ผู้รักษาสุดแกร่ง - ตอนที่ 552 โดนเพื่อนสนิทหลอก
น้าคนเล็กคนนี้เกินไปจริง ๆ ผู้อื่นช่วยเธออย่างสุดความสามารถ เธอช่วยคนอื่นแม้แต่นิดเดียวก็ไม่เลย
“ลูกสาวของฉันเพิ่งเข้ามาในบริษัท และเป็นหัวหน้าตอนที่ต้องแสดงออก พวกเธออย่าทำให้ลูกสาวของฉันเดือดร้อนสิ!”
น้าคนเล็กเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาโดยตรง ซึ่งตัดความคิดของหวังตงเสวี่ยไปโดยตรง
หวังตงเสวี่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
“น้าคะ หนูไม่ได้อยากเข้าไปทำงานที่แบรนด์เครื่องสำอางเฉิงยวินสักหน่อย คุณเข้าใจผิดแล้ว”
น้าคนเล็กแค่นเสียงเหอะ “ดีที่สุดก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าเอาความคิดที่ผิดแปลกมาโยนไว้ที่พวกเรา ตอนนี้เป็นเวลาขาขึ้นในการทำงานของลูกสาวของฉัน จำเป็นต้องปกป้องตัวเองสิถึงจะถูก ห้ามให้ผู้นำคนอื่นเห็นในเรื่องไม่ดีที่ตนเองทำ
หวังหรงหรงยิ้ม “นั่นสิ นี่ฉันใช้ความสามารถของฉันทั้งหมดในการได้มันมา ตอนแรกมาขอความช่วยเหลือจากพวกเธอสักนิดพวกเธอก็ไม่สนใจ ตอนนี้ฉันได้เขาไปแล้ว จะมาหาให้ช่วยเหลือ? นั่นมันไม่ตลกเหรอ?”
ฉินจุนทนฟังไม่ไหนอีกต่อไป เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย
“พวกคุณคิดเองเออเองกันเก่งเกินไปแล้ว เธอคิดว่างานนี้เธอได้มันมาด้วยความสามารถของตนเองจริง ๆ เหรอ?”
หวังหรงหรงจ้องมอง “ทำไม นายสงสัยในตัวฉันเหรอ?”
น้าคนเล็กจ้องมองไปที่ฉินจุน และหัวเราะเยาะ
“ทำไม? เป็นโรคตาแดงเหรอ?”
“เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ใช่มั้ย? พอเห็นหรงหรงของเรามีข่าวดีแล้ว ก็เริ่มไม่ชอบใจ?”
“พวกนายนี่จริง ๆ เลยนะ เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ใช่มั้ย?”
ซูฮวนกล่าวว่า “น้องเล็ก! พูดแบบนี้มันคืออะไร พวกเราไม่ได้หมายความอย่างนี้แน่นอน พวกเราก็หวังว่าหรงหรงจะได้ดี แต่พวกเราก็เป็นห่วง ว่างานนี้มันได้มาง่ายเกินไปรึเปล่า หากทำไม่ดีมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมั้ย?”
น้าสาวคนเล็กหัวเราะเยาะ “จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ลูกสาวของฉันเป็นถึงหัวหน้าแล้วจะเกิดเรื่องอะไรได้? ฉันว่าพวกเธอน่ะอิจฉาพวกเรา หากไม่เต็มใจที่จะช่วยก็ช่างมันเถอะ เห็นคนอื่นที่ไม่ได้ใช่มั้ย?”
……
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านบริษัทนี้ หลิ่วชิงชิงได้ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว และต้องการติดต่อกับฉินจุนสักหน่อย และคิดถึงเรื่องที่เขากำชับมาด้วยตัวเองกับเธอทันที
หลิ่วชิงชิงเข้าสู่ฝ่ายบุคลากรโดยตรง
“ผู้จัดการซุน วันนี้คนที่ชื่อหวังหรงหรงมารึยัง?”
ผู้จัดการซุนรีบลุกขึ้นยืนขึ้น “ประธานหลิ่ว หวังหรงหรงมาแล้วค่ะ งานของเธอดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่ะ หัวหน้าแผนกลอจิสติกส์”
หลิ่วชิงชิงพยักหน้า แผนกนี้ดี ไม่ต้องการความสามารถมากเกินไป และค่อนข้างสบาย แม้ว่าฉินจุนจะไม่ได้บอกว่าเป็นญาติฝ่ายไหน แต่ตำแหน่งนี้น่าจะใช้ได้
ผู้จัดการซุนยิ้มเล็กน้อยและถาม
“ประธานหลิ่ว เธอเป็นญาติของคุณเหรอคะ?”
