ เขารู้ไส้รู้พุงลูซหมดทุกอย่าง ถึงบางคนจะบอกว่าลูซนั้นอ่านยากก็ตาม
เห็นแบบนี้แล้วก็นึกสนุก อยากกระตุ้นเพื่อนซะหน่อย นานๆ ทีจะเจอคนถูกใจ
“แล้วนายคิดว่าไง เธอง่ายไหม นายก็รู้ว่าฉันชอบผู้หญิงง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก” ลูซเหลือบตามองเพื่อน เขารู้ว่ามันรู้ว่าเขาคิดยังไง ยังจะกวนประสาท
“ฉันไม่รู้” แต่ลูซก็เลือกที่จะบอกปัด เพราะเขายังไม่รู้จักนิสัยของเธอจริงๆ แต่จากที่สัมผัสวันนี้ พราวฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ เหมือนที่เพื่อนหรือเขาเคยเจอมา
“เป็นไปได้ยังไงวะ นายขึ้นไปบนห้องเธอแล้วนะ อย่าบอกนะว่านายพลาด” เอวานตบพวงมาลัยรถฉะใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ฉันแค่ไปกินข้าว ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายคิด” เอวานทำหน้าเหลือเชื่อ ลูซขึ้นห้องไปกับผู้หญิงเพื่อกินข้าว ตั้งแต่คบกันมาเพิ่งเคยจะได้ยิน
ถึงลูซจะไม่ใช่คนที่เอาไปทั่วแต่ก็ถือว่าตัวพ่อคนหนึ่ง ถ้าเกิดสนใจคนไหน นานสุดไม่เกินสามวัน แต่ส่วนมากจะเห็นหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เรียบร้อยแล้ว
“โอ้มายก๊อด ถ้าพวกเพื่อนๆ รู้พวกนั้นได้หัวเราะเยาะนายแน่”
ลูซยักไหล่ เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะหัวเราะเยาะใคร เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายล่าแต้ม ที่ขึ้นห้องกับผู้หญิงคนไหนก็คิดแต่จะทำเรื่องบนเตียง
“แสดงว่าคนนี้นายจริงจัง”
ลูซส่ายหน้าให้กับคำสันนิษฐานนั้น
“แต่นายไม่ทำอะไรเธอ” เอวานคิดว่าการส่ายหัวของลูซคือการปฏิเสธ
“ฉันไม่ใช่คนบ้ากามที่คิดแต่เรื่องบนเตียง”
“อืม มีเหตุผล ถ้างั้นฉันจะลองบ้าง นายมีเบอร์เธอใช่ไหม ฉันขอหน่อย อยากไปกินข้าวที่ห้องเธอสักครั้ง” เอวานยังไม่หยุดที่จะหยอกล้อเพื่อน
คราวนี้ได้รับสายตาแข็งๆ ของลูซกลับมาอย่างสมใจ ทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
“แต่ฉันได้ยินว่าเธอพึ่งอกหักมาไม่ใช่เหรอ”
ลูซไม่ตอบแต่เขากำลังทบทวนคำถามของเพื่อน เขาจำได้ วันนั้นที่ผับพี่ชายของเธอเป็นคนพูดเองว่าเธอพึ่งจะอกหักมา และการคุยกับเพื่อนของเธอก็เป็นเรื่องยืนยันว่าเธออกหักมาจริงๆ
ใช่ เขาฟังภาษาไทยออก ทำไมจะฟังไม่ออกล่ะในเมื่อแม่เขาเป็นคนไทย คุณมาริสา คงไม่พลาดที่จะให้ลูกเรียนรู้ภาษาไทยหรอกใช่ไหม และเขาก็เรียนรู้มันมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงจะเขียนได้ไม่คล่องก็เถอะ แต่เขาก็สามารถพูดและฟังได้
“ขอบใจที่มาส่ง” ก่อนที่จะได้คุยกันต่อ รถของเอวานก็มาจอดเทียบท่าหน้าบ้านของลูซพอดี ไม่รอช้าที่เขาจะลงจากรถไปทันทีที่รถจอดสนิท
“เฮ้ ไอ้เพื่อนบ้า นายไม่คิดจะพูดหรือตอบคำถามฉันหน่อยเหรอวะ” เอววานตะโกนตามหลัง แต่ก็ได้รับแค่การโบกมือให้แม้แต่หน้าก็ไม่หันกลับมามองคนที่มาส่ง
“หึ” สงสัยเขาคงต้องเตรียมตัวต้อนรับสมาชิกใหม่แล้วสิ
วันนี้เป็นหยุดของพราวฟ้าเธอไม่มีเรียนอย่างที่บอกไว้ เลยถือโอกาสตื่นสาย อากาศวันนี้เย็นลงกว่าทุกวัน
หรือว่าจะเข้าหน้าหนาวเร็วกว่าทุกปีนะ เธอคงต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ซะแล้วสิ เพราะเสื้อผ้าที่เอามาด้วยไม่มีตัวหนาๆ เลยสักตัว
