ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 476 สงครามผนึกสมุทร
บทที่ 476 สงครามผนึกสมุทร
……….
ความแน่วแน่ของเจ้าวัง ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดอะไรมากมาย เพียงประโยคเดียวก็เพียงพอ
ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดเงยหน้าขึ้น สายตารวมอยู่ที่เจ้าวัง ในสายตานั้นมาพร้อมด้วยความยึดมั่นถือมั่น เคารพยำเกรง และเชื่อมั่น
“พวกเจ้าทุกคน ตอนที่เป็นผู้ครองกระบี่ลั่นคำสาบานไว้ และตอนที่พวกเจ้าเข้าร่วมพิธีก็ยังพูดเอาไว้ว่า
“ปกป้องเผ่ามนุษย์ ตัดหายนะแห่งรุ่งอรุณ ส่องแสงสว่างแก่ฟ้าดิน
“ประโยคนี้ไม่ใช่แค่คำขวัญ พวกเจ้าเคยลั่นวาจาออกมา ข้าเช่นกัน และตอนนี้…พวกเราก็ต้องทำเช่นนั้นแล้ว” เจ้าวังเอ่ยเรียบนิ่ง
“ดังนั้นถัดจากนี้ พวกเจ้าจะต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ และจะไม่หวั่นไหว ไม่ผิดคำสัตย์!
“พวกเราจะอยู่และตายไปพร้อมกับเขตปกครองผนึกสมุทร ต่อสู้ให้ถึงที่สุด!
“แม้ว่าอนาคตทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรจะตกอยู่ในความวุ่นวายและความพินาศ…พวกเราทหารกล้าแห่งเผ่ามนุษย์ก็จะต่อสู้ต่อไปภายใต้อาณัติอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิมนุษย์ จวบจนช่วงเวลาที่เหมาะสมมาถึง เปลวไฟที่สืบทอดต่อกันมาของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ จะถูกทำลาย!”
เจ้าวังจดจ้องผู้ครองกระบี่นับแสนเบื้องหน้า
“ตอนนี้ ข้าจะออกคำสั่ง!
“สวี่ชิง จดบันทึก”
เสียงเจ้าวังแผ่ความเย็นเยียบออกมา
สวี่ชิงเดินหน้าขึ้นมาสามก้าว หยิบแผ่นหยกออก สีหน้าเคร่งขรึม เตรียมจดบันทึก
“เรียกขั้วอำนาจสำนักเผ่ามนุษย์ในเขตปกครองผนึกสมุทรทั้งหมดยกเว้นมณฑลรับรับเสด็จราชันและมณฑลบังคับจำนนที่กำลังตั้งรับแดนต้องห้ามมรณะและแดนต้องห้ามอาภรณ์
“เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์รุกรานเพื่อจะล้างเผ่าพันธุ์ หากสำนักเหล่านั้นไม่ฟังคำสั่ง ในอนาคตหากไม่ตายด้วยน้ำมือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ก็จะกลายเป็นผู้ทรยศเผ่ามนุษย์
“แจ้งโถงครองกระบี่ในมณฑลต่างๆ ให้พวกเขารวบรวมผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ ฟังเพียงคำสั่ง รวมตัวเป็นกองทัพแล้วตรงไปยังสนามรบฝั่งตะวันตกทันที เตรียมตัวรับสงคราม
“แจ้งวังพิธีการ จัดตั้งกองกำลังพันธมิตรต่างเผ่า สั่งตระกูลเหยาให้สมทบ คอยคุ้มกันแนวรบด้านเหนือของเขตปกครองผนึกสมุทร!
“แจ้งวังอาญา รวมสำนักใหญ่ทั้งสามของเมืองหลวงเขตปกครอง เป็นสะพานเชื่อมสองพื้นที่สงครามหลักด้านตะวันตกและทิศเหนือ ให้ความร่วมมือเคลื่อนย้ายกำลังสนับสนุน!
