ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 475 อาลักษณ์
บทที่ 475 อาลักษณ์
เขตปกครองผนึกสมุทร นอกกรมราชทัณฑ์ที่ถล่มราบ สวี่ชิงเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาเงยหน้ามองไปยังเมืองหลวงเขตปกครองที่เสียหายข้างบน ร่างเพียงไหววูบก็ทะยานขึ้นไป ไม่นานนักก็มาถึง พุ่งตรงไปยังฐานที่มั่นพันธมิตรแปดสำนัก
สิ่งก่อสร้างหักพังแต่ละแห่งปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของสวี่ชิงตลอดทาง เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงเมื่อวานสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลให้กับเมืองหลวงที่รุ่งเรืองแห่งนี้
ส่วนผู้คนที่ปกติเบียดเสียดโหวกเหวกตอนนี้ก็เบาบางลงไปมาก ในกลุ่มคนบางตาที่สีหน้าท่าทางรีบร้อน สวี่ชิงมองเห็นความลนลาน งุนงงสับสน ตื่นตระหนกและหวาดกลัว
การตายอันแปลกประหลาดของเจ้าเขตปกครองมากพอจะทำให้คนแตกตื่น และการถล่มของกรมราชทัณฑ์ก็ยิ่งทำให้คนหวาดกลัว ยิ่งเมื่อรวมกับข่าวการรุกรานเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าลือมา ก็ทำให้จิตใจของคนเหล่านี้เกิดหมอกคลุมเครือมหาศาล
ในนี้กระทั่งว่ามีผู้บำเพ็ญบางคนยากที่จะปกปิดความหวาดกลัวบนใบหน้า ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นผู้ครองกระบี่
สวี่ชิงดึงสายตากลับมา พุ่งไปอย่างรวดเร็วตลอดทาง
ไม่นานนักก็มาถึงฐานที่มั่นพันธมิตรแปดสำนัก
มีจื่อเสวียนดูแล สาขาย่อยนับว่ายังเรียบร้อยดี เพียงแต่ตอนนี้ลูกศิษย์พันธมิตรส่วนมากล้วนจัดเก็บสัมภาระ คล้ายว่าเตรียมออกเดินทาง
สวี่ชิงกวาดสายตามองไป ไม่หยุดรั้งรีรอพุ่งตรงไปยังสถานที่พักอาศัยของจอมเซียนจื่อเสวียน ที่นั่นเขาเห็นจื่อเสวียนและสหายสนิทของนางหลี่ซือเถา
ทั้งสองคนสีหน้าเคร่งเครียด กำลังหารือเรื่องสำคัญ เมื่อเห็นสวี่ชิง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหมอกอึมครึมของจื่อเสวียนก็ฉายแววอ่อนโยน
“สวี่ชิง ข้ามีเรื่องสำคัญจะหาเจ้าอยู่พอดี ข้าได้รับประกาศเรียกตัวฉุกเฉินของสำนัก ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ ต้องส่งข้ากลับไปวันนี้
“แดนต้องห้ามมรณะระเบิดแล้ว วังครองกระบี่มีคำสั่งให้สำนักเผ่ามนุษย์ทุกสำนักในมณฑลรับเสด็จราชันต้องไปต้านเคราะห์จากแดนต้องห้ามมรณะเอาไว้” เสียงของจื่อเสวียนแฝงความเคร่งเครียด
สวี่ชิงได้ยินใจก็หนักอึ้ง เรื่องที่แดนต้องห้ามมรณะ ตอนนั้นเขาเป็นคนแรกที่พบ ย่อมรู้ว่าในนั้นเกิดอะไรขึ้น
“ความจริงตอนนั้นพันธมิตรแปดสำนักและโถงครองกระบี่ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเคราะห์ภัยแดนต้องห้ามมรณะก็คือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ทำการป้องกันเอาไว้แล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลทางอาจารย์เจ้า
“และเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ระเบิดแดนต้องห้ามมรณะ เป้าหมายของพวกมันตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว คือคิดจะตรึงขั้วอำนาจมณฑลของเขตปกครองผนึกสมุทร
