ผูกรักท่านประธานพันล้าน - ตอนที่ 54 เธอเป็นคู่หมั้นของคุณ
ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายชายและว่าที่คู่หมั้นฝ่ายหญิงออกมาในเวลาเดียวกัน มีคนเข้ามาโอบล้อมไม่น้อย ในนั้นรวมไปถึงเพื่อนมหาวิทยาลัยที่หลีเย่ว์เชิญมาเป็นพิเศษ
ในนั้นมีสองคน ยังเป็นรูมเมทของเซิ่งอันหรานในเวลานั้น
หลีเย่ว์คว้าแขนเฉียวเจ๋อไว้เงียบๆ เหมือนประกาศศักดา
“ก่อนหน้านี้อาเจ๋อยังบอกว่า เธอไม่ยอมมา ให้ฉันไม่ต้องเรียกเธอแล้ว ฉันยังบอกเขาใจแคบอยู่เลย ตอนนั้นเธอกับฉันสนิทกันขนาดนั้น ทำไมจะไม่มาอวยพรในงานหมั้นของพวกเราถูกไหม?”
เซิ่งอันหรานยิ้มแค่เปลือกนอกมองไปที่เธอ“แน่นอนอยู่แล้ว”
เฉียวเจ๋อกลับขมวดคิ้ว พยายามดึงมือตัวเองออกจากมือหลีเย่ว์
“พอแล้ว ยังต้องไปทักทายแขกคนอื่นอีก ไปเถอะ”
“รีบทำไม? ยังไม่ถึงเวลาเลย” หลีเย่ว์ดึงเขาไว้ จงใจถามเสียงดัง
“อันหราน ทำไมไม่เห็นเธอพาแฟนหนุ่มมาด้วย?”
“แฟนหนุ่ม? ใครเหรอ?”
เสียงคำถามดังมาจากทางด้านหลังหลีเย่ว์ ในเวลาเดียวกันก็มีร่างหนึ่งเดินออกมา ชุดราตรีชาเนลสุดหรูทั้งชุด ทรงผมดูก็รู้ว่าผ่านการจัดทรงมาอย่างประณีต ม้วนอยู่ด้านหลัง สร้อยเพชรที่คอส่องแสงประกาย สะดุดตาสุดๆ เหมือนชีวิตนี้กลัวคนอื่นไม่รู้สไตล์การแต่งตัวที่ดูแพงของเธอ ไม่ใช่เซิ่งอันเหยาแล้วจะเป็นใครไปได้
เซิ่งอันหรานถึงเพิ่งคิดได้ ตระกูลเฉียวมีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเซิ่งมาโดยตลอด งานเลี้ยงฉลองการหมั้นของเฉียวเจ๋อ เป็นธรรมดาที่เซิ่งอันเหยาจะเป็นตัวแทนของพ่อมาเข้าร่วมงาน
“อันเหยา เธอไม่รู้เหรอ?” หลีเย่ว์ทำหน้าแปลกใจ “เรื่องน้องสาวมีแฟนหนุ่มทำไมเธอถึงไม่รู้? หล่อนไม่ได้บอกพวกเธอหรือ?”
เซิ่งอันเหยาถือแก้วเหล้า ใบหน้าดูถูก“น้องสาวฉันคนนี้ชอบฉายเดี่ยว ไม่ยอมกลับบ้าน เรื่องมีความรักแบบนี้ จะบอกฉันได้ยังไง”
“หากเป็นคนอื่นไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่นั่นเป็นอวี้หนานเฉิงนะ” หลีเย่ว์เลิกคิ้ว ทำเสียงโอเวอร์ “ประธานหนุ่มของเซิ่งถังกรุป เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมยังไม่บอกพวกเธอล่ะ?”
คำพูดนี้ออกไป รอบๆ เกิดเสียงซุบซิบขึ้น
ใครๆ ก็รู้ว่าประธานหนุ่มอวี้หนานเฉิงของเซิ่งถังกรุปไม่สนใจผู้หญิง จะมีความสัมพันธ์กับเซิ่งอันหรานได้ยังไง?
