“สวัสดีจ้ะ พราวล่ะจ๊ะพราวเป็นยังไงบ้าง” ทักทายกันเสร็จก็รีบถาม
“อาหมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ แต่คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพราวอยู่ในมือหมอแล้ว” ปริมพูดปลอบใจ
“จ๊ะ แล้วนี่พ่อหนุ่มเป็นคนพาพราวมาโรงพยาบาลใช่ไหมลูก” คุณทิพย์อาภาถามชายหนุ่มรุ่นลูก
“ครับ” ท่านพยักหน้า แล้วถอนหายใจเบาๆ
“เป็นเพราะป้าเองแหละที่ทำให้พราวเป็นแบบนี้”
ปริมและอะตอมตาโตเมื่อได้ยินแบบนั้น มองคนสูงวัยไม่วางตา
“คุณป้า..” ปริมอยากจะถามว่าเรื่องมันเป็นยังไงแต่ก็กลัวจะเสียมารยาทเกินไป
คุณทิพย์อาภาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งแล้วนั่งลง ไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งคุณหมอออกมาจากห้อง ทั้งสามคนจึงรีบลุกแล้วเดินเข้าไปหา
“สองครั้งแล้วนะครับที่เราเจอกันเรื่องแบบนี้” คุณหมอหันมาพูดกับคนที่เขาเจอแล้วครั้งหนึ่งในเหตุการณ์เดียวกันและผู้หญิงคนเดียวกัน ตอนแรกเขายังไม่รู้หรอกว่าเป็นคนเดียวกัน แต่พอได้เห็นหน้าชัดๆ และอ่านประวัติเลยจำได้
“ค่ะ ดิฉันละอายใจจริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้” คุณทิพย์อาภายอมรับผิด เธอคงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว
ในขณะที่อีกสองคนมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สองครั้งแล้วอย่างนั้นเหรอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“ครับ แต่เรื่องนี้ถ้าคนที่โดนกระทำจะแจ้งความก็สามารถทำได้คุณรู้ใช่ไหมครับ” เห็นสภาพของหญิงสาวแล้วหมอก็เกิดความเห็นใจไม่ได้
“ค่ะ ดิฉันทราบค่ะ แล้วลูกสาวดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ หมอฉีดยาให้แล้วแต่หมอต้องการให้คนไข้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์ครับ” คุณทิพย์อาภาทำหน้าสงสัย คุณหมอเลยไข้ความกระจ่างต่อ
“รอดูสภาพจิตใจของคนไข้ด้วยครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปห้องพัก รบกวนญาติไปทำเรื่องด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ มีอะไรเรียกหมอได้ตลอดเวลา อาไปก่อนนะอะตอม”
“ขอบคุณครับอาหมอ” ทั้งสามคนไหว้ขอบคุณอาหมอก่อนที่ท่านจะเดินออกไป
คุณทิพย์อาภาแยกตัวไปทำเรื่องเอกสาร เหลือแค่ปริมและอะตอมที่มองหน้ากันอย่างต้องการพูดอะไร
“แกคิดว่าไงวะ”
“คุณป้าหน้าคุ้นๆ ไหมแกว่า” อะตอม เขาคุ้นหน้าผู้หญิงสูงวัยคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“ฉันก็ว่าคุ้น แป๊บนะ” ปริมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ
“นี่ไงแก”
“คุณทิพย์อาภาเจ้าของธุรกิจร้านเพชร”
“เอ้ยแก ท่านเป็นแม่ของ นาย เควิน ไคล์ กิติวัฒนไพศาล” ปริมมองอะตอมตาโต เมื่อเห็นนามสกุลดัง
อะตอมกัดฟันกรอดเมื่อทุกอย่างกระจ่าง สิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริง เรื่องที่เขาสงสัยเป็นเรื่องจริง
“มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหมแก ที่คุณป้าบอกว่าเป็นเพราะท่านเองที่ทำให้พราวเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ใช่ไหม ถ้ามันใช่นี่มันบ้ามาก ทำแบบนี้ได้ไงวะ” ปริมปะติดปะต่อเรื่องและโวยวาย
“คงต้องถามท่านเองแล้วล่ะ” อะตอมรู้สึกโกรธมากกับเรื่องนี้ คุณทิพย์อาภากำลังเดินตรงมาทางนี้อะตอมบุ้ยปากให้ปริมหันไปถามท่านเอง ซึ่งปริมก็ไม่รอช้า ไม่มีความเกรงใจอีกต่อไป