“สวี่ชิง ช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เจ้าอยู่ข้างกายเจ้าวังครองกระบี่ ตอนนี้น่าจะปลอดภัยกว่าข้างนอก ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงไม่เรียกให้เจ้ากลับไปด้วย เจ้าอยู่ทางนี้…จะต้องระวังให้มาก”
ในดวงตาจื่อเสวียนฉายความห่วงใย เอาแผ่นหยกออกมาสามชิ้น ยื่นให้สวี่ชิง
“แผ่นหนึ่งคือซ่อนอำพราง อำพรางตัวเหมือนกับที่ข้าวาดให้ก่อนหน้านี้ อีกแผ่นหนึ่งเป็นยันต์ส่งข้ามไม่เฉพาะเจาะจง ในช่วงเวลาวิกฤตเจ้าเอามาใช้หลบอันตราย
“แผ่นสุดท้ายแฝงจิตเทพกลุ่มหนึ่งของข้าไว้ สามารถต้านการการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตให้เจ้าได้”
สวี่ชิงในใจเกิดระลอกคลื่น หลังจากรับไปเงียบๆ ก็เอาผลมรรคาต้นสิบลำไส้ออกมาจำนวนหนึ่งแล้วยื่นไป ของสิ่งนี้จะอย่างไรก็มีคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์ในการหลอมอาวุธ หลอมยา วังครองกระบี่มีของพรั่งพร้อมมากมาย ไม่ได้รีบด่วนต้องการ แต่สำหรับพันธมิตรแปดสำนัก คุณสมบัติของผลมรรคาเหล่านี้ไม่น้อยเลย
จื่อเสวียนหลังจากที่เห็นก็ซาบซึ้ง ไม่ได้ไม่อ้อมค้อมกับสวี่ชิง หลังจากเก็บลงไปก็กำชับอีกครู่หนึ่ง จวบจนหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม จากการที่สาขาย่อยทำการจัดเก็บเตรียมตัวเรียบร้อย ท่ามกลางการมองส่งจนสุดสายตาของสวี่ชิง สาขาย่อยพันธมิตรแปดสำนักก็จากไป
ก่อนจาก จื่อเสวียนหันกลับมามองสวี่ชิงหลายครั้ง ทั้งสองสายตาสอดประสาน จวบจนเมื่อถึงข้างค่ายกลส่งข้าม ต่างมองตากันเป็นครั้งสุดท้าย จากการแผ่มาของประกายแสง จื่อเสวียนและลูกศิษย์สาขาย่อยก็หายลับไป
เห็นได้ชัดว่าหลี่ซือเถากังวลกลัดกลุ้ม หลังจากที่จื่อเสวียนจากไป นางก็พยักหน้าให้สวี่ชิง จากไปอย่างรีบร้อน
มองค่ายกลส่งข้ามที่ว่างเปล่า สวี่ชิงสีหน้าค่อยๆ เคว้งคว้าง ความรู้สึกแบบนี้เขาเคยคุ้นเคยดี เหมือนกลับไปในที่อยู่ถ้ำยาจกคนเดียวในตอนนั้น
“ต้องไปรายงานตัวที่วังครองกระบี่แล้ว” สวี่ชิงพึมพำ ในตอนที่หันหลังจากไป แสงยามเย็นสาดมายังชุดนักพรตของเขา เกิดเป็นสีเลือด และลากให้เงาของเขายาวขึ้น
แสงอาทิตย์ยามเย็นลาลับ ในเสี้ยวพริบตาที่ความมืดมาเยือน สวี่ชิงมายังวังครองกระบี่
ในตอนที่ปรากฏตัว ข่งเสียงหลงที่ได้รับข้อความสื่อเสียงเสียงของเขา ก็ทะยานออกมาจากวังครองกระบี่อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาที่เข้ามาใกล้ ในพริบตาแรกที่เขาเห็นสวี่ชิง ในดวงตาก็ฉายแววตกใจ
เห็นได้ชัดว่าข่งเสียงหลงสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงแล้ว ในเมื่อเทียบกับตอนก่อนเดินทาง การเปลี่ยนแปลงของสวี่ชิงมากเหลือเกิน กระทั่งว่าทำให้ข่งเสียงหลงรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับระดับปราณก่อกำเนิด
