ผู้รักษาสุดแกร่ง - ตอนที่ 242 ความช่วยเหลือของหลินเยวี่ยเหยา
เธอได้แต่กุมใบหน้ายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร
เซี๋ยต้าหลินหัวเราะเยาะ รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจเขาจึงเดินออกไปทันที
จิ้งจอกน้อยอับอายมาก เธอรีบปิดโทรศัพท์ทันที นี่เป็นครั้งแรกที่โดนตบหน้าออกไลฟ์สดเลย!
เธอปิดโทรศัพท์ไป แต่เรื่องของจิ้งจอกน้อยยังคงเป็นประเด็นร้อนกันในโลกโซเชียล ห้องไลฟ์สดถูกปักอยู่ที่หน้าหนึ่ง แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มไลฟ์แต่มีคนไปคอมเมนท์อย่างล้นหลาม
เหมือนกับของหวังตงเสวี่ยในตอนแรกเลย เสียงเรียกร้องของเหล่าแฟนคลับนั้นดังมาก
แต่แตกต่างกันตรงที่หวังตงเสวี่ยได้ขึ้นหน้าหนึ่งเพราะทุกคนชอบเธอ
แต่จิ้งจอกน้อยถูกขึ้นหน้าหนึ่งเพราะคนรุมด่าอยู่ในห้องไลฟ์สด!
เธอทำทุกอย่างเพื่อจะให้ตัวเองดัง แต่มันกลับเป็นเช่นนี้
ผู้บริหารหลายคนของแพลตฟอร์ม Tigerfish รับรู้เรื่องนี้ก็บล็อกการถ่ายทอดสดของจิ้งจอกน้อยทันที สิ่งที่เธอจะต้องเผชิญต่อไปก็คือค่าเสียหายจำนวนมหาศาล…
หวังตงเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้นเท่าไหร่นัก แต่กำลังตั้งใจทำอาหาร ความนิยมเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
หวังตงเสวี่ยเพิ่งจะปิดโทรศัพท์หลังจากไลฟ์สดมาชั่วโมงกว่า แม้ว่าเธอจะกังวลกับเสียงเรียกร้องของแฟนๆ มาก แต่ที่เธอขึ้นเรือมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาเดตกับฉินจุน จะมัวแต่ไลฟ์สดอย่างเดียวไม่ได้
เธอปิดโทรศัพท์ และทั้งสองก็ใช้เวลาบนเรือด้วยกันอยู่นาน จนในที่สุดก็สิ้นสุดการล่องเรือ
หลังจากลงจากเรือมา เดิมทีฉินจุนตั้งใจจะไปส่งหวังตงเสวี่ยกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นก็เห็นข่าวหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนมือถือของเขา
"หมอโรงพยาบาลเพื่อประชาชนรักษาคนไข้ตายจึงถูกครอบครัวคนไข้ล้อมอยู่ที่โรงพยาบาล!"
อย่างแรกเพราะฉินจุนเป็นหมอเขาจึงอ่อนไหวกับข่าวประเภทนี้เสมอ
อย่างที่สองคือหลินเยวี่ยเหยาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน ฉินจุนจึงให้ความสนใจ
หลังจากเปิดเข้าไปดูข่าวก็เห็นว่าในข่าวมีภาพอยู่แค่ภาพเดียว ภาพหมอผู้หญิงถูกคนล้อมอยู่ ราวกับมีคนมากมายกำลังดึงทึ้งเธอ
แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อคลุมสีขาวใส่หน้ากาก แต่ฉินจุนก็ยังดูออกว่านี่น่าจะเป็นหลินเยวี่ยเหยา
ฉินจุนขมวดคิ้วและพูดว่า "ตงเสวี่ยคุณกลับไปก่อนนะ ดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องผมจะมีเรื่องแล้วล่ะ ผมจะไปโรงพยาบาลก่อน"
"โอเคค่ะ ระวังด้วยนะคะพี่ฉิน"
ให้เซี๋ยต้าหลินจัดรถไปส่งหวังตงเสวี่ยที่บ้าน ส่วนฉินจุนก็ขับรถไปโรงพยาบาลเพื่อประชาชน
ตอนนี้โรงพยาบาลเพื่อประชาชนถูกล้อมไว้หมด ด้านนอกเป็นนักข่าวทั้งหมด กระทั่งตำรวจเองก็ตกใจ รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ขวางประตูโรงพยาบาลอยู่
Mercedes Benz หลายคันขับตรงหน้าบันไดและขวางประตูไว้ ดูเหมือนว่าครอบครัวที่มาก่อเรื่องจะล้อมที่นี่ด้วยรถของพวกเขา
"บอกหมอผู้หญิงคนนั้นออกมานี่! กล้าฆ่าคน ทำไมไม่กล้าออกมายอมรับล่ะ!"
