ผู้รักษาสุดแกร่ง - ตอนที่ 147 รีสอร์ทหลงเฟิง
เมื่อฉินจุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็ถูกเตะออกจากกลุ่มนี้แล้ว แต่ประวัติการแชทก่อนหน้านี้ยังคงปรากฏให้เห็น
เมื่อเห็นความเห็นถากถางดูถูกของคนเหล่านี้ ฉินจุนก็ขมวดคิ้ว พวกเขาก็เป็นแค่ทายาทรุ่นที่สองเท่านั้น
ในอดีตเมื่อตระกูลฉินยังรุ่งเรือง คนเหล่านี้ต่างก็มาเกาะแกะฉินจุนอย่างกับหนอน ตอนนี้ตระกูลฉินล่มสลายไปแล้ว คนเหล่านี้กลับมาซ้ำเติมถากถางกัน มันก็น่าขันจริงๆ
ปกติฉินจุนก็ไม่สนใจงานเลี้ยงแบบนี้อยู่แล้ว
เขากำลังจะปิดมือถือ สายของซุนเจี้ยนหมินก็โทรเข้ามา
"ฮัลโหล มีอะไรเหรอ?"
"ศิษย์พี่ ศิษย์น้องคนที่ห้ามาตงไห่น่ะ อยากเจอคุณสักหน่อย"
ฉินจุนขมวดคิ้ว "ศิษย์น้องคนที่ห้า?"
เมื่อก่อนอาจารย์รับลูกศิษย์มาเยอะมาก แม้ว่าแต่ละคนจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่ฉินจุนก็ไม่ได้รู้จักมากนัก
นอกจากหวังจินไห่ศิษย์น้องคนที่สอง และซุนเจี้ยนหมินศิษย์น้องคนที่สามแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยรู้จักมากนัก แม้แต่เมิ่งเหวินกังก็เพิ่งมารู้จักเขาภายหลัง
ซุนเจี้ยนหมินรีบแนะนำ "ศิษย์น้องสาวคนที่ห้าคือเหอเนี่ยนอิง ที่ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์น่ะครับ และมีอิทธิพลมากทั่วโลก เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเหอ ไม่กี่ปีก่อนได้ขึ้นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน เป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งเลยครับ"
ดูเหมือนว่าเหอเนี่ยนอิงศิษย์น้องสาวคนที่ห้าคนนี้จะเก่งกว่าเมิ่งเหวินกังเสียอีก ตอนที่เมิ่งเหวินกังรุ่งเรืองที่สุด ก็อยู่ในสิบอันดับแรกของประเทศ แต่เหอเนี่ยนอิงกลับกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเลย แต่ยังไงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ก็แข็งแกร่งกว่า
ฉินจุนพูด "ได้ เจอกันที่ไหน ให้เธอจองแล้วค่อยโทรบอกฉันก็ได้"
"โอเคครับ"
ไม่นานก็มีโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าโทรเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขของเมืองหลวง ก็น่าจะเป็นศิษย์น้องสาวคนที่ห้า
"ฮัลโหล"
"สวัสดีค่ะศิษย์พี่ ฉันเหอเนี่ยนอิง ต้องขอโทษด้วยนะคะที่พี่กลับมาตั้งนานแล้ว แต่ฉันเพิ่งมาพบคุณที่ตงไห่ คุณสะดวกไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อไหมคะ?"
แม้ว่าเหอเนี่ยนอิงจะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด แต่การพูดของเธอนั้นสุภาพกว่าคนคนพวกนั้นเยอะ
"ผมสะดวกทุกเมื่อ คุณจองสถานที่เลย เดี๋ยวผมไปหา"
"โอเคค่ะ ๆ ๆ ฉันมีอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในตงไห่ ฉันมีรีสอร์ทหลงเฟิงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชานเมือง เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
"ได้"
หลังจากวางสายไม่นาน ก็มีชายหนุ่มขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์มาที่บ้านของฉินจุน
"คุณฉินครับ ผมคือคนขับรถของประธานเหอ ถ้ามีอะไรให้รับใช้ก็บอกผมได้เลยครับ"
ฉินจุนพยักหน้าและขึ้นรถ
……..
