พระชายา - ตอนที่ 14 บุรุษชุดขาว?
วรกายสูงที่ยังตรวจเอกสารอยู่อย่างเคร่งเครียดนั้นยังมิได้เสวยหรือหยุดพักแม้ในพระทัยจะมีสิ่งรบกวนเพียงใดแต่หน้าที่ก็คือหน้าที่
“ทรงหยุดพักก่อนดีหรือไม่พะยะค่ะ กระหม่อมสั่งให้ห้องเครื่องตุ๋นน้ำแกงไก่ถวายกำลังร้อนๆ เลยพะยะค่ะ”
“เอาไว้ก่อนเถิด เปิ่นหวางไม่หิว”
เกากงกงได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
ขณะเดียวกันร่างสูงใหญ่ของหรงไจ้ก็เดินเข้ามาพระพักตร์หล่อเหลาที่อิดโรยเล็กน้อยนั้นรีบละจากกระดาษในมือทันที
“หานอี้กลับมาแล้วพะยะค่ะ”
“เข้ามาเร็ว”
“ถวายพระพรท่านอ๋องพะยะค่ะ”
“ลุกขึ้น เป็นอย่างไรบ้าง”
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมติดตามพระชายาตั้งแต่ทรงกลับมาจากตำหนักเฟยเทียนระหว่างทางทรงได้ยินนางกำนัลพูดคุยกันถึงเรื่องที่พระองค์ทรงออกไปเที่ยวตลาดกับคุณหนูหลานหมดแล้วพะยะค่ะ”
หานอี้รายงานพร้อมถ่ายทอดถ้อยคำทุกประโยคของนางกำนัลเหล่านั้นอย่างละเอียด
อยู่ดีๆ วรกายพระองค์ก็รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมา
“แล้วนางว่าอย่างไรบ้าง”
“ทรงมิตรัสสิ่งใดเลยพะยะค่ะ”
“นั่นแหละที่น่ากลัว”
สุรเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมา เกากงกงได้แต่ลอบปาดเหงื่อตามหน้าผาก เขาไม่น่าร่วมมือกับพระองค์โกหกพระชายาเลยหากไทเฮาทรงรู้เข้า เขาคงต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วงเป็นแน่
จวนจงเฉิงโหวยามซื่อ (09.00-10.59)
หลังจากรับสำรับเช้าร่วมกับครอบครัวเสร็จแล้วร่างบางก็กลับมาเก็บของและให้สองนางกำนัลไปเก็บดอกไม้มาให้นางนำไปทำน้ำอบ
ร่างสูงโปร่งของเฉินรุ่ยหลินเดินเข้ามาหาน้องสาวที่นั่งจิบชาอยู่ศาลาในสวนในมือถือถุงผ้าใบขนาดกลางมาใบหนึ่ง
“พี่รองมีเรื่องจะคุยกับน้องหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ฟางเออร์ อยู่ในวังอ๋องเจ้าต้องระวังตัวด้วยเข้าใจหรือไม่”
“น้องเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านบอกน้องเป็นรอบที่ร้อยแล้วกระมัง”
เสียงหวานกับเสียงทุ้มเปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันกับคำเย้าแหย่นั้น
“นั่นถุงอะไรเจ้าคะ”
“ถุงยา”
“ยา? ”
มือเรียวยาวคลายปมเชือกที่รัดอยู่ออกก่อนนำขวดกระเบื้องเล็กๆ ทั้งสามขวดออกมา
“ขวดที่มีเม็ดยาสีขาวมุกสองขวดนี้คือยาถอนพิษที่ใช้รักษาได้แทบทุกพิษ ส่วนอีกขวดเป็นยาผงโรยแผลและในตลับนี้เป็นขี้ผึ้งทาแผลเจ้าเอาไปด้วยเถิด”
“ยาถอนพิษของพี่รองไม่มีชื่อหรือเจ้าคะ”
“ไม่ละ พี่ขี้เกียจตั้ง”
“พี่รองงงง”
เสียงหวนเอ่ยเรียกอย่างกระเง้ากระงอด
“โถ่ น้องเล็กพี่ทำยาออกมาเป็นหลายร้อยชนิด จะให้ตั้งชื่อให้พวกมันจนหมด เจ้าคิดว่าพี่จะจำได้หรือ”
พูดจบทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งอย่างขบขัน
