พระชายา - ตอนที่ 11 กลับจวนโหว
ยามซื่อ (09.00-10.59)
หลังรับสำรับเสร็จร่างบางก็รีบกลับมาเพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับไปเยี่ยมบ้านอย่างกระตือรือร้น
ร่างสูงที่แยกออกมาเพื่อรีบทรงงานที่ค้างไว้ให้เสร็จทันพานางกลับจวน ร่างสูงใหญ่ของหรงไจ้เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนจนผู้เป็นนายแปลกพระทัย
“มีอันใดรึหรงไจ้”
“คุณหนูหลานขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
พระพักตร์คมชะงักทันทีก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“ให้นางรออยู่โถงรับรองเปิ่นหวางจะออกไปพบ”
“พะยะค่ะ”
ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องโถงของตำหนักเฟยเทียนพระเนตรคมเห็นร่างบอบบางในอาภรณ์สีส้มอ่อนๆ นั่งรออยู่ใบหน้างามหันมาส่งยิ้มหวานให้กับพระองค์เหมือนเคยแต่แปลกที่พระทัยของพระองค์กลับรู้สึกเฉยๆ มิได้มีความรู้สึกสั่นไหวหรือยินดี ร่างบางรีบลุกขึ้นมาแขนเรียวเล็กยื่นออกมามาเพื่อโอบกอดวรกายสูงอย่างลืมตัว ร่างสูงขยับถอยหลังเล็กน้อยพระเนตรคมเหลือบมองเหล่านางกำนัลขันทีที่อยู่ในตำหนักเฟยเทียน หลานกุ้ยอิงชะงักทันทีใบหน้างามเผือดสีลงก่อนปรับให้เป็นปกติ
“ขอประทานอภัยเพคะหม่อมฉันลืมตัว ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ”
ร่างบางย่อกายถวายพระพรอย่างอ่อนช้อยงดงาม
“มิต้องมากพิธีอิงเออร์”
พระหัตถ์หนาเอื้อมไปประครองร่างเล็กให้ลุกขึ้นก่อนเดินนำมานั่งลงที่โต๊ะ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”
ทรงหันไปสั่งข้ารับใช้ให้ออกไป
“อิงเออร์มาถึงวังเสิ่นหยางกงมีธุระอันใดหรือ”
“หม่อมฉันคิดถึงพระองค์เพคะ หม่อมฉันเพิ่งรู้ว่าต้องมีธุระถึงจะมาเข้าเฝ้าได้เช่นนั้น หม่อมฉัน..”
น้ำเสียงหวานเอ่ยเศร้าๆน้ำตารื้นเจียนจะหยดจึงยื่นพระหัตถ์หนาไปกุมมือเล็กของนางไว้
“พี่มิได้หมายความว่าเช่นนั้น”
“เพคะ เช่นนั้นวันนี้พี่เฟยหมิงพาน้องออกไปเดินเที่ยวตลาดได้รึไม่เพคะ”
เสียงหวานออดอ้อนเอ่ยอย่างสนิทสนมเห็นร่างสูงนิ่งเงียบพระพักตร์คมฉายความกังวลพระทัยออกมา
“ทำไมหรือเพคะ หากว่ามิทรงอยากไปหม่อมฉันกลับก่อนก็ได้เพคะ”
ใบหน้างามที่ราวกับจะร่ำไห้ออกมาพร้อมถ้อยคำตัดพ้อทำให้พระองค์ปฏิเสธไม่ลง
“ไปสิ พี่จะพาเจ้าไป”
“ขอบพระทัยพี่เฟยหมิงเพคะ”
ใบหน้างามแย้มยิ้มทันทีมือบางเอื้อมมาเกาะแขนแกร่งอย่างออดอ้อน
“เกากงกง ไปเตรียมรถม้า”
หันไปตรัสกับเกากงกง กงกงชราเหมือนมีเรื่องจะกล่าว เห็นพระพักตร์คมพยักหน้าเบาๆ มาให้ก็ได้แต่ถอนหายใจรับคำแล้วเดินออกไปทันที