"รักษาพี่ชายฉันจนตาย พวกแกทั้งโรงพยาบาลอย่าหวังว่าจะรอดไปได้!"
"นักข่าวดูไว้ให้ดี โรงพยาบาลอำมหิตแห่งนี้มีแต่หมอเถื่อน! ไม่มีปัญญารักษาแล้วใครให้เสนอหน้ามารักษา!"
"ออกมา!"
"ออกมา!"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด หรือครอบครัวคนไข้เรียกคนมาช่วยประท้วง แต่ยังไงตอนนี้ประตูโรงพยาบาลไม่สามารถเข้าออกได้แน่ๆ ตำรวจก็รักษาความสงบได้เพียงภายนอกเท่านั้น ตอนนี้ครอบครัวของผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนมาก พวกเขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป
ฉินจุนขมวดคิ้วแน่น เดินไปที่แผนกผู้ป่วยในที่อยู่ด้านข้าง ปีนกำแพงจากด้านนอกไปที่ชั้นสอง และเข้าไปทางหน้าต่างห้องน้ำ
ตอนนี้หลินเยวี่ยเหยายังคงยุ่งอยู่ในห้องผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังรวมตัวกันที่หน้าเตียงด้วยใบหน้าเศร้า
"เยวี่ยเหยาไม่ต้องพยายามแล้ว เราช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้แล้ว"
ชายวัยกลางคนนอนอยู่บนเตียงกำลังหายใจรวยริน
ใบหน้าของหลินเยวี่ยเหยาซีดเซียว และเธอยังคงทำซีพีอาร์ให้ผู้ป่วย แต่ก็ไม่มีผลใดๆ
ขอบตาของหลินเยวี่ยเหยาแดงก่ำ และใจของเธอก็วิตกกังวลอย่างมาก
มันไม่ใช่แค่เพราะเรื่องความรับผิดชอบ แต่เพราะหนึ่งชีวิตกำลังจะหายไปต่อหน้าต่อตาเธอ เธอรับไม่ได้จริงๆ
ผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ข้างๆ แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา "หมอหลิน ถ้าคุณส่งเขาไปที่โรงพยาบาลทันตกรรมของเราก่อนตอนนี้เขาก็คงจะไม่เป็นไรแล้ว แล้วตอนนี้มาเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ผมบอกคุณเลยนะว่าผู้ป่วยรายนี้ผมยังไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย พวกคุณต้องเป็นคนรับผิดชอบ"
ในขอบเขตด้านการแพทย์ ทันตกรรมเป็นสาขาที่แยกออกไปจากแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนจีน ดังนั้นโรงพยาบาลทันตกรรมจึงเป็นโรงพยาบาลที่แยกออกไปตั้งอยู่เดี่ยวๆ
ในตอนแรกทางด้านหลินเยวี่ยเหยา ผู้ป่วยบ่นตลอดว่าปวดคอและเจ็บหน้าอก แต่ไม่ทราบสาเหตุ พยาบาลจึงพาเขาไปตรวจที่แผนกอายุรกรรมก่อน
หลังจากหลินเยวี่ยเหยาตรวจแล้วก็พบว่าผู้ป่วยมีเนื้อร้ายของเส้นประสาทในช่องปากซึ่งเป็นสาเหตุของโรค และได้ลุกลามไปที่คอและหน้าอกแล้วจึงทำให้มีอาการปวด
เมื่อพบสาเหตุแล้ว ก็น่าจะรักษาได้อย่างถูกต้อง
แต่นี่ก็เป็นเคสของแผนกทันตกรรมแล้ว หลินเยวี่ยเหยาก็ได้อธิบายให้ผู้ป่วยฟังแล้วว่าให้เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลทันตกรรมข้างๆ
แต่เพิ่งตรวจอาการเสร็จ ร่างของผู้ป่วยก็เริ่มชักกระตุก และร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด หลิน เยวี่ยเหยาจึงรีบทำการรักษาทันที
