พระชายา - ตอนที่ 17 ทำหน้าที่สวามีที่ดี
ดวงตาคมหวานหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายอู่อย่างพิจารณาก็เห็นมุมปากได้รูปนั้นแตกเป็นแผลเล็กๆ มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยที่หากนางไม่สังเกตดีๆ คงมิเห็น คุณชายทั้งสองคนนี้ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณการแต่งกาย มิเหมือนพ่อค้าหรือคุณชายตระกูลใหญ่ทั่วไปเหมือนที่เขาบอก ฐานะของทั้งสองคงไม่ธรรมดาเป็นแน่ทั้งวรยุทธ์ก็เก่งกาจ แต่เอาเถิดหากเขามิยอมบอกความจริงก็แล้วไปเถิด
“พระชายามีอันใดกับกระหม่อมหรือพะยะคะ”
“คุณชายอู่ ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ”
“แผลเพียงเล็กน้อยพะยะค่ะ”
“เสี่ยวฮุ่ย ไปเอาตลับยาในถุงผ้าในรถม้ามาให้ข้าเร็ว”
“เพคะพระชายา”
ไม่นานร่างเล็กของเสี่ยวฮุ่ยก็กลับขึ้นมาพร้อมตลับยาขนาดเล็กในมือยื่นให้แก่พระชายา
“ยานี่ พี่ชายของข้าพึ่งมอบให้มาเมื่อเช้า มิคิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้ท่านเก็บไว้เถิดถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนจากข้า”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
“นี่ก็เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าคงต้องขอลาทุกท่านก่อนเอาไว้อีกสามวันข้างหน้ายามอู่ (11.00-12.59) ข้าเชิญทุกท่านมาทานอาหารกันที่นี่นะเจ้าคะ”
“ได้เพคะ”
“พะยะค่ะ”
ร่างบางที่ส่งยิ้มให้คนบนโต๊ะก่อนลุกขึ้นอย่างลืมตัวว่านางเจ็บข้อเท้าอยู่ร่างระหงเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างรุนแรงทำท่าจะล้มลง อู่จิ้นเหอ ที่อยู่ใกล้นางและสังเกตตลอดเวลาจึงคว้าเอวเล็กของนางไว้ได้ทัน ร่างบางตกใจเป็นอย่างมากที่ถูกรวบเข้าไปในแขนแข็งแรงใดยไม่ตั้งใจ
แต่ก่อนจะได้พูดสิ่งใด ร่างของนางก็ลอยวืดมาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของบุรุษร่างสูง ที่ตอนนี้ร่างนางแนบชิดพระอุระจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำอบร่ำที่นางเป็นคนทำพระอุระของบุรุษที่กำลังโอบกอดนางอยู่ บุรุษที่ได้ชื่อว่าพระสวามี
ชินอ๋องเฟยหมิง ที่รีบร้อนเดินทางมาให้ถึงโดยเร็วระหว่างนั้นได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนางพระองค์ยิ่งร้อนพระทัยไม่นึกว่าขึ้นมาถึงชั้นสองจะเห็นนางอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษคนอื่น ถึงจะทรงรู้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้นแต่ในพระทัยกลับคุกรุ่นไปด้วยโทสะจึงได้รีบเดินเข้าไปดึงร่างบอบบางมาโอบกอดไว้เสียเอง
“ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ/พะยะค่ะ”
เสียงเอ่ยทำความเคารพดังขึ้น จึงทรงพยักหน้าให้ทุกคนลุกขึ้นได้
“ตามสบาย”
ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงเอ่ยถามขึ้นอย่างสับสน
“ทรงมาได้อย่างไรเพคะ”
“ทำไมเปิ่นหวางจะมาไม่ได้ หรือเปิ่นหวางมาขัดจังหวะเจ้างั้นหรือ”