ในเวลานี้ที่ทางเข้าของรีสอร์ทหลงเฟิงมีรถหรูจอดอยู่เป็นแถว พอร์ช เบนซ์ลี่ มาเซราติ เฟอร์รารี่ ต่างก็เป็นรถสปอร์ตทั้งหมด สิ่งที่คู่ควรกับทายาทรุ่นที่สองผู้ร่ำรวย
มีชายหญิงหลายสิบคนมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตู แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา ต่างก็ดูมีสง่าราศี นาฬิกาแพงเด่นสะดุดตา เรียกได้ว่าสามารถมองเห็นได้จากไกล ๆ คนเหล่านี้คือกลุ่มลูกคนรวย
หลังจากที่จู้หลินหลินมาถึง เพื่อนเก่าหลายคนก็ล้อมเข้ามา
"หลินลิน ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทของคุณได้รับความนิยมมาก จากทายาทรุ่นที่สองกลายเป็นมหาเศรษฐีผู้บุกเบิกเองแล้วเหรอ?"
จู้หลินหลินยิ้มทักทาย และพูดถ่อมตน
"มหาเศรษฐีผู้บุกเบิกอะไรล่ะ โชคช่วยทั้งนั้น"
"หลินหลินดูสินี่ใครเนี่ย?"
เมื่อมองตามสายตาของทุกคนไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนถือดอกกุหลาบอยู่ข้างหลังฝูงชน เดินเข้ามาหาจู้หลินหลินด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
"หลินหลินไม่เจอกันนานเลยนะ คุณยังสวยเหมือนเดิมเลย"
จู้หลินหลินพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย
"ไม่เจอกันนานเลยนะเทียนจุนไค"
เทียนจุนไคคนนี้คือคุณชายแห่งตระกูลเทียน เมื่อก่อนตระกูลเทียนเคยเป็นตระกูลในระดับสองของตงไห่ ต่อมาเนื่องจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ตระกูลเทียนก็ได้ย้ายไปยังเมืองหลวงจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกัน
เทียนจุนไคพูด "หลินหลินที่ครั้งนี้ฉันกลับมาที่ตงไห่ก็เพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะเลยนะ ผ่านมาตั้งหลายปี ฉันได้ยินมาว่าคุณก็ยังไม่มีแฟนใช่ไหม?"
เมื่อเทียนจุนไคถามอย่างนี้ ทุกคนก็เริ่มโห่ร้องขึ้นมาทันที และหลังจากเสียงตะโกนสองสามครั้ง ก็มีคนพูดขึ้น
"หลินหลินก็ต้องโสดสิ เพราะเมื่อก่อนมีสัญญาการแต่งงานกับตระกูลฉิน หลังจากที่ไม่มีตระกูลฉินแล้ว หลินหลินก็ไม่มีสัญญาการแต่งงานอีก"
"ตระกูลจู้ก็ใหญ่โต การจะหาคนที่เหมาะสมกับฐานะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ตระกูลเทียนก็ไม่เลวนะ"
"ถ้าเป็นตระกูลเทียนในอดีต อาจจะต่างกันไปหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว คุณชายเทียนมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว"
เทียนจุนไคยืดอกขึ้นเล็กน้อย
อันที่จริงในตอนนั้นตระกูลเทียนไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานกับตระกูลจู้ พวกเขาถูกมองว่าเป็นนักขุดทองหวังรวยทางลัด
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอสังหาริมทรัพย์พัฒนาไปได้ดีมาก ตระกูลเทียนเจริญรุ่งเรือง และเทียนไคจุนก็ได้กลายเป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ ดูมีแววมากในหมู่ทายาทที่สองที่ร่ำรวย
ดังนั้นเทียนไคจุนจึงมีความมั่นใจและกล้ามาจีบจู้หลินหลิน
แม้ว่าตอนนี้จู้หลินหลินจะเก่งกว่าแต่ก่อนมาก แต่เทียนไคจุนก็ยังคงคิดว่าตัวเองนั้นเจ๋ง เพราะเขาเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และตอนนี้เขาก็เป็นประธานใหญ่ เมื่อพูดออกไปก็ยิ่งดูมีเกียรติ
จู้หลินหลินไม่ได้สนใจเทียนจุนไคมากนัก เธอเพียงแค่ยิ้มและพูดสองสามคำ หลังจากรับดอกไม้มาแล้วก็นำไปวางไว้ในรถโดยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันอึดอัดแปลก ๆ เทียนจุนไคก็รีบพูด
"ทุกคนเข้าไปกันเถอะ วิวในรีสอร์ทหลงเฟิงสวยมาก และมีอาหารท้องถิ่นที่ทุกคนหาทานไม่ได้ด้วยนะ เราไปลองกันเถอะ"
เทียนจุนไคให้ทุกคนเข้าไปข้างใน และเมื่อพวกเขาไปถึงประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็ลุกขึ้นยืน
"ขอโทษนะครับ วันนี้ร้านเราปิดนะครับ"
เทียนจุนไคผงะไปครู่หนึ่ง "ล้อเล่นอะไรน่ะ ฉันจองล่วงหน้าไปตั้งหลายวันแล้ว วันนี้ฉันก็เพิ่งโทรคุยกับผู้จัดการของพวกคุณ ร้านจะปิดได้ยังไง?"