เซิ่งอันหรานจับกระเป๋าถือไว้แน่น สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
ตอนที่เจอหลีเย่ว์กับเฉียวเจ๋อข้างนอก ตอนนั้นเพราะความรีบร้อนแต่งเรื่องนี้ขึ้น โชคดีที่เวลานั้นอวี้หนานเฉิงให้ความร่วมมือ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าหลีเย่ว์จะเอาเรื่องนี้ออกมาพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเซิ่งอันเหยาอยู่ในงาน
เป็นอย่างที่คิด เซิ่งอันเหยาได้ยินก็แสดงความเยาะเย้ยออกมา
“ฉันถือว่าเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันเคยได้ยินในช่วงนี้ เซิ่งอันหราน ไม่พูดไม่ได้ว่าเธอประเมินตัวเองสูงเกินไป เธอเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ไปอยู่ต่างประเทศ5ปีกว่าเพิ่งจะกลับมา ทำไม? กลับมาก็มาจับผู้ชายมีเงินคนหนึ่งเป็นที่พึ่งพิงเหรอ? ก็ไม่ดูกระจกว่าตัวเองหน้าตาเป็นยังไง เอาแต่คิดอยากเป็นแม่ของลูกชาย อวี้หนานเฉิง คงไม่รู้ 2 วันก่อนฉันเพิ่งได้ยินข่าวว่า
อวี้หนานเฉิงได้กำหนดวันแต่งกับเกาหย่าเหวินแล้ว”
คำพูดนี้ออกมา เสียงวิจารณ์รอบๆ ยิ่งดังขึ้น มีพูดถึงความสัมพันธ์คลุมเครือของเกาหย่าเหวินกับอวี้หนานเฉิงหลายปีมานี้ มีพูดถึงลูกชายของอวี้หนานเฉิงแท้จริงเกาหย่าเหวินเป็นคนคลอด ยังมีพูดเซิ่งอันหรานทะนงตัวไม่ประมาณตัวเอง พูดกันไปต่างๆ นานา
“ยังไงก็ตามเธอเป็นน้องสาวของฉัน อย่ามาทำฉันขายหน้าที่นี้เลย หากคุณพ่อรู้ว่าเธอร้อนใจอยากเป็นแม่เลี้ยงให้คนอื่น ไม่ถามความคิดคนอื่นว่าเห็นด้วยไหม ก็ทำท่าโอ้อวดเป็นแฟนคนอื่นข้างนอก กลัวว่าคงจะโมโหสุดๆ”
เซิ่งอันเหยาเสียงแข็ง ท่าทีโหดร้าย ไม่เห็นเธอเป็นน้องสาวแม้แต่นิดเดียว
แขกรอบๆ ที่มาหลายปีมานี้รู้จักแต่เพียงเซิ่งอันเหยา น้อยคนมากที่จะมีคนเคยเห็นเซิ่งอันหราน เลยนึกว่าเป็นความแค้นของมีเงินรวย เซิ่งอันหรานเกรงว่าจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของคุณท่านกับผู้หญิงข้างนอกนั้น ดังนั้นไม่มีใครพูดแทนเธอ
“ไม่เคยได้ยินคุณเซิ่งมีพี่น้อง? นี่เป็นใครกันแน่?”
“ใครจะไปรู้? ตระกูลเซิ่งมีเงินมีอำนาจ คุณท่านจะมีลูกนอกสมรส1-2คนคงก็ไม่แปลก”
“…”
คำพูดอื่นๆ เซิ่งอันหรานทนรับได้ มีเพียงเรื่องลูกนอกสมรสที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ยังทิ่มแทงถึงเรื่องอดีตที่เจ็บปวดในใจ กำหมัดแน่น ดุด่าเสียงดังในทันที
“เซิ่งอันเหยา ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ ถึงตาเธอมาสั่งสอนฉันว่าทำขายหน้าหรือไม่ขายหน้าได้แล้วเหรอ?”