“แจ้งปลัดเขตปกครอง ใช้พลังควบคุมเมืองหลวงเขตปกครอง พิทักษ์เมืองหลวงเขตปกครอง รักษาความสงบเรียบร้อยของเขตปกครองผนึกสมุทร
“และ…แจ้งขั้วอำนาจต่างเผ่าที่ไม่ได้เข้าร่วมสงครามทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมารร้าย สิ่งประหลาด เพื่อป้องกันความวุ่นวายในช่วงศึกสงคราม ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณ หวนสู่อนัตตาทุกคนต้องเข้าร่วมอย่างไม่มีข้อยกเว้น ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกล้างเผ่าพันธุ์!
“แจ้งขั้วอำนาจเผ่ามนุษย์เปิดใช้งานของวิเศษเวทต้องห้ามทั้งหมด ในช่วงนี้นอกจากรับเสด็จราชันและบังคับจำนน ของวิเศษเวทต้องห้ามในเมืองหลวงเขตปกครองจะถูกควบคุมอำนาจการใช้ทั้งหมด”
“ผู้ดูแลทั้งสี่”
นักพรตหนานซือที่เป็นหนึ่งในสี่ผู้ดูแลวังครองกระบี่ เมื่อได้ยินก็ก้าวออกมาทันที คารวะเจ้าวังอย่างเคร่งขรึม
“พวกเจ้าสี่คน รับผิดชอบคอยจับตา หากมีคนไม่เชื่อฟัง สังหารทิ้ง!”
“น้อมรับบัญชา!” ผู้ดูแลทั้งสี่สีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
สวี่ชิงบันทึกคำสั่งแต่ละข้อที่บัญชาไปไว้ทั้งหมด นี่เป็นหน้าที่ของเขา และในการประชุมครั้งถัดไป จะต้องแจ้งดำเนินการทันที อีกทั้งต้องบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย
“สหายอวิ๋น สหายเซินถู!” เจ้าวังหันหน้ามองรองเจ้าวังครองกระบี่สองคนที่อยู่ข้างๆ ชายชราสองคนนี้ก้าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคารพ
“นักโทษกรมราชทัณฑ์แหกคุก ต้องรีบจัดการโดยไว ผู้ครองกระบี่สามส่วนจะอยู่คุ้มครองเมืองหลวงเขตปกครอง อีกเจ็ดส่วนแบ่งเป็นเจ็ดร้อยกลุ่มขนาดกลาง หนึ่งกลุ่มหนึ่งร้อยคน แล้วแบ่งแยกย่อยเป็นกลุ่มขนาดเล็ก อย่างน้อยเจ็ดพันกลุ่ม
แต่ละกลุ่มกระจายออกไปด้านนอกรับผิดชอบแต่ละพื้นที่ ไปพร้อมกับพลทหาร สังหารพวกนักโทษที่หลบหนี!”
“ที่จับได้ก็จับ หากไม่สะดวกจับ ก็สังหารทิ้งเสียให้สิ้น ไม่มีข้อยกเว้น”
“เรื่องนี้รองเจ้าวังทั้งสองคนจะเป็นผู้นำกลุ่ม ต้องให้แล้วเสร็จในสิบวัน สิบวันให้หลังรวมพลที่เมืองหลวงเขตปกครอง มุ่งสู่สนามรบ!”
รองเจ้าวังทั้งสองได้ยินก็พยักหน้าทันที
ส่วนผู้ครองกระบี่นับแสนเบื้องล่างล้วนจิตสังหารปะทุ ขานรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
โดยเฉพาะเหล่าพลทหารของกรมราชทัณฑ์ แต่ละคนสีหน้าเย็นชา จิตสังหารคุกรุ่น ถึงอย่างไรหน้าที่ของพวกเขาก็คือการสยบนักโทษ คุ้นเคยเหล่านักโทษเป็นอย่างดี มีผู้ครองกระบี่คนอื่นร่วมมือด้วย ประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงขึ้น
ในความเป็นจริง สำหรับพลทหารแล้ว ต่อให้เจ้าวังบัญชาคำสั่งนี้ พวกเขาก็มีฉันทามติแล้ว นั่นก็คือ…นักโทษในห้องขังของตนต้องไปจับมาเอง
สำหรับเรื่องนี้ สวี่ชิงเองก็เห็นพ้องต้องกัน!
