ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~ - ตอนที่ 62 บทที่2ตอนที่34:โปรดอย่าเปลี่ยนไปเลยนะคะ
- Home
- ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~
- ตอนที่ 62 บทที่2ตอนที่34:โปรดอย่าเปลี่ยนไปเลยนะคะ
“เอาไป 2ล้านโอลด์ตามสัญญา”
มอบเหรียญแพลตตินัม2เหรียญให้พ่อค้าทาสท่าทางปวกเปียก และรับถุงผ้าพร้อมเงินสด8หมื่นโอลด์ก่อนหน้าคืน เป็นเงินที่ได้รับจากปู่ด้วยล่ะนะ ถึงจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ไม่อยากเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์
แล้วก็ เหรียญเหล็กมีค่าเท่ากับ10โอลด์ เหรียญทองแดงเท่ากับ100โอลด์ เหรียญเงินเท่ากับ1000โอลด์ เหรียญทองเท่ากับ1หมื่นโอลด์และ เหรียญแพลตตินัมเท่ากับ1ล้านโอลด์ หรือก็คือ ฉันได้รับ100ล้านโอลด์จากการปราบปรามอสูรลูกกระจ๊อกพวกนั้นนั่นเอง แค่กำจัดลูกกระจ๊อกที่จามใส่ก็ปลิวแล้วก็ได้ตั้ง100ล้านโอลด์รู้สึกเหมือนประสาทรับรู้ทางการเงินจะรวนไปหมดเลยแฮะ
“ขอบคุณที่ใช้บริการ พาตัวมาหน่อย”
เหล่าชายชุดดำจุงมือเด็กสาวมนุษย์สัตว์ผมเงินมาจากหลังห้องตามคำสั่งของชายปวกเปียกที่น่าจะเป็นผู้จัดการ
สภาพร่างกายน่ะแน่นอนแต่สีหน้าก็ดีขึ้นด้วย ดูเหมือนเจ้าพวกนี้จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันสินะ อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ศักดิ์ศรีในฐานะพ่อค้าทาส อะไรนั่นก็ได้ เอาเถอะ เหตุผลของพวกค้ามนุษย์จะเป็นยังไงก็ช่าง
“ฉันไค ไฮเนมัน เรียกแค่ ไค ก็พอ”
พอยื่นมือขวาออกไปเด็กสาวก็จับกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ และ
“มิว……ค่ะ”
กล่าวแนะนำตัวอย่างตะกุกตะกัก
“น、นะ、น่ารัก!!”
องค์หญิงเจ้าปัญหาที่กำลังพลางตัว เลิกผ้าคลุมสีขาวออกจากหัว ส่งเสียงประหลาด โผเข้ากอดมิวและลูบแก้มของเธอ
“เฮะ?”
ใบหน้าของโรสเต็มไปด้วยความหลงใหลพร้อมกับลูบไล่ร่างนั้นไปทั่ว ทำให้ดวงตาของมิวว่างเปล่าทันที
“อื้-ม สัมผัสนุ่มนิ่มของหูนี่มัน!ขนตรงหางเองก็สุดยอด !!”
“ฮี้!?”
มิวหดตัวลงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยดวงตากลมโตเพื่อขอความช่วยเหลือ
“หยุดเลย!ถ้าเด็กเกิดกลัวขึ้นมาจะทำยังไง!”
ขณะที่ยังตกใจอยู่กับเนื้อในที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันขององค์หญิงจิตป่วนที่บานปลายขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ใช้มือขวาคว้าท้ายทอยของโรสและดึงให้ออกห่างจากมิว
“ไม่เป็นไร ถึงยัยนี่จะโรคจิตแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี”
หลังจากกล่าวคำที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร ฉันก็ใช้มือซ้ายลูบหัวมิว
“……”
มิวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
“ไปกันเถอะ!”