ร่างบางกำลังอุ่นอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน ก็คือแกงเขียวหวาน ใจจริงเธออยากส่งข้อความไปถามลูซมากว่าเขาท้องเสียรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าเพราะเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาจะห่วงเขาเกินหน้าเกินตาไม่ได้ และเขาก็พูดแล้วว่าไม่เคยท้องเสียเพราะอาหารไทย
คงไม่เป็นไรหรอกมั่ง
เสียงโทรศัพท์ดังมาจากห้องรับแขกทำให้ร่างบางละจากหน้าเต่าเดินไปหยิบมากดรับเป็นลิซ่าที่โทรเข้ามา
(เป็นไงบ้างจ๊ะที่รัก ไปเที่ยวเมื่อวานสนุกไหม) เสียงสดใสดังมาตามสายเข้ามา
“ก็ดีนะ”
(ที่รัก เธอจะพูดแค่สั้นๆ ว่าก็ดีนะแค่นั้นน่ะเหรอ ขอยาวกว่านี้ได้ไหม) พราวฟ้าส่ายหน้ายิ้มๆ ให้คนปลายสาย
“เธอจะให้ฉันพูดว่าอะไรล่ะ มันก็ดีจริงๆ บ้านเมืองหรือธรรมชาติของที่นี่สวยมาก” พราวฟ้าขยายความให้เพื่อนอีกนิด เผื่อจะพอใจในคำตอบของเธอ
แต่ปลายสายก็ยังถอนหายใจกลับมา
พราวฟ้ากลับเข้ามาในครัวอีกครั้งเพื่อปิดแก๊ส ใช้หูแนบโทรศัพท์จัดการตักอาหารและข้าวของตัวเองมาวางไว้บนโต๊ะ เสร็จสับถึงใช้มือได้
(ฉันอยากรู้ว่าพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง เขาทำอะไรให้เธอลำบากใจรึเปล่า) ความจริงที่คนปลายสายโทรมาคืออยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนและพี่ชายเป็นยังไงบ้างพัฒนาขึ้นบ้างไหม
พราวฟ้าส่ายหน้ายิ้มๆ อีกครั้ง
“เขาไม่ได้ทำอะไรให้ฉันลำบากใจหรอกสบายใจได้” พราวฟ้าบอกไปถามความจริง ถึงจะรู้สึกอึดอัดบ้างในตอนแรก แต่ลูซก็สามารถทำให้เธอหายอึดอัดได้ เขาน่าคบหากว่าที่คิด
(ขอมากกว่านี้ เช่น ไปที่ไหนบ้าง พี่ชายฉันทำอะไรให้เธอประทับใจบ้างไหม) ในที่สุดลิซ่าก็ยอมเปิดเผยในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ ถ้ารอให้แม่สาวหวานคนนี้เป็นคนพูดชาติหน้าเธอคงไม่ได้ยิน เหมือนอย่างที่เธอไปถามพี่ชายเธอมาแล้ว คำตอบก็ไม่ต่างกัน
พราวฟ้าทำหน้าครุ่นคิดกับคำถามของเพื่อน เรื่องประทับใจงั้นเหรอ
“แค่นั่งรถไฟไปเรื่อยๆ แล้วก็กลับ ส่วนเรื่องประทับใจ ก็คงเป็นเรื่องที่เขาเป็นช่างภาพให้ฉันมั่ง” พราวฟ้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เอามาเป็นเรื่องประทับใจได้
(OMG จริงดิ พี่ชายฉัน) ลิซ่าอ้าปากค้างตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน
“มีอะไรน่าตกใจ เขาชอบถ่ายรูปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” พราวฟ้าไม่เข้าใจว่าแค่เรื่องถ่ายรูปให้ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น
(ใช่ ลูซชอบถ่ายรูป แต่เขาชอบถ่ายแค่รูปธรรมชาติสิ่งของเท่านั้นแหละ รูปมนุษย์สักคนไม่เคยอยู่ในเลนส์กล้องเขาหรอก ถามจริงนี่เธอเอ่ยปากขอให้ลูซถ่ายหรือพี่ชายสุดหล่อของฉันเสนอตัวเอง) ลิซ่าถามในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่ได้พูดเกินจริงสักนิด ว่าในกล้องของลูซ ไม่มีรูปคนอยู่เลยสักรูปแม้แต่รูปครอบครัว ถึงแม้คนในครอบครัวและเพื่อนๆ จะขอให้เขาถ่ายให้แต่ลูซก็ปฏิเสธ อ้างว่าการถ่ายรูปคนไม่ใช่ทางของเขา ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครขอให้เขาถ่ายรูปให้อีกเลย
ถ้าเข้าไปดูในไอจีของลูซจะเป็นการยืนยันได้อย่างดี
พราวฟ้าขมวดคิ้วกับคำพูดของเพื่อนมันเกินจริงไปรึเปล่า เพราะลูซก็ไม่เห็นจะลำบากใจเลยสักนิดในการถ่ายรูปให้เธอ แถมเขายังเป็นคนอาสาเองด้วย
MANGA DISCUSSION