หลิ่วชิงชิงตอบ “ไม่ใช่ญาติของฉันหรอก เป็นคนของเหล่าฉินน่ะ”
ผู้จัดการซุนตะลึงงัน “เหล่าฉิน คุณหมายถึง … ปรมาจารย์ฉินเหรอคะ?”
ก่อนหน้านี้หลายคนนินทาเรื่องของปรมาจารย์ฉินและหลิ่วชิงชิง แม้ว่าผู้จัดการซุนจะได้ยินมาบ้างเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแน่ใจ และไม่กล้าแพร่กระจายเรื่องซุบซิบนี้ไปทั่ว นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายเหรอ?”
หลิ่วชิงชิงหัวเราะ “ใช่ เหล่าฉินคือปรมาจารย์ฉิน แฟนของฉัน” และไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป และการพูดกับคนอื่นก็ไม่เป็นไร
ผู้จัดการซุนได้ยินก็อึ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ และรับรู้ว่านี้คือเรื่องซุบซิบเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง
ตนเองไม่ได้คาดคิดว่าประธานหลิ่วจะตกหลุมรักกับปรมาจารย์ฉิน!
นี่คือกิ่งทองใบหยกจริง ๆ มิน่าล่ะหวังหรงหรงจึงตั้งใจขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นญาติกับปรมาจารย์ฉินนี่เอง
ทันใดนั้นผู้จัดการซุนก็รู้สึกว่าตนเองประมาทเกินไป หากเป็นญาติของหลิ่วชิงชิง อาจจะจัดการแบบลวก ๆ ก็ได้
แต่นี่เป็นญาติของปรมาจารย์ฉิน ไม่สามารถสะเพร่าได้เลย จนทำให้ปรมาจารย์ฉินพึงพอใจ เธออาจจะได้รับคำชื่นชม จนเธออาจจะได้เป็นรองประธาน!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ผู้จัดการซุนก็เอาโทรศัพท์มือถือออกอย่างรวดเร็ว และโทรออกไปยังเบอร์ของหวังหรงหรง
“ฮัลโหล หวังหรงหรงเหรอ ฉันผู้จัดการซุนนะ ตอนนี้เธออยู่ไหนเหรอ สะดวกให้ฉันไปหามั้ย?”
หวังหรงหรงงุนงง แล้วบอกตำแหน่งของเธอ
ผู้จัดการซุนกล่าวว่า “ฉันจะไปหาเธอ เธอรอก่อนนะ”
หลังจากนั้น เธอวางสายโทรศัพท์
ผู้จัดการซุนมองที่สำนักงานของเธอเอง เอารังนกสองกล่องในสำนักงาน ซึ่งเป็นรังนกสำหรับลูกค้าก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นรังนกที่ดีแต่ราคาไม่แพงนัก
เป็นการดีที่สุดที่จะให้ของขวัญ
เมื่อเธอนำรังนกมาแล้ว เธอก็ขับรถอย่างรวดเร็ว
……
ในบ้านของหวังตงเสวี่ย หวังหรงหรงวางสายโทรศัพท์ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้น
“แม่! หัวหน้าของหนูกำลังจะมา!”
น้าคนเล็กงุนงงเล็กน้อย “อะไรนะ หัวหน้าของเธอกำลังจะมา? จริงเหรอ?”
“จริงสิ เพิ่งโทรเสร็จเมื่อกี้ พวกเรารับทำความสะอาดหน่อยเร็ว!”
น้าคนเล็กก็ไม่กล้าที่จะละเลย เห็นใครเธอก็วางมาด แต่ต่อหน้าหัวหน้าของหวังหรงหรง เธอไม่กล้าทำ
พูดจบ น้าคนเล็กก็ตำหนิซูฮวน
“พี่ทำอะไรอยู่ล่ะ รีบลุกสิ รีบทำความสะอาดบ้านเร็ว พี่ดูสิมองไปแล้วไม่เป็นระเบียบเลย ผู้จัดการของเธอจะมาเธอจะมองยังไง!”
