วังเสิ่นหยางกง ตำหนักหลันเทียน (ท้องฟ้าสีคราม)
ตำหนักหลังใหญ่ที่ใช้เป็นเรือนหอค่อนข้างอยู่ห่างจากตำหนักใหญ่ที่ประทับของชินอ๋อง ตำหนักนี้แทบจะอยู่ทางด้านหลังของวังเลยด้วยซ้ำ ร่างบางที่ถูกนำมาส่งไว้ในห้องเพื่อรอพระสวามีที่นางรู้ดีว่าไม่มีทางมา รอจนกว่าแม่สื่อกล่าวทบทวนหน้าที่การปรนนิบัติสามีจนจบแล้วก็ปล่อยนางไว้คนเดียวเมื่อไม่มีคนอยู่แล้วมือบางก็เปิดผ้าคลุมหน้าออกทันทีตามด้วยเครื่องประดับมงกุฏหงส์ที่หนักอึ้งก็ถอดออกวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ปิ่นปักผมนับสิบชิ้นถูกมือน้อยๆ นั้นถอดออกจนหมดปล่อยผมยาวสลวยดำสนิทราวไหมชั้นดีตกลงมาถึงเอวคอด มือบางหยิบหวีมาสางผมก่อนเกล้าขึ้นง่ายๆ ปักปิ่นหยกเพียงชิ้นเดียวก่อนลุกขึ้นไปยังโต๊ะที่มีอาหารมากมายพร้อมสุรามงคลตั้งอยู่ ร่างระหงนั่งลงหยิบตะเกียบขึ้นมารับประทานเงียบๆ คนเดียวไร้ความเศร้าโศกเสียใจใดๆ เสร็จแล้วก็เรียกสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนโหวเข้ามาเก็บโต๊ะ
“พระชายาเหตุใดไม่รอท่านอ๋องก่อนเล่าเพคะ”
ร่างเล็กของฮุ่ยเจินเอ่ยออกมาอย่างกังวลใจ
“เสี่ยวฮุ่ย เจ้าจะกังวลไปใยเจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะเสด็จมางั้นหรือ รีบเก็บเถิดข้าอยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
“เพคะพระชายา”
เมื่อลับร่างของฮุ่ยเจินและนางกำนัลรับใช้ในตำหนักที่เข้ามาเก็บโต๊ะ เพียงไม่นานนางกำนัลน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มก็เข้ามาเพื่อรายงานว่าเตรียมน้ำสรงเสร็จแล้ว
แต่เพียงแค่ร่างบางหันหน้ามาเท่านั้นนางถึงกับตกตะลึงตาโตจนเสียกิริยา
ชินหวางเฟยตระกูลเฉินที่ใครๆ ต่างลือว่านางมิงามมิเหมาะสมกับท่านอ๋องเท่าคุณหนูหลานผู้นั้น แต่สิ่งที่นางเห็นในตอนนี้หากสตรีตรงหน้าที่ถูกนินทาว่ามิงามแล้วมันผู้ใดจะกล้าเอ่ยปากว่าตนงามต่อหน้าชินหวางเฟยได้เล่า วงหน้างามเรียวเล็กกรอบหน้าชัดเจน รับคางเรียวหน้าผากมนจมูกเรียวเล็กโด่งงามรับริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวนสีแดงฉ่ำราวผลอิงเถา แก้มอิ่มขาวเนียนราวผิวทารกเปล่งปลั่งอมชมพูราวจะคั้นน้ำได้ และที่สะดุดตาที่สุดคือดวงตาหงส์คมเฉี่ยวทว่ากลมโตหวานขนตาหนาเป็นแพงอนงาม นางเป็นสตรีด้วยกันยังอดที่จะใจสั่นยามมองมิได้
“มีอันใดหรือ”
เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นนางทำหน้าพิลึกนัก
“ปะ เปล่าๆ เพคะหม่อมฉันเตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วเชิญเสด็จเถิดเพคะ”
“ไปสิ”
ในห้องสรงปกติคนที่อยู่ปรนนิบัตินางอาบน้ำนั้นคือฮุ่ยเจินแต่ตอนนี้เข้ามาอยู่ในตำหนักที่ใหญ่ขนาดนี้ทั้งยังมีนางกำนัลขันทีรับใช้มากขึ้นตามฐานะ ที่ได้รับพระราชทานมาจากไทเฮาทั้งสิ้น การจัดการแบ่งหน้าที่จึงตกอยู่ที่ฮุ่ยเจินที่ถือว่าเป็นหัวหน้านางกำนัลในตำหนักหลันเทียนไปแล้วหน้าที่ปรนนิบัตินางจึงตกอยู่ที่นางกำนัลน้อยผู้นี้
“เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“ทูลพระชายา หม่อมฉันชื่ออวี้หลิงเพคะ”
“อวี้หลิง เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวอวี้แล้วกันดูแล้วเจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าเสี่ยวฮุ่ยของข้าต่อไปเจ้ามาช่วยเสี่ยวฮุ่ยเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะ”