ท่านอ๋องนะท่านอ๋องไหนทรงรับปากกับพระชายาว่าจะพาเสด็จกลับจวนโหวแล้วเช่นนี้เขาจะบอกกับหวางเฟยว่าอย่างไรว่าทรงเสด็จไปกันคุณหนูหลานผู้นั้น
รถม้าประทับตราวังเสิ่นหยางกงเคลื่อนมาตามถนนจนถึงย่านตลาดใจกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านร่างสูงลงมาก่อนเอื้อมพระหัตถ์ให้มือบางจับเพื่อประครองลงจากรถม้าเป็นภาพที่งดงามและเหมาะสมกันในสายตาผู้พบเห็นยิ่งนัก ยิ่งเห็นว่าชินอ๋องเสด็จมากับคุณหนูหลานเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำว่าชินหวางเฟยตระกูลเฉินมิได้เป็นที่โปรดปรานของพระองค์
“ขอบพระทัยเพคะ”
ใบหน้างามขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อแว่วเสียงชาวบ้านให้ได้ยิน
“ไปร้านผ้าก่อนนะเพคะ หม่อมฉันสั่งตัดอาภรณ์ไว้”
เมื่อเข้ามาในร้านหลงจู๊ที่เห็นคุณหนูรองหลานมากับชินอ๋องก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างรวดเร็ว
“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ คารวะคุณหนูหลานขอรับ”
“ตามสบาย”
“อาภรณ์ที่คุณหนูสั่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับเชิญคุณหนูไปตรวจดูก่อนได้ขอรับ”
“เปิ่นหวางจะนั่งรอตรงนี้”
“เพคะ”
หลังจากร่างบางของหลานกุ้ยอิงเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมหลงจู๊แล้วร่างสูงรีบเอ่ยเรียกองครักษ์คนสนิทอีกคนที่อยู่ในเงาออกมาทันที
“หานอี้ ออกมา”
“พะยะค่ะท่านอ๋อง”
“เจ้าไปดูนางหน่อย ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“พะยะค่ะ”
หลานกุ้ยอิงที่ตรวจความเรียบร้อยของสินค้าเสร็จก็ลงมาชั้นล่างเห็นพระพักตร์หล่อเหลาเรียบเฉยราวกับกำลังกังวลพระทัยสิ่งใดอยู่
“เรียบร้อยแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด นี่ ค่าอาภรณ์ของอิงเออร์”
ประโยคแรกกล่าวกับสตรีข้างกายประโยคหลังเอ่ยกับหลงจู๊พร้อมยื่นถุงเงินหนักอึ้งให้ไป
“มิเป็นไรเพคะ น้องจ่ายเอง”
“เรื่องเล็กน้อย ไปเถิด”
“ขอบพระทัยพี่เฟยหมิงเพคะ”
สองร่างเดินเคียงกันออกมาจากร้านผ้า
“ไปโรงเตี๊ยมซือซือกันนะเพคะ เรามิได้ไปนานแล้วตอนนี้ก็ยามอู่ (11.00-12.59) พระองค์คงหิวเเล้ว”
ยังมิทันเอ่ยปฏิเสธร่างบอบบางก็จูงพระหัตถ์เดินเข้ามาเสียแล้ว
‘ยามอู่แล้วหรือเหตุใดเวลาเร็วขนาดนี้พระองค์คงต้องรีบกว่านี้’
“พี่เฟยหมิงเพคะ ฟังที่ข้าพูดหรือไม่เพคะ”
“อืม ตามใจเจ้า”
ทั้งสองเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมืองหลวงก่อนเสี่ยวเอ้อร์จะนำขึ้นไปยังโต๊ะประจำยามที่ทั้งคู่มาที่นี่ผู้คนมากมายที่เห็นทั้งสองมาด้วยกันต่างก็พูดถึงเป็นวงกว้างรวมถึงบุรุษชุดดำที่นั่งอยู่บนชั้นสองที่มองเห็นอย่างชัดเจน!