มันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขาหรอก ที่จริงเขาสามารถพูดเยอะๆ หรือพูดยาว ๆได้ ถ้าเขาอยากพูด
เพียงแค่เขาขี้เกียจแค่นั้น พวกเพื่อนและคนในครอบครัวเลยคิดว่าเขาพูดน้อยเย็นชา เขาเลยให้คิดไปแบบนั้น
“ฉันคิดว่าอยากไปนั่งรถไฟเล่น”
“แค่นั้น” ลูซเลิกคิ้วถาม
“ใช่ค่ะ” พราวฟ้าพูดอย่างตื่นเต้น เธอหาข้อมูลมาบ้างแล้ว
“เธอมีเวลาเที่ยวเล่นกี่ชั่วโมงกัน”
“ฉันคิดว่าจะนั่งไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียน”
“แสดงว่าต้องค้างคืน”
“คิดไว้อย่างนั้นค่ะ ฉันถึงบอกไงคะว่าฉันไปคนเดียวได้ ฉันไม่อยากรบกวนคุณ” การที่เธอไปค้างคืนจะทำให้เขาลำบาก และเขากับเธอจะไปค้างคืนด้วยกันได้ยังไง
“แต่ตอนนี้ไม่มีหิมะอาจจะทำให้เธอผิดหวัง”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันอยากดูใบไม้เป็นสีทองเหมือนกัน” ความตื่นเต้นที่อยู่บนหน้าเธอ ทำให้ลูซเองก็อดยิ้มออกมานิดๆ ไม่ได้ น้อยนักที่เขาจะเห็นรอยยิ้มอยู่บนหน้าสวยหวานนี้
“โอเค” ลูซออกเดิน แต่พราวฟ้ายังไม่เดินตามเขา นี่เขาจะไปกับเธอจริงๆ เหรอ
“คุณจะไปกับฉันจริงๆ เหรอคะ”
ลูซหันมาเลิกคิ้วมองเธอ นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ
“ใช่ ลิซ่าฝากเธอไว้กับฉันแล้วหนิ”
“แต่..”
“ไม่มีแต่ ช้ากว่านี้เดี๋ยวตกรถไฟนะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองมาถึงสถานีรถไฟ ช่วงเวลานี้คนยังไม่เยอะมากเท่าไหร่ทำให้ง่ายแก่การจับจองที่นั่งซึ่งลูซเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด พอเข้ามาข้างในความหรูหราทำให้เธอตาโต ตู้รถไฟมีความทันสมัย มีเครื่องปรับอากาศและหน้าตาบานใหญ่เป็นกระจกใสสำหรับชมวิว
สีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้นของพราวฟ้าทำให้ลูซเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนั่งลงเธอก็เก็บกระเป๋าไว้ข้างๆ ลูซเองก็นั่งตรงข้ามกับเธอ
“วางตรงนี้ได้ สี่ที่นี่ฉันจองไว้หมดแล้ว” พราวฟ้าตาโต
“แต่มันน่าจะแพงนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“เราเปลี่ยนไปนั่งที่สองคนดีไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ่ายเงินแล้วคืนไม่ได้”
“งั้นฉันจะจ่ายคืนให้คุณค่ะ” ลูซส่งสายตาดุๆ ให้หญิงสาว
“ฉันเป็นสุภาพบุรุษจะให้สุภาพสตรีจ่ายได้ยังไง”
“แต่ฉันไม่สบายใจนี่คะ”
“เอาไว้มีโอกาสเธอค่อยจ่ายให้ฉันก็แล้วกัน”
“โอเคค่ะ คุณรับปากแล้วนะคะว่าจะให้ฉันจ่ายให้คุณสุภาพบุรุษ” พราวฟ้ายิ้มออกเมื่อเขาว่าอย่างนั้น
ลูซหัวเราะเบาๆ กับความขี้เล่นของเธอถึงจะเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เขาไม่คิดว่าผู้หญิงพูดไม่เก่งจะมีมุมนี้ด้วย
“ตามนั้นคนสวย” พราวฟ้าเกิดลมหายใจสะดุดเมื่อได้คำตอบรับของเขา
“ค่ะ” เธอตอบรับเขาสั้นๆ แล้วหันไปสนใจอย่างอื่นเมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนตัว
บ้าน่าพราวมันเป็นแค่คำพูดธรรมดาของคนที่นี่ ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่เธอได้ยินคนอื่นพูดคำนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เธอยังไม่มีอาการแบบนี้เลย
ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเธอสักนิด เธอไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับใครอีกพราวฟ้า
“ไม่เหมือนตามที่คาดไว้เหรอ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์
“คะ?”