เวลานี้จากการออกคำสั่ง ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดก็เริ่มปฏิบัติการในคืนนี้ทันที ส่วนใหญ่ออกจากเมืองหลวงเขตปกครองตามที่รองเจ้าวังจัดสรรให้
แม้สวี่ชิงจะไม่ได้ออกไป แต่งานถัดจากนี้ของเขาก็รัดตัวมาก แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน เขาต้องช่วยเจ้าวังจัดการภารกิจทางการที่ซับซ้อน รวมถึงคอยรวบรวมรายงานสงครามที่ส่งมาจากรอบด้านอีกด้วย
ดังนั้นหลังจากที่ประชุมใหญ่เสร็จ ในการประชุมขนาดเล็กที่เจ้าวังเรียกวังพิธีการและวังอาญาเข้าร่วม สวี่ชิงก็ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่คอยบันทึกทั้งหมด ก็ประกาศแจ้งคำสั่งของเจ้าวังอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน เสียงของสวี่ชิงก็แพร่ไปทั่วทั้งมณฑลต่างๆ ทั่วเขตปกครองผนึกสมุทรผ่านพลังภายในของวังครองกระบี่ หลังจากประกาศโองการแต่ละเรื่องออกไป ขั้วอำนาจต่างๆ ของเขตปกครองผนึกสมุทรก็รู้จักอาลักษณ์ข้างกายเจ้าวังภายในหนึ่งคืน
คอยติดตามเจ้าวังอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ไม่กี่วันต่อมา สวี่ชิงก็ได้เห็นความอ่อนล้าจากการไม่หลับไม่นอนของเจ้าวังด้วยตาตนเอง เจ้าวังคอยติดต่อกับปลัดเขตปกครองรวมถึงรองเจ้าวังอีกสองคนตลอดเวลาแทบทุกวัน
ในระหว่างนี้ โองการถูกส่งออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ เขตปกครองผนึกสมุทรก็เหมือนคลื่นโหมซัดสาดชั่วขณะ
ส่วนสวี่ชิงก็ต้องรวมรวบรายงานสงครามซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาต้องเรียกผู้ครองกระบี่บางส่วนมาหาตน และจัดตั้งกรมอาลักษณ์ขึ้นมา
ชิงชิวก็อยู่ในนี้ด้วย
นางกลับมาเมื่อสองวันก่อน สวี่ชิงรับรู้ได้ทันทีผ่านตำแหน่งงานของเขา จึงเรียกนางเข้าพบทันที
หลังจากเห็นสวี่ชิง สีหน้าของชิงชิวซับซ้อนและฉงนอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้สวี่ชิงก็ไม่มีเวลาอธิบาย รีบร้อนจัดสรรงานกองใหญ่
‘ถ้านายกองอยู่ด้วยก็ดี…’ ขณะที่สวี่ชิงกำลังวุ่นวาย มีหลายครั้งที่คิดถึงนายกอง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีข่าวคราวจากนายกองเลย
นอกจากนี้ บางครั้งก็มีต่างเผ่ามาขอเข้าพบ และช่วงนี้สวี่ชิงก็มักจะต้องไปต้อนรับขับสู้ตลอด
ตอนนี้ ในตำหนักรับแขกของวังครองกระบี่ สวี่ชิงนวดหว่างคิ้วพลางมองผู้บำเพ็ญต่างเผ่าที่หน้าตาโกรธเคืองตรงหน้า
นี่คือทูตจากเผ่าโสตวิญญาณ เผ่านี้หน้าตาคล้ายเผ่ามนุษย์ มีเพียงใบหูที่ยาวออกมา ยิ่งไปกว่านั้นดวงตายังข้างละสองรูม่านตา ผิวสีเทาและไม่มีผม