“ทำไม? ฉันเป็นลูกสาวคนโตตระกูลเซิ่ง เป็นพี่สาวของเธอ แน่นอนว่าฉันมีสิทธิ์นี้”
เซิ่งอันหรานได้ยินก็หัวเราะเสียงเย็น พูดอย่างไม่รีบร้อน
“เข้าทะเบียนบ้านถึงเรียกว่าลูกสาวคนโต”
คำพูดนี้มีความนัย เซิ่งอันเหยาหน้าเขียว ยกมือขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ในทันที “เธอพูดเรื่องเหลวไหลให้น้อยๆ หน่อย”
“เป็นเรื่องเหลวไหลหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าคุณตีคนก็สามารถยืนยันได้”
จู่ ๆเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น ไหล่ของเซิ่งอันหรานถูกมือข้างหนึ่งดึงออกมาที่หน้าอก และเซิ่งอันเหยายังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกเขาจับค้างไว้กลางอากาศ
“อวี้หนานเฉิง?”
เสียงผู้คนวิจารณ์ดังยิ่งขึ้น
เซิ่งอันหรานเงยหน้าอย่างแปลกใจ และเห็นใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของอวี้หนานเฉิง ภายใต้แสงแชนเดอเรียส่องให้เห็นว่าเขาสงบเยือกเย็นมาก
“อวี้หนานเฉิง” หลีเย่ว์กับเซิ่งอันเหยาหน้าเปลี่ยน
เดิมพวกเธอสองคนร่วมมือกันจะทำให้เซิ่งอันหรานขายหน้าต่อหน้าทุกคน ในเมื่อเซิ่งอันเหยาได้ยินมาจากปากเกาหย่าเหวินว่าเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับอวี้หนานเฉิง และคิดได้ว่าก่อนหน้านี้หลีเย่ว์ได้ยินเรื่องเซิ่งอันหรานกับอวี้หนานเฉิงคบกันเป็นเรื่องเหลวไหล
แต่ใครก็นึกไม่ถึง อวี้หนานเฉิงจะมาจริงๆ
“คุณคือประธานอวี้แห่งเซิ่งถังกรุป?”เซิ่งอันเหยาหน้าเสีย อดถามยืนยันไม่ได้
อวี้หนานเฉิงท่าทีนิ่งมาก “ต้องให้ผมเอาบัตรประชาชนออกมาให้คุณดูไหม?”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เซิ่งอันเหยารีบส่ายหน้า
“คุณหมายความว่ายังไงผมไม่สน ที่ผมสนก็คือ คุณจะตีคู่หมั้นผมต่อหน้าผู้คนมากมาย มันหมายความว่ายังไง?”
“คู่หมั้น?” เซิ่งอันเหยาหน้าตึง พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง? เธอ เธอเป็นคู่หมั้นของคุณ”
เซิ่งอันหรานก็อึ้งเหมือนกัน คิดไม่ถึงอวี้หนานเฉิงจะพูดคำนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” อวี้หนานเฉิงคว้าไหล่ของเซิ่งอันหรานไว้ ท่าทางสุขุม “ถ้าเธอไม่ใช่คู่หมั้นผม เป็นคุณรึไง?”
เซิ่งอันเหยาเม้มริมฝีปาก ถามกลับอย่างไม่ยอม “งั้นเมื่อกี้ทำไมเธอถึงไม่พูด?”
เวลานี้ เซิ่งอันหรานได้สติแล้ว ประชดประชันเสียดสีในทันที
“ฉันมีโอกาสได้พูดไหม? เธอกับหลีเย่ว์สองคนอยากทำให้ฉันดูแย่ต่อหน้าผู้คนขนาดนี้ ให้ฉันได้พูดบ้างไหม?”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้น” หลีเย่ว์รีบพูดขัด เหมือนกลัวอวี้หนานเฉิงโกรธ
คำพูดนี้กลับแสดงอะไรบางอย่างออกมา เซิ่งอันเหยาถลึงตาให้หลีเย่ว์ด้วยความโมโห
เซิ่งอันหรานมีอวี้หนานเฉิงหนุนหลัง มีความมั่นใจในทันที
“หนานเฉิงเพียงแค่ติดธุระมาช้าหน่อย พวกเธอก็กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย มีความแค้นอะไรกับฉัน ยังตั้งใจส่งการ์ดเชิญฉัน ให้ฉันมา อยากทำฉันขายหน้าเหรอ? คนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉัน อีกคนเป็นพี่สาวของฉัน นับว่าเป็นบุญวาสนาของฉันที่ได้เจอพวกเธอจริงๆ”