“เธอดูไม่สนุก”
“อ่อ เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆ ว้าว สวยมากเลยค่ะ” พราวฟ้าดึงตัวเองให้ออกมาอยู่ในโลกแห่งความจริง เธอไม่ควรคิดอะไรมาก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เธอจะอยู่กับปัจจุบันและไม่ทำร้ายตัวเองอีก
เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บซ้ำเพราะความรักอีกเป็นอันขาด เธอต้องรักตัวเอง
หลังจากรถไฟวิ่งมาได้ไม่ได้นานความสวยงามของเส้นทางสายนี้ก็ปรากฏขึ้น ดอกไม้สีเหลืองทองสองข้างทางทำให้พราวฟ้ารู้สึกสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“อยากถ่ายรูปไหม” ลูซถาม
“ฉันไม่ได้เอากล้องมาด้วยค่ะ” พราวฟ้าไม่ได้เตรียมกล้องไว้สำหรับทริปนี้ เรียกง่ายๆ คือเธอไม่มีกล้องนั่นเอง เพราะเธอไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนบ่อยนักอีกทั้งยังไม่ค่อยได้ถ่ายรูปลงโซเชียล เลยไม่จำเป็นต้องซื้อกล้อง
“นี่ไง” แต่ชายหนุ่มที่ร่วมทริปกลับหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเดียวที่เธอเห็นเขาสะพายมาด้วย
พราวฟ้าตาโต
“คุณเตรียมมาเหรอคะ”
“แค่ติดตัว ฉันชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว” เป็นสิ่งใหม่ที่เธอได้รู้เกี่ยวกับเขา
“งั้นถ่ายธรรมชาติดีกว่าค่ะ” ดูท่าเขาจะถ่ายรูปเก่งพอตัว เธอเลยกลัวว่าจะเป็นนางแบบที่ไม่ได้เรื่อง
“เธอไม่อยากมีรูปเก็บไว้” บางปากเม้มเข้าหากัน
เมื่อคืนก่อนที่เธอจะออกจากห้อง ปริมกับอะตอมส่งข้อความมาพูดคุยกับเธออีก พวกนั้นรบเร้าให้เธอลงรูปในโซเชียลบ้างเพราะอยากรู้ความเคลื่อนไหว ซึ่งแต่ก่อนเธอไม่ได้แตะมันสักนิด แต่ปริมเป็นคนสมัครให้
คนติดตามก็มีเพียงแค่เพื่อนสองคนเท่านั้นไม่มีใครอื่น และเธอไม่ได้เปิดสาธารณะ
“งั้นก็ได้ค่ะ ฉันต้องลงไอจีให้เพื่อนที่ไทยดูไม่อยากฟังพวกนั้นรบเร้าบ่อยๆ ขอสวยๆ เลยนะคะ” ลูซเห็นเธอยิ้มเขาก็ยิ้มตาม ผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่สวยมากยิ่งแววตาเธอสว่างไสวยิ่งน่ามอง เธอไม่เหมาะกับความเศร้าหมองเลยสักนิด
“เธอก็ยิ้มสิ” ลูซยกกล้องขึ้นเตรียมพร้อมที่จะถ่าย พราวฟ้าก็ขยับตัวเข้าชิดกระจกบานใสเพื่อให้เห็นทิวทัศน์ข้างนอก
ดวงตาคมส่องผ่านเลนส์กล้องจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของคนตรงหน้า รอยยิ้มสว่างไสวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าสวยหวานทำให้หัวใจของเขากระตุก แต่มือก็ยังกดชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพสวยๆ ให้หญิงสาวไปหลายภาพ
“ได้ไหมคะ” พราวฟ้าถามเมื่อเขาดึงกล้องลง
“อืม แต่ไม่รู้สวยรึเปล่านะ”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวหน้ามุ่ย ลูซก็หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นท่าทางนั้น
“นี่คุณแกล้งฉันเหรอ” เสียงหัวเราะทุ่มต่ำที่ดังขึ้นทำให้พราวฟ้ารู้ว่าโดนเขาแกล้งเข้าให้
“เปล่าครับ” คำปฏิเสธแสนสุภาพพร้อมกับสายตาวิบวับที่ส่งมาให้ ทำให้หัวใพราวฟ้าเต้นแรงอีกครั้ง
จนเธอเผลอยกมือขึ้นกุมที่หัวใจตัวเอง
ทำไมเธอถึงรู้สึกกับคนที่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้งได้ นี่เธอลืมไคล์แล้วจริงๆ เหรอ เธอไม่รักไคล์แล้วเหรอ พราวฟ้าสงสัยในอาการของตัวเอง ความรู้สึกของเธอเกิดขึ้นได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
“ไม่ได้แกล้งจริงๆ เอาไปดูไหม” ลูซยื่นกล้องให้หญิงสาวดูเมื่อเห็นเธอนิ่งงัน
“ฉันเชื่อคุณค่ะ”
“งั้นถ่ายต่อนะ”
“ค่ะ”
รถไฟวิ่งไปเรื่อย ๆ ข้างทางบรรยากาศสวยงามเกินบรรยาย พราวฟ้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น แต่สำหรับลูซคงชินแล้วเพราะเขานั่งมองภาพสองข้างทางนิ่ง
เส้นทางของรถไฟมีทั้งเข้าอุโมงค์วิ่งลัดเลาะตามเขาและที่ราบ
“ถ้ามาช่วงฤดูหนาวเธอจะเห็นหิมะปกคลุมไปทั่ว”
“คงจะสวยน่าดูนะคะ” จากที่หาข้อมูลมา เป็นอย่างที่เขาบอก
“ใช่สวยมาก” ลูซพูดพร้อมกับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
“ฉันคงต้องหาโอกาสมาอีกครั้ง”
“จะมาเมื่อไหร่ก็บอก” คำพูดเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง
MANGA DISCUSSION