หากเปลี่ยนเป็นในเวลาอื่น ข่งเสียงหลงจะต้องถามอย่างสงสัยใคร่รู้แน่นอน แต่ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลของเมืองหลวงเขตปกครอง ทำให้เขาไม่มีอารมณ์ หลังจากเข้ามาใกล้ก็เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“สวี่ชิง เมื่อครู่ชายแดนส่งข่าวมา พลังของของวิเศษเวทต้องห้ามไม่สามารถต้านทานกับกองทัพเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้โดยสมบูรณ์ ทำได้เพียงแค่ชะลอฝีเท้าของพวกมันเท่านั้น
“ไปเถอะ ผู้ครองกระบี่ทยอยกลับมาแล้ว คืนนี้เจ้าวังจะแจ้งแผนการรบให้กับผู้ครองกระบี่เมืองหลวงเขตปกครองทุกคน
“ตอนนี้…เจ้าเป็นอาลักษณ์ที่แท้จริงแล้ว” ข่งเสียงหลงจ้องมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงออกมาแผ่วเบา
สวี่ชิงพยักหน้าอย่างสงบนิ่ง เขารู้ดีว่า ในฐานะพลทหารนี้ ตำแหน่งเดิมของตนคืออาลักษณ์
ความจริงก็เป็นดั่งเช่นข่งเสียงหลงพูด ตอนสวี่ชิงเดินเข้ามาในวังครองกระบี่ไม่นาน เขาก็ได้รับคำสั่งเรียกจากเจ้าวัง
ส่วนลึกของวังครองกระบี่ ในตำหนักครองกระบี่ สวี่ชิงที่ไม่ยอมเสียเวลาใดๆ มาถึงในทันที เห็นเจ้าวังครองกระบี่ยืนอยู่ข้างหน้าแผนที่เงาแสงขนาดมหึมา ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
บนร่างเจ้าวังมีกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย ความเหนื่อยล้าบนร่างเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเขตปกครองตั้งแต่เกิดขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้พักผ่อนแม้แต่นิดเดียว
รอบๆ เขามีผู้ครองกระบี่เจ็ดแปดคน ผู้ดูแลทั้งสี่และรองเจ้าวังล้วนอยู่ที่นั่น บนร่างของทุกคนล้วนมีบาดแผลในระดับที่ต่างกันไป ที่บาดเจ็บหนักที่สุดคือรองเจ้าวังทั้งสอง
นี่เป็นบาดแผลที่ได้รับเมื่อวานนี้ในตอนที่พวกเขาสะกดเทพเจ้ากรมราชทัณฑ์ร่วมกับเจ้าวัง ตอนนี้ยังไม่มีเวลาฟื้นฟู กำลังรอคำสั่งโยกย้ายและแผนการจากเจ้าวัง
จากคำสั่งของเจ้าวัง ผู้ดูแลทั้งสี่และรองเจ้าวังทั้งสองต่างสีหน้าเคร่เครียดขานรับ ต่างทยอยออกไป ในยามที่ผ่านสวี่ชิง ส่วนใหญ่ล้วนพยักหน้าให้เขา ดวงตามีความหมายลึกซึ้ง
จวบจนกระทั่งครู่หนึ่ง หลังจากที่ในตำหนักไม่มีใครแล้ว สายตาของเจ้าวังก็ดึงกลับมาจากแผนที่เงาแสง หันหลังมา มองไปยังสวี่ชิงด้วยสีหน้าเข้มงวด
“ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง มารายงานตัวขอรับ” สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดคารวะ
“สวี่ชิง จัดระเบียบรายชื่อผู้ครองกระบี่ที่กลับมา หาคนที่ยังไม่ได้กลับมา ตรวจสอบสาเหตุ และเตรียมการประชุมคืนนี้ มีคำถามหรือไม่”
เจ้าวังเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“น้อมรับบัญชา” สวี่ชิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
เจ้าวังพยักหน้า ไม่สนใจสวี่ชิงอีก เขามีเรื่องมากมายต้องไปจัดการ เขตปกครองผนึกสมุทรในตอนนี้มีศึกทั้งภายนอกและภายใน ภาระทุกอย่างในเสี้ยวพริบตาที่เจ้าเขตปกครองแตกดับก็กดทับมาที่เขา
สวี่ชิงรู้อะไรควรไม่ควร โค้งคารวะแล้วจากไป หลังจากเดินออกไปจากตำหนัก เขาก็เอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา ทำตามคำสั่งของเจ้าวัง เริ่มยุ่งขึ้นมา