“ใต้เท้าสวี่ เผ่าของข้าใช่ว่าจะไม่ร่วมสงคราม แต่เหล่าบรรพจารย์ของพวกเรานั้นออกมาไม่ได้จริงๆ หากว่าออกมา เผ่าวารีอินทนิลศัตรูคู่แค้นของเผ่าข้าจะต้องถือโอกาสนี้เข้ามาสร้างความวุ่นวายแน่”
สวี่ชิงในมือถือแผ่นหยก ช่วงนี้ต่างเผ่าที่เข้ามาแทบจะทั้งหมด ล้วนมาเพื่อเรื่องเดียว นั่นคือเจ้าวังให้ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณ หวนสู่อนัตตาของเผ่าต่างๆ เข้าต้องเข้าร่วมสงคราม
เรื่องนี้ทำให้เกิดการคัดค้านจากขั้วอำนาจมากมาย แต่ก็ไม่กล้าต่อต้าน ทำได้เพียงมาที่นี่เพื่อร้องทุกข์และประท้วงเท่านั้น
“เผ่าของเจ้ามีปราณก่อกำเนิดขั้นปลายเก้าคน ขั้นกลางสามสิบเจ็ดคน ขั้นต้นสี่สิบห้าคน ส่วนหลอมตันเถียนมีกว่าสามร้อยคน เทียบกับพลังของเผ่าวารีอินทนิลแล้ว…จะเอาที่ไหนมาสร้างความวุ่นวายกัน”
สวี่ชิงสายตาเย็นเยียบ จ้องต่างเผ่าคนนี้เขม็ง เมื่อเอ่ยออกมาออกมา ทูตเผ่าโสตวิญญาณก็หน้าเปลี่ยนสี จำนวนที่สวี่ชิงพูดมานั้นถูกต้องแม่นยำ และอันที่จริงนี่เป็นความลับของเผ่าพวกเขา ในนี้มีผู้บำเพ็ญลึกลับที่ไม่เคยเปิดเผยออกมาให้ภายนอกล่วงรู้อยู่สามส่วนด้วย
หลังจากถูกเปิดโปงรวดเดียวเช่นนี้ ขณะที่เขาลังเลคิดจะเอ่ยต่อ แต่สวี่ชิงได้รับคำสั่งเรียกตัวจากเจ้าวัง จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“ไม่รับคำสั่งก็จะล้างเผ่าพันธุ์ ชิงชิวเจ้ามาจัดการ หากไม่รับคำสั่ง ก็แจ้งกับผู้ดูแลหนานซือ”
ชิงชิวที่อยู่ข้างๆ ได้ยินก็รับคำ เดินมาเบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าโสตวิญญาณคนนั้น สวี่ชิงไม่สนใจอีก ออกมาแล้วตรงไปยังตำหนักใหญ่ครองกระบี่
เรื่องเช่นเผ่าโสตวิญญาณมีอยู่มากมาย ที่จริงความคิดของพวกเขาง่ายดายมาก ด้านหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งของเผ่าพวกเขาไม่อยากผูกมัดกับเขตปกครองผนึกสมุทร
อีกด้านหนึ่งคืออาจมีใจคิดเป็นอื่นอยู่ เช่นหากเขตปกครองผนึกสมุทรพ่ายแพ้ เผ่าพันธุ์หรือขั้วอำนาจที่มีผู้แข็งแกร่งเหลืออยู่ ก็จะสบโอกาสแอบเข้าไปแบ่งชามน้ำแกงนี้ ถ้าระมัดระวังสักหน่อย ขณะที่สงครามวุ่นวาย พวกเขาก็ยังไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจัดการในอนาคตด้วย
อันที่จริงสิ่งนี้ก็เป็นจุดที่เจ้าวังกังวล จึงมีโองการบีบบังคับเช่นนี้ออกมา
และการล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงนี้ ผู้ดูแลทั้งสี่ก็ดำเนินการไปแล้วหลายครั้ง
‘มีศึกทั้งนอกและใน’
สวี่ชิงพึมพำในใจ ทั่วทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรเวลานี้มีสภาพเป็นเช่นไร กล่าวได้ว่ากรมอาลักษณ์รู้ทั้งหมดเป็นอย่างดี