“คารวะคุณชายรองเจ้าค่ะ”
“ตามสบายเถิด”
ร่างเล็กของสองนางกำนัลเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าที่บรรจุดอกไม้ชนิดต่างๆอยู่เต็มตะกร้า
“พวกหม่อมฉันเก็บดอกไม้เสร็จแล้วเพคะพระชายา”
“เช่นนั้นไปเก็บของออกมาเถิด ออกไปเร็วหน่อยข้าจะได้มีเวลาเดินเที่ยวตลาดนานๆ”
“เพคะ พระชายาเพคะ ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ให้สดใสขึ้นอีกสักหน่อยดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันเห็นอาภรณ์สีเหลืองอ่อนปักลวดลายดอกเหมยกุ้ยดอกเล็กๆ อยู่ในหีบงดงามมากเพคะ”
“เห็นแก่ความพยายามพูดโน้มน้าวใจของเจ้านะเสี่ยวอวี้ ข้าจะไปเปลี่ยนชุดตามใจเจ้า”
“ขอบพระทัยเพคะ”
อวี้หลิงแย้มยิ้มเต็มใบหน้าพระชายาของนางเป็นสตรีที่งดงามมากหากพระองค์สวมอาภรณ์ที่มีสีสันขึ้นมาอีกบ้างจะงดงามเพียงใดกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
ร่างสองร่างเดินห่างออกไปฮุ่ยเจินที่กำลังจะลุกตามออกไปต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“เสี่ยวฮุ่ย”
“เจ้าคะคุณชายรอง”
“เจ้าดูแลน้องข้าให้ดีเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลพระชายาด้วยชีวิตของบ่าวเองเจ้าค่ะ”
“ดี เจ้าไปได้แล้ว ขอบใจมากเสี่ยวฮุ่ย”
หลังจากเก็บของและกล่าวร่ำลากันแล้วร่างระหงของนางที่สวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนงดงามบนศรีษะเล็กสวมหมวกผ้าโปร่งผืนบางไว้ก็ขึ้นรถม้าออกจากจวนโหวไปทันทีทำให้ชาวบ้านที่ออกมามุงอยู่แถวนั้นมิสามารถมองเห็นพระพักตร์นางได้เลย
ลับหลังรถม้าของชินหวางเฟยไปราวสองเค่อ (30นาที)
รถม้าประทับตราวังเสิ่นหยางก็มาจอดเทียบหน้าจวนทันทีทหารยามที่เห็นชินอ๋องที่ก้าวจากรถม้าลงมาก็คุกเข่าลงอีกคนวิ่งเข้าไปแจ้งแก่เจ้าของจวน
จงเฉิงโหวและเฉินฮูหยินรีบออกมารับเสด็จทันที
“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ/เพคะ”
“มิต้องมากพิธีท่านพ่อตาท่านแม่ยาย”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
ได้ยินคำเรียกขานอย่างสนิทสนมนั้นทั้งสองต่างชะงักไปชาวบ้านที่เริ่มออกมาดูต่างได้ยินกันทั่ว
“เปิ่นหวางมารับหวางเฟยกลับวัง”
“หวางเฟยเพิ่งเสด็จออกไปได้ราวสองเค่อแล้วพะยะค่ะ ได้ยินว่าทรงอยากแวะเดินตลาดก่อน”
“เช่นนั้นเปิ่นหวางคงต้องขอตัวก่อน คราวหน้าจะมารบกวนใหม่”
“น้อมส่งชินอ๋องพะยะค่ะ”
ตรัสจบร่างสูงก็ก้าวขึ้นรถม้าไปทันทีพร้อมคำสั่งดังมาจากในรถม้า
“ไปตลาด”
เพียงไม่นานข่าวลือที่ชินอ๋องเดินทางมารับชินหวางเฟยถึงจวนตั้งแต่เช้าและยังทรงตามไปตลาดก็กระจายออกไปเป็นวงกว้างเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากต่างจากเจ้าตัวที่ตอนนี้กำลังเดินเข้าไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อแวะดื่มชากับขนมที่ชาวบ้านพูดต่อๆ กันว่ารสเลิศยิ่ง