อาลักษณ์ก็สมตามตำแหน่งขึ้นมาในยามนี้ เขามีอำนาจในการตรวจสอบบันทึกทุกอย่าง ผู้ครองกระบี่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ แต่พลังของเขาคนเดียวไม่ค่อยพอ ดังนั้นหลังจากขบคิดครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็สื่อเสียงเสียงหาข่งเสียงหลง
ไม่นานนักข่งเสียงหลง ซานเหอจื่อ ทั้งยังมีหวังเฉินและเยี่ยหลิงก็ต่างมาถึงสวี่ชิงทางนี้ ภายใต้การร่วมมือจากพวกเขา ไม่นานนักสวี่ชิงก็จัดระเบียบรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมและเหตุผลที่ยังไม่กลับมาที่เจ้าวังต้องการเสร็จสิ้น
สุดท้าย ก่อนจะประชุมหนึ่งชั่วยาม ก็กำหนดการประชุมในยามจื่อและเตรียมสถานที่ อีกทั้งยังใช้อำนาจของตัวเองแจ้งผู้ครองกระบี่ทั้งหมด
“ตามคำสั่งของเจ้าวัง แจ้งผู้ครองกระบี่ทุกท่านให้เข้าร่วมประชุมในยามจื่อ ณ ลานหมายเลขหนึ่งเขตตะวันออกวังครองกระบี่!” เสียงของสวี่ชิงดังขึ้นในกระบี่อาญาสิทธิ์ของผู้ครองกระบี่ทุกคน ณ เสี้ยวขณะนี้
นี่เป็นการสื่อเสียงเสียงครั้งแรกในฐานะอาลักษณ์อย่างแท้จริง
ไม่นานนัก ยามจื่อก็มาถึง
บนลานหมายเลขหนึ่งเขตตะวันออก ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดมาถึงอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องจัดระเบียบ ผู้ครองกระบี่เดิมก็กฎระเบียบเข้มงวดอยู่แล้ว ตอนนี้ผู้ครองกระบี่เกือบแสนคนยืนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่ดูมากมายมหาศาลก็เป็นระเบียบเรียบร้อย เรียงเป็นแถวยาวแต่ละแถวๆ ตามพลังบำเพ็ญ
ไม่มีใครคุยกัน มีเพียงจิตสังหารที่พวยพุ่งอยู่ในใจของทุกคน ในดวงตาของพวกเขาล้วนแฝงไว้ซึ่งความโกรธแค้น ยิ่งกว่านั้นคือความยึดมั่น
ความตายเขาเจ้าเขตปกครอง กรมราชทัณฑ์ถล่มราบ สงครามมาเยือน เรื่องราวเป็นชุดนี้ ไม่มีทางทำให้ผู้ครองกระบี่ขลาดกลัว รังแต่จะทำให้จิตสังหารของพวกเขารุนแรงขึ้น
ตอนนี้กลิ่นอายหลอมรวมอยู่ด้วยกัน กระจายไปทั่วทุกทิศ บนท้องฟ้าภายใต้การเหนี่ยวนำนี้ก็เกิดเป็นคลื่นวน หมุนวนดังครืนครันมา
ในยามที่รัศมีพลังอำนาจน่าครั่นคร้าม ผู้ดูแลทั้งสี่และรองเจ้าวังก็ต่างปรากฏตัว คนสุดท้ายที่มาปรากฏต่อหน้าผู้ครองกระบี่คือเจ้าวังที่สีหน้าเคร่งขรึมเข้มงวด ไม่โมโหแต่รัศมีอำนาจฉายชัด
ส่วนสวี่ชิงตามอยู่ข้างหลังเจ้าวัง
จากสายตาของผู้ครองกระบี่ทั้งหมดที่รวมมา เงาร่างของสวี่ชิงปรากฏในตาของคนทั้งหลาย เขาใบหน้าไร้อารมณ์ หยุดห่างจากเจ้าวังสามจั้ง ยืนอย่างเงียบงันอยู่ตรงนั้น มองไปทางเจ้าวัง
สายตาของเจ้าวังกวาดตามองคนทั้งหลาย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงต่ำทุ้มก็ดังก้องไปทั่วทุกทิศ
“ผู้ครองกระบี่ทั้งหลาย สงครามมาถึงแล้ว
“เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ละโมบต่อเขตปกครองผนึกสมุทรเผ่ามนุษย์ ในเวลาเนิ่นนานมาก็ไม่เคยหยุดคิดแม้เพียงเล็กน้อย สงครามที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่แค่ครั้งแรก แต่ก็ไม่เคยมีข้อยกเว้น พวกเขาล้มเลวทุกครั้ง!