รปภ.กล่าวขอโทษ "ขอโทษครับ เป็นประกาศด่วนน่ะครับ เจ้านายของเราต้องการใช้ที่นี่รับแขก VIP ครับ ดังนั้นจึงปิดชั่วคราวครับ"
เทียนจุนไคแปลกใจเล็กน้อย "เจ้านายของพวกคุณ? ใช่ประธานเหอเนี่ยนอิงไหม?"
"ใช่ครับ ประธานเหอ"
ตอนนี้เทียนจุนไครู้สึกสับสนนิดหน่อย เหอเนี่ยนอิงเป็นคนใหญ่คนโต เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เขาเป็นเหมือนมดตัวน้อยตัวหนึ่งเท่านั้นเมื่อเทียบกับเธอ
เขาขมวดคิ้วแน่นไม่รู้จะทำอย่างไรดี
มีคนตั้งมากมายที่อยู่ข้างหลัง มันเสียหน้ามากถ้าไม่สามารถเข้าไปในรีสอร์ทได้
แต่ถ้าดึงดันจะเข้าไปให้ได้ ก็อาจจะทำให้ประธานเหอขุ่นเคือง และต่อไปก็จะส่งผลกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?
ขณะที่เทียนจุนไคอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉินจุนก็ลงจากรถ
หลังจากที่ฉินจุนเดินเข้ามา มีคนหันไปเห็นและอุทานออกมา
"โอ้ว! นี่คุณชายฉินไม่ใช่เหรอ?"
เทียนจุนไคและคนอื่น ๆ ก็หันกลับมามองทันที และทันใดนั้นใบหน้าของทุกคนก็แสดงออกอย่างเยาะเย้ย
"สมควรกับที่เป็นคุณชายฉินจริง ๆ คนเขาไม่ได้เชิญก็ยังหน้าด้านมาเหรอ? การวิ่งมากินข้าวไกลขนาดนี้คงจะไม่ง่ายเลยล่ะสิ"
"แต่น่าเสียดายนะ วันนี้พวกเราจะกินอาหารท้องถิ่น มาสัมผัสชีวิตบ้าน ๆ สักหน่อย พวกอาหารท้องถิ่นพวกนี้คุณคงจะกินบ่อยแล้วล่ะสิ สิ่งที่คุณอยากจะลองกินก็น่าจะเป็นอาหารอันโอชะที่พวกเราได้กินมาเพียงพอแล้วใช่ไหมล่ะ"
เทียนจุนไคเยาะเย้ย "ช่างเถอะ จริง ๆ คุณชายฉินไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในงานปาร์ตี้ของเรา แต่ในเมื่อเขาหน้าด้านมาแล้วก็แค่เพิ่มตะเกียบอีกคู่หนึ่งเท่านั้น หรือไม่ก็สั่งอาหารให้เขาสักชุดแล้วให้เขาไปกินโต๊ะอื่นก็ได้"