ผู้ป่วยหยิบยาออกมาจากกระเป๋าของเขา และบอกหลินเยวี่ยเหยาว่าเขาจะกินยานี่ทุกครั้งที่เจ็บ
เมื่อเห็นผู้ป่วยชักอย่างรุนแรง กลัวว่าเขาจะกัดลิ้นตัวเอง หลินเยวี่ยเหยาจึงรีบเอายาให้เขากินหนึ่งเม็ด ดูจากลักษณะของเม็ดยาก็น่าจะเป็นยาแก้ปวดที่ไม่มีผลข้างเคียงอะไร
แต่หลังจากที่กินยานี้ไป ผู้ป่วยหมดสติและช็อคไปชั่วคราว
หลินเยวี่ยเหยาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอกำลังเดือดร้อนแล้ว จึงรีบติดต่อแพทย์ของโรงพยาบาลทันตกรรมที่ข้างๆ และรีบส่งตัวไปรักษา
แต่เมื่อส่งไปถึงที่นั่นก็สายเกินไปแล้ว แม้ว่าโรงพยาบาลทันตกรรมจะสามารถแก้ปัญหาเส้นประสาทใต้ฟันได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอาการช็อกของผู้ป่วยได้
แต่หลินเยวี่ยเหยาและเหล่าแพทย์อายุรกรรมใช้วิธีการช่วยชีวิตผู้ป่วยตามปกติก็ไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้
เพราะปัญหาภายในช่องปากยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงทำให้เขาไม่ฟื้น
ต่อมาครอบครัวของคนไข้มา เมื่อได้ยินว่าหมอช่วยชีวิตคนไข้ไว้ไม่ได้ พวกเขาก็เริ่มโวยวาย และหลินเยวี่ยเหยาก็ถูกตบหน้าไปหนึ่งที
ตอนนี้บนใบหน้าของหลินเยวี่ยเหยายังมีรอยนิ้วมืออยู่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเลย เธอต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุทางการรักษาครั้งนี้อยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ได้
"ผู้อำนวยการจง เรื่องนี้จะมาโทษฉันคนเดียวไม่ได้นะ ผู้ป่วยหมดสติในห้องตรวจของฉัน ฉันก็ต้องช่วยชีวิตเขาสิ"
ผู้อำนวยการจงหัวเราะเยาะ "คุณช่วยเขาน่ะก็ดี แต่คุณรู้ไหมว่าคุณเอายาอะไรให้เขากิน?"
หลินเยวี่ยเหยาพูด "นั่นคือสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการกินเองนะ!"
ผู้อำนวยการจงเยาะเย้ย "หมอหลิน คุณเป็นหมอนะ เขาเป็นคนไข้ หรือว่าต้องให้คนไข้บอกวิธีกินยาด้วยไหม?"
หลินเยวี่ยเหยากัดฟันแน่น ไม่พูดอะไรกลับไป ในสถานการณ์แบบนั้นต่อให้เป็นที่แพทย์ที่เก่งกาจขนาดไหนก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกัน ตอนที่กำลังช่วยชีวิตคนใครจะมัวมาคิดถึงปัญหาที่จะตามมากันล่ะ?
"ผู้อำนวยการจง ฉันส่งเขามาหาคุณได้ทันเวลาแล้ว ทำไมคุณไม่ทำอะไรเลยล่ะ?"
ผู้อำนวยการจงส่ายหัว "หมอหลิน คุณอย่าพูดว่าทันเวลาเลย ผู้ป่วยช็อคไปแล้วพวกคุณถึงจะส่งมาหาเรา เราก็เป็นแค่โรงพยาบาลทันตกรรม เรื่องภายในช่องปากฉันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่คุณดูตอนนี้สิ คนไข้อ้าปากไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้"