“และในช่วงพันปีนี้ ข้าและเจ้าเขตปกครองที่ล่วงลับจากไป รวมถึงผู้ปกครองทุกคน ก็ได้เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศึกนี้เอาไว้นานแล้ว
“ต่อให้ตอนนี้กองทัพศัตรูทัพแรกที่รวมตัวจากราชวงศ์วิญญาณชาดและราชวงศ์หมอกจันทราเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาในเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว แต่ตัวข้ามั่นใจมาก
“หากทุกคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่เกิดช่องโหว่ใดๆ ทุกเรื่องล้วนจัดการอย่างรอบคอบ พวกเราก็จะเหมือนกับวีรชนผู้กล้าของเขตปกครองผนึกสมุทรในทุกรุ่น ไปพิสูจน์ว่าพวกเราก็สามารถปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทรได้เช่นกัน คว้าชัยชนะท่ามกลางพายุแห่งสงคราม มีชีวิตรอดต่อไปท่ามกลางภัยคุกคามจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
“อีกทั้งภายใต้การสนับสนุนจากวังพิธีการ รวมทั้งเผ่าพันธมิตรสามร้อยเจ็ดสิบเก้าเผ่ารวมถึงเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ในนั้นด้วย ก็จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้เช่นกัน สำหรับเผ่าเคียงเซียนจากการเจรจาด้วยตัวข้าเองเช้าวันนี้ ก็ตัดสินใจปิดกั้นพื้นที่เผ่าทั้งหมด ไม่ออกมาโลกภายนอกแม้ครึ่งก้าว
“ดังนั้นสงครามครั้งนี้ ความจริงพวกเราไม่อ่อนแอเลย” เจ้าวังเอ่ยอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้มีน้ำเสียงที่ฮึกเหิมอะไร และพูดอย่างช้าเนิบ
“แต่มีเรื่องบางอย่างที่พวกเจ้าจะต้องรู้
“วันนี้ห่างจากดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิที่ไกลจากเขตปกครองผนึกสมุทรลิบลับเกิดเรื่องขึ้นสองเรื่อง”
“เรื่องแรก เจ้าเขตปกครองคนใหม่และกองทัพเสริมที่จักรพรรดิมนุษย์แต่งตั้งใหม่ ด้วยการส่งข้ามจากค่ายกลเขตดินแดน เดิมพรุ่งนี้ควรจะมาถึง แต่วันนี้เที่ยงวันถูกเผ่าฟ้าทมิฬขัดขวาง เป็นตายไม่รู้
“สอง กองทัพเผ่าฟ้าทมิฬยกทัพประชิดดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ พายุพัดมา ดังนั้นในช่วงระยะนี้ เขตปกครองผนึกสมุทรต้องเชิญหน้ากับศัตรูด้วยตัวเอง
“ดังนั้นนี่อาจเป็นสงครามที่ยาวนาน
“ดังนั้นนี่อาจเป็นการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นี่ก็เป็นสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญหน้า แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเจตจำนงมุ่งมั่นยอมสละชีพเพื่อปกป้อง เพราะเราไม่มีทางให้ถอย
“สิบสามมณฑลตอนนี้ถูกกองทัพเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ยึดไปแล้วสามมณฑล แต่พลังของวิเศษเวทต้องห้ามเขตปกครองผนึกสมุทรเปิดสุดกำลังทำการต้านทาน เกิดเป็นการประจันหน้ากัน ช่วยยื้อเวลาให้ได้เล็กน้อย
“ช่วงนี้พวกเราต้องจัดการปัญหาหลายอย่าง
“แดนต้องห้ามมรณะและแดนต้องห้ามอาภรณ์ทั้งสองแห่งปั่นป่วนวุ่นวาย แยกพลังของมณฑลบางส่วน นี่คือจุดมุ่งหมายของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
“กรมราชทัณฑ์ถล่มราบ นักโทษแหกคุก ทุกอย่างสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เขตปกครองผนึกสมุทร ทำให้พวกเราเกิดศึกทั้งภายในและภายนอก นี่ก็คือจุดมุ่งหมายของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน”
เสียงลมหายใจหนาหนักกังออกมาจากปากของผู้ครองกระบี่แสนคน คำพูดของเจ้าวัง ทำให้ทุกคนรวมถึงสวี่ชิงตระหนักได้อย่างแท้จริงถึงวิกฤตอันตรายของเขตปกครองผนึกสมุทรตอนนี้ประดุจพายุคลื่นคลั่ง
แต่เสียงสงบนิ่งของเจ้าวังประดุจเข็มเทวะสะกดมหาสมุทร ทำให้จิตใจของทุกคนค่อยๆ สงบลง มีเพียงจิตสังหารและความมุ่งมั่นที่พวยพุ่งขึ้นไม่หยุด
มองคนทั้งหลาย เสียงของเจ้าวังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยราบเรียบออกมา
“ไม่ต้องกลัว ฟ้าถล่มลงมา ข้าจะค้ำยันเอง!”