รายงานสงครามทั้งหมดที่มาจากรอบด้านล้วนอยู่ในมือเขา หลังเขาจัดระเบียบก็ส่งต่อให้กับเจ้าวังทันที
นี่เป็นตำแหน่งที่เจ้าวังแต่งตั้ง ขณะที่ทำทุกอย่างให้กระชับขึ้นในช่วงศึกสงคราม ภาระของสวี่ชิงก็หนักหนามากเช่นกัน เขาไม่เพียงแต่ต้องจัดระเบียบ แต่ยังต้องคิดหาวิธีที่ถูกต้องแม่นยำ
เวลานี้ระหว่างที่ขบคิด สวี่ชิงก็มาถึงตำหนักใหญ่ครองกระบี่อย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นอาลักษณ์เพียงคนเดียวของเจ้าวัง เขามีสิทธิ์ที่ไม่ต้องรายงานตัวก่อน ขณะที่ผู้ครองกระบี่นอกตำหนักใหญ่ก้มหน้าด้วยความเคารพ สวี่ชิงก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไป
ในตำหนักใหญ่ตอนนี้ ไม่ได้มีเจ้าวังเพียงคนเดียว ปลัดเขตปกครองรวมถึงเจ้าวังแห่งกรมทมิฬบนอีกสองวังก็อยู่ด้วย กระทั่งยังมีผู้บำเพ็ญกลางคนแต่งกายเหมือนปัญญาชนอีกคนหนึ่งอยู่อีก
หลายวันนี้สวี่ชิงเคยเจอคนผู้นี้แล้ว รู้ว่านี่คือโหวเหยา
ทั้งห้าคนตรงนี้กำลังโต้เถียงกันอยู่
“สหายเลี่ยงซิว ตอนนี้เวลานี้ จะมาบีบคั้นเผ่าอื่นๆ ในมณฑลได้อย่างไร ถ้าไม่รีบแก้ไขเรื่องนี้ในเวลาสั้นๆ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างสับสนวุ่นวาย แล้วถ้าพลังของวิเศษต้องห้ามสลายหายไป การเตรียมตัวของทัพเราก็จะถูกเลื่อนออกไปนะ!”
ผู้ที่พูดคือโหวเหยา
“ที่เทียนเยี่ยนพูดมาก็มีเหตุผล เลี่ยงซิว เรื่องนี้อะลุ่มอล่วยหน่อยไม่ได้หรือ อันที่จริงผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าเหล่านี้ พวกเราก็ใช้พวกเขากับเรื่องอื่นได้”
ปลัดเขตปกครองถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยขึ้นข้างๆ
ส่วนเจ้าวังพิธีการรวมถึงวังอาญา ผู้มากความสามารถหนึ่งหญิงหนึ่งชายทั้งสอง เวลานี้ก็ไม่มีสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา
สวี่ชิงก้มหน้า หลังจากมาด้านหลังเจ้าวังก็เห็นว่าเจ้าวังสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม นิ่งฟังคำพูดของโหวเหยาและปลัดเขตปกครอง เขาจึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่รบกวน
จนผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าวังครองกระบี่ก็เอ่ยเสียงเรียบ
“สวี่ชิง อ่านรายงานสงครามวันนี้ให้ฟังหน่อย”
สวี่ชิงพยักหน้า ก้าวไปด้านหน้า เอ่ยเสียงเรียบ