ทรงเอ่ยเสียงเบาข้างหูนาง มือบางที่จับสาบเสื้อคลุมของพระองค์ไว้กำแน่นจนมันยับไปหมด เห็นร่างบางไม่ตอบแต่กิริยาอดกลั้นนั้นก็ทรงรู้สึกผิดที่พูดจาเช่นนี้กับนางอีกแล้ว จึงทำได้เพียงช้อนร่างบางที่เบาราวไม่มีน้ำหนักขึ้นมาอุ้มไว้ก่อนกล่าวกับบุคคลที่ร่วมโต๊ะกับนาง
“เปิ่นหวางขอตัวก่อน”
ตรัสจบก็อุ้มร่างบางเดินลงมาจากชั้นสองออกจากโรงน้ำชาไปอย่างรวดเร็ว
“กลับวัง”
เอ่ยสั่งคนขับก่อนอุ้มร่างบางเข้ามาข้างใน
แม้ขึ้นมาบนรถม้าแล้วก็ยังไม่ทรงปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระยังคงอุ้มนางเอาไว้อย่างนั้น
“ปล่อยหม่อมฉันลงเถิดเพคะ หม่อมฉันอึดอัด”
“ไม่ปล่อย เป็นการลงโทษที่เจ้าให้บุรุษอื่นสัมผัสตัวเจ้า”
“มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ”
คนงามเอ่ยอธิบายเสียงเรียบ
“เจ้าควรให้เกียรติสวามีอย่างเปิ่นหวาง ทำสิ่งใดควรไว้หน้าเปิ่นหวางบ้าง”
เอ่ยอย่างไม่จริงจังแต่มิทรงคิดว่านางจะตอบกลับคืนมาอย่างเจ็บแสบ
“แล้วพระองค์เคยให้เกียรติภรรยาอย่างหม่อมฉันหรือไม่เพคะ หม่อมฉันทำสิ่งใดย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วพระองค์เล่ารู้หรือไม่”
“อย่ามายอกย้อนเรานะรุ่ยฟาง”
“หม่อมฉันพูดความจริง พระองค์จะทำสิ่งใดก็ได้โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิพระองค์ได้ แต่พอเป็นหม่อมฉันพระองค์กลับกล่าวราวกับหม่อมฉันทำผิดต่อพระองค์งั้นหรือเพคะ”
“เจ้าโกรธที่เราผิดนัดเจ้างั้นหรือ”
พระพักตร์หล่อเหลายกยิ้มบางๆ อย่างหยอกเย้า
“เพคะ หม่อมฉันโกรธ แต่ไม่ได้โกรธที่ทรงเสด็จออกไปกับผู้ใด หม่อมฉันโกรธที่พระองค์ไม่แม้แต่จะกล้าพูดความจริงกับหม่อมฉันถ้าทรงบอกหม่อมฉันสักคำ หม่อมฉันจะได้ไม่เสียเวลารอ”
“ขอโทษ”
น้ำเสียงจริงจังพร้อมสายพระเนตรออดอ้อนนั้นส่งมายังนาง
“เพคะ”
นางได้แต่ตอบรับเสียงเรียบเฉย
ทั้งๆ ที่พระองค์เอ่ยขอโทษอย่างจริงใจเพียงนี้นางกลับรับคำขอโทษนั้นด้วยสีหน้ามิเปลี่ยนเลยสักนิด ทรงคิดถึงนิสัยของสตรีที่พระองค์เคยพบมาพวกนางมักจะปากไม่ตรงกับใจเวลาโกรธหรือไม่พอใจสิ่งใดก็จะพูดเพียงว่าไม่เป็นไร แม้แต่อิงเออร์เองก็เป็นเช่นนั้น แต่กับชายาของพระองค์คนนี้ นางเป็นสตีที่เถรตรงยิ่งนักคำพูดทุกคำไม่เคยไว้หน้าใคร ตรงจนบางทีพระทัยของพระองค์ก็เจ็บแปลบเลยทีเดียว
“ภรรยาที่ดีควรเถียงสามีมิตกฟากเช่นนี้หรือ”
ใบหน้างามเงยขึ้นมาสบสายพระเนตรคมที่ห่างเพียงคืบก่อนเอ่ยตอบ
“พระองค์คาดหวังให้หม่อมฉันเป็นภรรยาที่ดีแล้วพระองค์เคยทำหน้าที่สามีที่ดีหรือไม่เพคะ”
จบคำพูดร้ายกาจนั้นพระพักตร์คมก็ส่งรอยยิ้มอันตรายมาให้นางทันที
“หวางเฟยพูดได้ดี ไม่คิดว่าหวางเฟยอยากให้เปิ่นหว่างทำหน้าที่สามีขนาดนี้ ได้!!”
จบคำรถม้าก็จอดสนิทหน้าตำหนักเฟยเทียนพอดี ร่างสูงที่อุ้มร่างบอบบางที่ดิ้นรนอย่างตกใจลงมาจากรถม้าสุรเสียงดุดันเอ่ยสั่งขึ้นมา
“ออกไปให้หมดเปิ่นหวางไม่เรียกมิต้องเสนอหน้าเข้ามา”