“คุณป้าเป็นแม่ของไคล์ที่เรียนวิศวะใช่ไหมคะ” คุณทิพย์อาภาผงะ มองสบตาหญิงสาวรุ่นลูก
แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร พยาบาลก็เข็นร่างของพราวฟ้าออกมาซะก่อนเพื่อย้ายไปที่ห้องพิเศษที่คุณทิพย์อาภาได้ทำเรื่องไว้ ทั้งหมดจึงย้ายตามมาด้วย
เกิดความเงียบขึ้นในห้องพักคนไข้ ทั้งสามคนแยกตัวออกมานั่งรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่พอสมควร จะมีแยกส่วนระหว่างเตียงคนไข้กับห้องรับแขกทำให้คนเฝ้าไข้สามารถอยู่เฝ้าได้
คุณทิพย์อาภาตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เด็กทั้งสองคนฟังเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของพราวฟ้า ซึ่งท่านก็รู้จักดีอยู่แล้วจากคำบอกเล่าเป็นประจำของพราวฟ้า ว่าทั้งสองคนดีต่อตัวเองแค่ไหน เพียงแต่ท่านยังไม่เคยเจอตัวจริงแค่นั้น
มาเจอวันนี้ท่านก็รู้เลยว่าเพื่อนทั้งสองคนห่วงพราวฟ้ามากแค่ไหน
เมื่อเล่าทุกอย่างจบ ความรู้สึกของปริมและอะตอมนั้นแตกต่างกันออกไป อะตอมกำมือแน่นด้วยความรู้สึกที่จุกในอก ส่วนปริมตกใจและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“โถ่พราว” ปริมพึมพำเบาๆ สงสารเพื่อนจับใจ หันไปทางเพื่อนชายก็อดไม่ได้ที่จะตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“ป้าผิดเองที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” คุณทิพย์อาภาพูดเสียงเศร้าท่านรู้สึกเสียใจจริงๆ
“คุณป้าจะบอกเขาไหมคะ” ปริมอดไม่ได้ที่จะถาม เขาที่เธอหมายถึงคือลูกชายของท่าน
“ป้าคงไม่บอก ป้าจะไม่ให้ไคล์เจอกับพราวฟ้าอีกแล้ว” คุณทิพย์อาภาพูดเสียงเด็ดขาด เธอจำได้ดีคำพูดของพราวฟ้าตอนนั้น
“ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก พราวจะถอยค่ะ ถ้าพราวเข้าโรงพยาบาลอีกรอบพราวจะไปจากที่นี่เองค่ะ” คำพูดของพราวฟ้าในตอนนั้นทำให้ท่านตกใจไม่น้อยแต่ก็เข้าใจในเวลาเดียวกัน
“แล้วหนูจะไปไหนลูก” ท่านเลี้ยงของท่านมาแต่อ้อนแต่ออกจะไปเฉยๆ ได้ยังไง
“พราวยังไม่รู้ค่ะ แต่พราวคงต้องไปค่ะ ถ้าพราวทำไม่สำเร็จ พราวอยากชดใช่ให้เขาค่ะ” มืออวบลูบผมนุ่มเบาๆ อย่างปลอบโยน
“เอางี้ไหม แม่จะส่งหนูไปเรียนต่างประเทศ ไปอยู่ที่นั่น เพราะถ้าให้หนูออกไปจากบ้านเฉยๆ แม่คงทำใจไม่ได้ แม่ปล่อยหนูไปแบบนั้นไม่ได้”
“เชื่อแม่ แม่คือแม่ของหนูนะพราว แม่เลี้ยงหนูมา สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นความผิดของแม่ ให้แม่ได้ชดใช้เถอะนะลูก” พราวฟ้าส่ายหน้า
“คุณแม่มีบุญคุณกับพราว พราวไม่เคยโกรธเลยสักครั้ง พราวสำนึกบุญคุณของคุณแม่เสมอ อีกอย่างเรื่องนี้พราวตัดสินใจเองคุณแม่ไม่ได้บังคับพราวเลย พราวเลือกเอง อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ”
แค่ท่านเลี้ยงดูเธอมาแค่นี้เธอก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดแล้ว
“แต่ถึงยังแม่ก็อยากให้หนูไป แม่คิดไว้แล้วว่าถ้าไคล์ทำอะไรที่ร้ายแรงอีก แม่จะส่งหนูไปอยู่ที่อื่น หนูคงมีความสุขกว่านี้ถ้าไปอยู่ที่อื่น”
พราวฟ้าโผล่เข้ากอดท่านด้วยความซาบซึ้งใจ เธอโชคดีมากๆ ที่ท่านรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ แต่ความโชคดีก็มีความโชคร้ายอยู่ในนั้นด้วย เธอไม่โทษอะไรเลย เพราะมันคงเป็นโชคชะตาของเธอเอง
“ขอบคุณนะคะ แต่มันยังไม่เกิดขึ้น พราวอาจเปลี่ยนใจเขาได้ ใครจะรู้ ใช่ไหมคะ” พราวฟ้าฝืนยิ้มเพื่อให้ท่านและเธอมีกำลังใจ
“จ๊ะ แม่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”
MANGA DISCUSSION