“แดนต้องห้ามมรณะและแดนต้องห้ามอาภรณ์เกิดความวุ่นวายกระจายเป็นวงกว้าง ในนี้ภัยจากแดนต้องห้ามมรณะมีมากที่สุด รองลงมาเป็นแดนต้องห้ามอาภรณ์ สุดท้ายด้วยความพยายามของมณฑลรับเสด็จราชันและมณฑลบังคับจำนน จึงควบคุมแดนต้องห้ามของตนได้สำเร็จ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างคุมเชิงกัน จากรายงานของโถงครองกระบี่ทั้งสองมณฑล พวกเขาสามารถยื้อได้อีกหนึ่งเดือน
“ในนี้เจ็ดเนตรโลหิตพันธมิตรแปดสำนักของมณฑลรับเสด็จราชัน ได้เชิญเก้าสิบสามต่างเผ่าจากทะเลต้องห้ามและทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณมาช่วยเหลือ
“ส่วนโถงครองกระบี่ที่เหลือแปดมณฑล ปัจจุบันต่างเรียกตัวมาเรียบร้อยแล้ว รวบรวมสามสิบเจ็ดสำนักใหญ่ เก้าร้อยเจ็ดสิบห้าสำนักกลางรวมถึงเจ็ดพันแปดร้อยสามสิบเอ็ดสำนักเล็ก ทยอยเคลื่อนพลไปสนามรบด้านตะวันตกแล้ว
“สำนักเผ่ามนุษย์น้อยใหญ่ทั้งหมดสามร้อยเก้าสิบสำนักไม่เชื่อฟัง โถงครองกระบี่ของแต่ละพื้นที่เข้าจัดการแล้วตามคำสั่ง
“กองทัพพันธมิตรต่างเผ่าที่วังพิธีการและตระกูลเหยาจัดตั้ง ไปถึงสนามรบทางเหนือแล้วสามส่วน ต่างเผ่าอีกเจ็ดส่วนที่เหลือต้องการเสบียงจำนวนมหาศาล ยังไม่มีการเคลื่อนไหว
“สามสำนักใหญ่เมืองหลวงเขตปกครองที่วังอาญาจัดตั้ง กำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะการทุ่มกำลังทั้งหมดของสามสำนักใหญ่ ส่งทรัพยากรสงครามไปยังสนามรบหกรอบแล้ว”
“นอกจากนี้ ในกลุ่มต่างเผ่าและขั้วอำนาจที่ไม่เคยร่วมสงคราม มีสี่ร้อยยี่สิบเอ็ดแห่งปฏิเสธการส่งตัวผู้แข็งแกร่งมา มีเพียงสองร้อยสิบห้าเผ่าที่ตอบรับโองการ สี่วันนี้ผู้ดูแลทำลายไปทั้งสิ้นสิบสามเผ่า มีผลในการสร้างความยำเกรงอย่างมาก จึงดำเนินการต่อ
“อำนาจในการควบคุมของวิเศษต้องห้ามของขั้วอำนาจเผ่ามนุษย์ ราวครึ่งชั่วยามก่อนหน้า เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
“ในเขตปกครองผนึกสมุทร ผู้ครองกระบี่ที่ออกไปภายนอกวันนี้สังหารนักโทษสี่หมื่นเก้าพันห้าร้อยสิบสามคน เพิ่มมากกว่าเมื่อวานหนึ่งส่วน แต่ผู้ครองกระบี่ก็เสียชีวิตไปเก้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดคน
“สนามรบด้านตะวันตกอยู่ในช่วงวิกฤต เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มีผู้แข็งแกร่งหวนสู่อนัตตาขั้นสามปรากฏตัวขึ้นหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นราชวงศ์ยังเข้าร่วมสงคราม ทำให้ตาข่ายของวิเศษต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครอง ร่นเข้ามาเจ็ดหมื่นลี้
“สนามรบด้านเหนือ วันนี้ราชวงศ์สายลมสวรรค์มาถึงแล้ว จักรพรรดิออกศึกด้วยตนเอง”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา พูดจบก็ถอยออกมาก้าวหนึ่ง