“โอ้ โอเค ฉันจะรีบทำความสะอาด”
การเห็นซูฮวนได้รับคำสั่งจากระยะไกลของน้าคนเล็ก ทำให้หวังตงเสวี่ยค่อนข้างอึดอัด
“น้าคะ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ บ้านของพวกเราไม่สะอาดตรงไหน มันไม่สะอาดเหรอ มีอะไรต้องเก็บกวาดอีก?”
น้าคนเล็กจ้องมองหวังตงเสวี่ย “ไม่รู้เหรอว่ามันยังสะอาดไม่พอ? เธอเป็นถึงผู้จัดการแผนก แผนกฝ่ายบุคคล ถ้าปฏิบัติกับเธอไม่ดี ไม่แน่อาจจะเกิดเรื่องได้”
“นอกจากนี้ อย่าคิดว่าผู้จัดการอย่างเธอมาถึงที่นี่ แล้วพวกเธอจะขอร้องเธอได้ตามใจ ห้ามทำให้ความสัมพันธ์ของหรงหรงและเธอมีปัญหา เข้าใจมั้ย?!”
น้าคนเล็กกลัวจริง ๆ ว่าหวังตงเสวี่ยจะข้อร้องเข้าไปทำงานในแบรนด์เครื่องสำอางเฉิงยวิน จึงเอ่ยคำร้องขอนี้ออกมาอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงรีบป้องกันเอาไว้ตั้งแต่แรก ผู้จัดการอย่างเธอมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะหวังหรงหรง ญาติที่แสนจนเหล่านี้ของพวกเธอเป็นการดีที่สุดที่จะไม่พูดจาเรื่อยเปื่อย
การแสดงออกของซูฮวนนั้นอับอายมาก และเธอสัญญาว่าจะเริ่มทำความสะอาดบ้าน
เดิมทีบ้านค่อนข้างสะอาด หลังจากทำความสะอาดมาบ้างแล้วสองสามครั้งก็ไม่มีการเคลื่อนย้ายใด ๆ
แต่น้าคนเล็กไม่พอใจมาโดยตลอด ชี้นั่นให้ซูฮวนทำ ชี้โน้นให้เธอทำ
หวังตงเสวี่ยนั้นไม่น่าพอใจมาก และเริ่มโกรธทันที
ในที่สุด หน้าประตูก็มีรถเบนซ์มาจอดอยู่หนึ่งคัน คนที่ลงมาจากรถเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีอายุประมาณสามสิบปี เธอผิวพรรณดีมาก และสวมใส่เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ แน่นอนว่าเป็นผู้จัดการ งานนี้ดีกว่าของหวังหรงหรงหนึ่งระดับ
เธอเดินเข้ามาพร้อมกับรังนกสองกล่อง เมื่อเห็นหวังหรงหรง ก็ยิ้มเล็กน้อยและเอ่ย
“หรงหรง ฉันมาเพื่อพบเธอ”
หวังหรงหรงอยู่ยังคงมารีบมา เธอมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
“โอโหหัวหน้าคะไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ ฉันสิควรไปหาคุณ จะให้คุณมาหาด้วยตัวเองได้ยังไงกัน?”
หวังหรงหรงก็ไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจโลก เพียงแค่มองแวบเดียว เธอก็เห็นผู้คนระดับสูง และต้องสุภาพอ่อนน้อม หากเจอคนที่มีระดับเท่าตัวเองหรือต่ำกว่า เธอก็จะเริ่มหยิ่งผยองและวางมาด
ผู้จัดการซุนยิ้มเล็กน้อย หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบไม่กี่คำ เธอเห็นฉินจุนที่นั่งอยู่ที่โซฟา ก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ขอโทษนะคะ นั่นคือปรมาจารย์ฉินใช่มั้ย?”
ฉินจุนตะลึงงัน ไม่ได้คาดหวังคนจำนวนมากขนาดนี้ ผู้จัดการซุนจะถามคำถามนี้กับเขาเป็นคนแรก?
“ฉันเอง”
น้าคนเล็กเห็นท่าทีของฉินจุน เธอก็ไม่มีความสุขขึ้นมาทันที
“นี่มันท่าทีอะไรของนาย หัวหน้าคุยกับนาย นายรีบลุกขึ้นยืนสิ!”