ผู้รักษาสุดแกร่ง - ตอนที่ 144 ตระกูลจินถูกทำลาย
"แค่ก ๆ ……"
ฉินจุนแทบสำลักน้ำลายตัวเองออกมา
เขาเป็นแค่แฟนกำมะลอเท่านั้น ซูฮวนนี่รีบร้อนจริง ๆ เรื่องงานแต่งงานยังไม่ทันพูดถึงก็ข้ามขั้นไปพูดถึงเรื่องมีลูกซะแล้ว
ถ้าหากว่าหวังตงเสวี่ยมาได้ยินเข้า คาดว่าคงจะต้องมีหน้าแดงหูแดงแน่ ๆ
"คุณน้าวางใจเถอะครับ พวกผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ"
เขาไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงพูดออกไปแบบนั้น
พอส่งซูฮวนขึ้นรถไฟเสร็จ หวังตงเสวี่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"พี่ฉินต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ สองวันมานี้เดือดร้อนพี่แย่เลย ค่าโรงแรมพี่เป็นคนออกใช่ไหมคะ?เดี๋ยวฉันคืนเงินให้"
ฉินจุนเอ่ย "ไม่เป็นไร ๆ เพื่อนกันทั้งนั้นไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อย คุณน้าให้ของขวัญพี่มา เราดูสิ ให้พี่คืนให้เราไหม?"
ฉินจุนนำจี้หยกกวนอิมออกมาวางบนฝ่ามือ
พอเห็นจี้หยกกวนอิม หน้าของหวังตงเสวี่ยก็แดงระเรื่อทันที สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเขินอายก้มหน้าก้มตา มือไม้สะเปะสะปะทำตัวไม่ถูก
"งั้น……งั้นพี่เก็บไว้เถอะค่ะ" พูดจบ หวังตงเสวี่ยก็วิ่งหน้าแดงออกไป
……
พอกลับมาถึงบ้านตระกูลฉิน เดิมทีฉินจุนอยากจะดูหวังตงเสวี่ยไลฟ์สดสักหน่อย แต่ว่ากลับมีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตู
คนที่มาหาคือหวังหยุนกับจู้หลินหลินสองแม่ลูก
"พี่เสี่ยวจุน"
"หลินหลิน ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?"
เขาไม่ได้เจอจู้หลินหลินมาหลายวัน คาดว่างานที่บริษัทน่าจะยุ่ง
สีหน้าของหลินหลินไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าจะดูเหนื่อย แต่ว่าอารมณ์ดีมาก
"ช่วงนี้ที่บริษัทยุ่งมาก ยาถังเสินหมายเลข 2ได้รับความสนใจมาก ๆ ตอนนี้ เรายังหาตัวแทนขายภายในประเทศไม่เสร็จเลย ตอนนี้ที่ต่างประเทศก็เข้ามากันหมด ยุ่งกันมาก ๆ พวกเราก็นอนรอนับเงินเลยค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี" เพราะมีความสนับสนุนของซวนหยวนกรุ๊ปอย่างเต็มกำลัง ประกอบกับสูตรยาจากฉินจุน ยากที่บริษัทยาเหวินเหอจะไม่ดัง
จู้หลินหลินยิ้มก่อนจะเอ่ย "ต้องขอบคุณสูตรยาของพี่เสี่ยวจุนมากเลยค่ะ"
หวังหยุ่นที่อยู่ด้านข้างก็ส่งเสียงไม่พอใจ "ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย ก็แค่สูตรยาจีนที่ไม่มีในตำรา มันก็แค่ฟลุ๊คแค่นั้นแหละ ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ สูตรยาของนายน่ะเป็นแค่ของฟรี กำไรหลังการขายทั้งหมดของพวกเรา นายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสักสตางค์แดงเดียว"
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว "แม่คะ!เป็นอย่างที่แม่พูดที่ไหนกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะสูตรยาของพี่เสี่ยวจุน บริษัทของพวกเราก็จบเห่ไปแล้ว"
หวังหยุนส่งเสียงให้ลำคอ "มีท่านประธานใหญ่เบื้องหลังของซวนหยวนกรุ๊ปอยู่ เขาคอยสนับสนุนเราอย่างเต็มที่แบบนั้นจะจบเห่ได้ยังไง?"
เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่หวังหยุนก็ยังนึกถึงท่านประธานใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้น ครั้งที่แล้วที่ส่งโสมไปให้เธอทำเรื่องไว้แย่มาก หวังหยุนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน คอยแต่คิดหาวิธีชดเชย แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังคิดหาวิธีไม่ออก
จู้หลินหลินเอ่ย "พี่เสี่ยวจุนคะ ที่เรามาครั้งนี้เพราะว่าฉันมีเรื่องจะมาบอกพี่ค่ะ ตระกูลจินแห่งเมืองหลวงถูกทำลายแล้วค่ะ"
ฉินจุนขมวดคิ้ว "ตระกูลจินถูกทำลาย?"
ตระกูลจินแห่งเมืองหลวงแน่นอนว่าฉินจุนรู้จักเป็นอย่างดี สองพ่อลูกจินซานหลง จินกว่างจื้อ
ก่อนหน้านี้แฺนจุนเป็นคนช่วยหวังหยุน จินซานหลงดันออกมาพูดว่าเขาเป็นคนช่วย ต่อมาที่บาร์ก็ไปเจอเข้ากับฉีเซียนคุณชายตระกูลฉี ก็ถูกฉีเซียนซ้อมจนขาหักทั้งสองข้าง
การตายของฉีเซียนเกี่ยวข้องกับฉินจุนเต็ม ๆ แต่ว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่รู้เรื่องนี้ หรือว่าตระกูลฉีคิดว่าเป็นฝีมือของจินซานหลงทำ?
จู้หลินหลินกับฉินจุนสบสายตากัน จากสายตาก็ดูออกว่าเขากับจู้หลินหลินคิดเหมือนกัน
เพียงแค่ว่าเธอเป็นห่วงฉินจุนมาก
ในสายตาของจู้หลินหลิน ฉินจุนเป็นแค่หมอที่มีฝีมือ ครั้งที่แล้วที่ทำให้ฉีเซียนตายทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าโชคช่วย ตอนนี้ตระกูลจินเกิดเรื่องแล้ว ถ้าหากว่าตระกูลฉีสืบหาความจริงขึ้นมา ฉินจุนต้องตกอยู่ในอันตรายแน่!
"พี่เสี่ยวจุน พี่ต้องระวังนะตระกูลฉีมีอำนาจมาก เราสู้พวกเขาไม่ได้แน่นอน"
ฉินจุนหัวเราะอย่างไม่แยแส "ก็แค่ตระกูลฉี พี่จะปล่อยพวกมันไว้ไม่กี่วันเท่านั้น"
หวังหยุนทนไม่ได้อีกต่อไป "นายนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ นายรู้ไหมว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง ในตงไห่มีแค่สามตระกูลที่มีสิทธิ์ขาด ทั้งสามตระกูลแต่ละตระกูลต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ถ้าหากทั้งสามตระกูลร่วมมือกัน ทั้งเมืองตงไห่ก็ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับพวกเขา "
"ต่อไปนายออกไปข้างนอกอย่าไปโม้ซี้ซั้ว ถ้าหากโยงมาถึงตระกูลจู้ของเราแย่แน่!"
ตรรกะป่วย ๆ ของหวังหยุน ฉินจุนเองก็เหนื่อยจะอธิบายกับเธอแล้ว กับอีแค่ตระกูลฉี อยู่นอกสายตาของเขาจริง ๆ ต่อให้ร่วมมือกันทั้งสามตระกูล ในสายตาของฉินจุนก็เหมือนแค่แกะที่มัดรวมกันมาเท่านั้น
"บ้านหลังนี้ของนายไม่ได้มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินตั้งแต่แรก ฉันว่านะนายรีบ ๆ ขายมันทิ้งดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าหากทั้งสามตระกูลตั้งตัวได้ขึ้นมา แม้แต่ที่จะซุกหัวนอนนายก็จะไม่มี"
ฉินจุนหัวเราะแต่ก็ไม่ได้สนใจเธอ
นี่เป็นบ้านของเขา ถึงแม้ว่ารอบด้านจะสร้างเป็นตึกสูงระฟ้าหมด ไม่ช้าก็เร็วที่นี่ก็ต้องถูกรื้อถอน ฉินจุนเองก็ไม่ได้ตั้งหลักปักฐานว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ไปไหน
แต่ว่าเขาจะต้องเป็นคนอยากไปเอง ไม่ใช่มีคนมาไล่ แบบนั้นน่ะฝันไปเถอะ
หวังหยุนพอเห็นสีหน้าเย่อหยิ่งของฉินจุนก็พูดไม่ออก ถ้าหากเป็นคุณชายฉินแบบเมื่อก่อนแล้วทำท่าทางเย่อหยิ่งแบบนี้ยังพอได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น กล้ามาทำตัวเย่อหยิ่งได้ยังไง?