นางรีบเอ่ยขอบพระทัยอย่างดีใจใครจะคิดว่าตนจะโชคดีได้เลื่อนมารับใช้ใกล้ชิดชินหวางเฟยเช่นนี้
หลังจากอาบน้ำแต่งกายเสร็จร่างระหงในอาภรณ์สีขาวปักลวดลายดอกโม่ลี่ฮวาเล็กๆ เกล้าผมง่ายๆ ปักปิ่นทองเพียงชิ้นเดียวก็ออกมาสำรวจตำหนักที่นางต้องใช้ชีวิตอยู่จนถึงเมื่อไหร่มิรู้
รอบๆ ตำหนักมีพื้นที่กว้างขวางประกอบไปด้วยเรือนต่างๆ ราวหกเรือนและมีห้องครัวเป็นของตนเอง เอาไว้ค่อยลองเดินไปดูว่าจะเปิดใช้เรือนใดบ้าง
พื้นที่ตำหนักนี้มีดอกไม้ที่ปลูกไว้รอบๆ หลากหลายสายพันธ์ุส่งกลิ่นหอมมาตามลมเดินออกไปไม่ไกลจากเรือนหลักที่นางพักอยู่มีสระบัวขนาดกลางน้ำใสจนเห็นปลาหลี่หลากสีว่ายไปมาในสระมีดอกบัวสีม่วงชูช่อเต็มสระสวยงามอย่างยิ่งใบหน้างามแย้มยิ้มอย่าถูกใจ ในปลายยามเซิน (15.00-16.59) เช่นนี้แดดร่มลมตกอากาศดีเหมาะแก่การจิบชายิ่งนักและเหมือนเสี่ยวอวี้จะรู้ใจนางถึงได้เตรียมน้ำชาหอมกรุ่นและขนมอีกหลายอย่างไว้ให้นางที่ศาลาหลังเล็กริมสระบัวสายลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ ให้ผ่อนคลายร่างบางปล่อยอารมณ์ความคิดไปเรื่อยๆ หวนคิดถึงเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นเงียบๆ
เดิมทีชีวิตคุณหนูเล็กจวนโหวของนางนั้นเรียบง่ายสงบสุขยิ่งนัก นางมีพี่ชายสองคนที่รูปงามมาก พี่ชายคนโตเป็นทหารตำแหน่งรองแม่ทัพที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ชายแดน ส่วนพี่ชายคนรองมิสนใจรับราชการจึงได้กราบท่านหมอเทวดา เป็นศิษย์ติดตามร่ำเรียนวิชาแพทย์ไปทั่วหล้า เนื่องจากนางในตอนเด็กนั้นร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยมาตลอดพี่รองจึงมุ่งมั่นอยากเป็นหมอเพื่อมารักษานาง
ซึ่งข่าวลือที่นางได้ยินมาตลอดเกี่ยวกับตัวนางคือคุณหนูผู้อาภัพแห่งจวนโหว หนักสุดก็คงเป็นคุณหนูอัปลักษณ์ เหตุใดพวกเขาไม่คิดบ้างว่า ท่านแม่ของนางเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งธิดาแห่งอ๋องเย่ว์หยา เผ่าทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ทางใต้ของแคว้นฉิน บิดานางก็เป็นบุรุษรูปงามองอาจปานนั้น พี่ชายสองคนก็รูปโฉมมิธรรมดา นางผู้เป็นบุตรีจะเกิดมาอัปลักษณ์ได้อย่างไร เพียงแค่อาการเจ็บป่วยยามเด็กทำให้นางผอมเกินไปเท่านั้น ซึ่งตอนนี้พี่รองและอาจารย์ของเขาก็รักษานางจนหายดีตั้งนานแล้ว ผู้คนก็ยังลืออยู่เช่นเดิม จนนางคร้านจะใส่ใจจะไปห้ามคนนินทาได้อย่างไร ซึ่งพี่ชายทั้งสองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยเพราะหวงน้องสาวอย่างนางข่าวลือนี้ทำให้ไม่มีแม่สื่อบ้านใดมาทาบทามนางจนล่วงเลยวัยปักปิ่นมานับปีแล้ว จนเมื่อหลายวันก่อน ไทเฮามีรับสั่งให้ครอบครัวนางเข้าเฝ้าเพื่อทาบทามสู่ขอนาง นางในตอนนั้นตกใจและไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พระนางทรงอธิบายถึงเหตุผลที่นางต้องแต่งเข้าวังอ๋องกระทันหัน ร่างบางรับฟังอย่างสงบ ท่านพ่อและท่านแม่มิได้บังคับอันใดนาง แต่เป็นนางที่เต็มใจตอบรับเอง เพราะท่านพ่อบอกอยู่เสมอว่าไม่ว่าเรื่องใดที่เกี่ยวพันกับแคว้นฉินอย่าได้ลังเลที่จะช่วยเหลือ
“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้คนมาแจ้งว่ายามห้าย(21.00-22.59)จะเสด็จตำหนักหลันเทียนเพคะ”
MANGA DISCUSSION