ที่เธอมาวันนี้ ก็เพื่อมาจับตาดูจู้หลินหลิน จะปล่อยให้สองคนนี้สานสัมพันธ์กันไม่ได้ ครั้งที่แล้วจู้หลินหลินแอบออกมากลางดึก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเข้ามาห้ามไว้ได้ทันพอดีล่ะก็ ไม่แน่ทั้งสองอาจจะนอนด้วยกันไปแล้ว
จู้หลินหลินลูกสาวแสนสวยของเธอ ถ้าตกเป็นของไอ้ฉินจุนเข้า ก็เสียของกันพอดี
เพราะแบบนี้จู้หลินหลินเองก็จนปัญญาเหมือนกัน "แม่คะหนูกำลังคุยกับพี่เสี่ยวจุนอยู่ แม่อย่าเข้ามาแทรกได้ไหม ไปนั่งในห้องนั่งเล่นดื่มชาเถอะค่ะ"
หวังหยุนกลอกตา แต่ก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอไม่อยากฟังคำโอ้อวดของฉินจุนที่นี่
หลังจากเดินไปที่ห้องนั่งเล่น หวังหยุนก็เห็นเสื้อผ้าของฉินจุนแขวนอยู่บนห้องนั่งเล่น และมีเชือกสีดำเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เธอแอบสงสัยจึงเดินไปดึงเชือกออกมาเงียบๆ
ที่ปลายเชือก หยกเจ้าแม่กวนอิมแสนสวยถูกมัดไว้
ว่ากันว่าคนเลี้ยงหยกสามปี หยกจะเลี้ยงคนตลอดชีวิต
หมายความว่าในช่วงสามปีแรกหยกจำเป็นต้องดูดพลังงานของคนให้เต็มที่แล้วมันจะสุกสกาว
หยกเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ตรงหน้าข้านั้นเป็นเครื่องประดับที่เก่ามาก กลมแวววาว และสวยงามมาก
ไอ้เด็กคนนี้ไปได้หยกดีๆ แบบนี้มาจากไหน?
ผู้ชายห้อยเจ้าแม่กวนอิม ผู้หญิงห้อยพระพุทธรูป ถ้าหยกเจ้าแม่กวนอิมนี้มอบให้ท่านประธานใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังซวนหยวนกรุ๊ป ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอดีขึ้น
พอคิดได้แบบนี้ หวังหยุนก็เก็บหยกเจ้าแม่กวนอิมอย่างเงียบ ๆ และใส่ไว้ในกระเป๋าของเธอ
ของดีเช่นนี้ถ้ามาเก็บไว้กับคนอย่างฉินจุนก็เปลืองเปล่า ๆ เอาให้เธอไปมอบของขวัญให้คนอื่นดีกว่า
เพราะถึงอย่างไรเมื่อสิบปีที่แล้วฉินจุนก็ถือว่าเป็นคุณชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตงไห่ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีของล้ำค่าเช่นนี้
หลังจากที่จู้หลินหลินและฉินจุนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง สองแม่ลูกก็กลับไป
หวังหยุนนำหยกเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ไปที่ร้านขายของเก่า ร้อยเชือกเส้นใหม่อย่างดี ซื้อกล่องไม้จันทน์แดงเล็กเอามาใส่จี้หยกไว้
หลังจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความหาหวังหรุ่ย
"รองผู้อำนวยการหวังคะ ตอนเที่ยงมีเวลาไปทานอาหารด้วยกันไหมคะ"