แอนนายิ้มอย่างอ่อนโยนและคว้ามือขวาของมิวแล้วเริ่มออกเดินมุ่งสู่โรงแรม
“ค่ะ……”
สิ่งที่ฉันทำกับโรสตอนนี้ถ้าเป็นแอนนาก่อนหน้านี้ละก็คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้วแต่ตอนนี้กลับเมินได้อย่างหน้าตาเฉย ถึงจะสงสัยว่านั่นน่ะหมายความว่ายังไงก็เถอะแต่
“ไค พอสักที ช่วยเอาฉันลงได้ยังคะ?”
ขณะที่กำลังมองตามหลังแอนนากับมิวด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง เสียงที่สัมผัสได้แต่คำวิจารณ์ขององค์หญิงเสียของก็พุ่งใส่จนแก้วหูสั่นสะท้าน
“อุมุ โทษทีๆ”
ปล่อยมือออกจากท้ายทอยของโรส
“ถ้าชุดเกิดยืดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบคะ?”
โรสเอามือทั้งสองข้างเท้าสะเอวและถามออกมา
“เพราะทำมิดีมิร้ายกับเด็กนั่นแหละ”
“ก็แค่ จับกอด ลูบแก้ม ลูบหางกับหูสุดแสนจะนุ่มนิ่มเองไม่ใช่เหรอคะ!”
คุณเจ้าหญิงคนนี้ช่างมีนิสัยชวนให้ปวดหัวซะจริง
“นั่นน่ะสังคมคนทั่วไปเขาเรียกว่าโรคจิตนะรู้รึเปล่า”
“บู่ๆ”
ฉันเมินโรสที่ทำแก้มป่องราวกับรับไม่ได้แล้วเหลือบไปมองพ่อค้าทาสท่าทางปวกเปียกที่ตอนนี้ก็ยังมองมาทางนี้อย่างสนใจ
“ขอเตือนอะไรไว้อย่างนึ่งก็แล้วกัน”
“อะไรเหรอจ๊ะ?”
“ที่ครั้งนี้ฉันยอมทำธุรกิจกับพวกแกก็เพราะกฎขยะของประเทศเน่าๆนี่เท่านั้นแหละ บอกตามตรง ฉันเกลียดพวกที่เรียกเด็กเล็กว่าสัตว์ร้ายได้อย่างหน้าตาเฉยกับทุบตีอย่างไม่ไยดีแบบพวกแกจนเข้าไส้เลยล่ะ เพราะงั้นถ้าเกิดพวกแกก้าวพลาดออกจากกฎนั่นแม้แต่ก้าวเดียวละก็――”
ฉันหยุดพูดชะงัก
ทำให้พวกพ่อค้าทาสกลืนน้ำลาย
ฉันหันหน้าไปมองพวกมันอย่างรวดเร็วอ้าปากกว้าง และ――
“ฉันจะขยี้พวกแกให้แหลก(คึ) อย่าหวังจะได้ขึ้นสวรรค์ไปอย่างสบายเชียวล่ะ”
ประกาศด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ตัวเองยังตกใจ
เหล่าพ่อค้าทาสหน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว
“นะ-แน่นอน!ประโยคสุดท้ายนั่นจะไม่ก้าวพลาดเด็ดขาด!”
พ่อค้าทาสท่าทางปวกเปียกขึ้นเสียงราวกับกรีดร้อง
“อย่าลืมซะล่ะ แล้วก็จำใส่กะลาหัวไว้ด้วย ว่าตอนนี้พวกแกกำลังยืนอยู่หน้าขอบเหว”
พอพูดจบฉันก็หันหลังให้พวกมันแล้วออกเดิน
เตือนไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกมัน อ้างอิงจากหลักจิตวิทยาอาชญากรรม ที่อ่านเจอในตำราของดันเจี้ยนนั่น ตราบใดที่เจ้าพวกนั้นยังอยู่ในโลกแห่งการแก่งแย่งใบนี้ 9ใน10 ต้องก้าวพลาดอย่างแน่นอน วิธีเดียวที่จะหนีจากสิ่งนั้นได้ มีแต่ต้องเปลี่ยนอาชีพเท่านั้น นั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่พวกมันเองรู้ดีที่สุดแล้วล่ะ
“อะไรล่ะ?”
โรสที่เดินอยู่ข้างๆ มองหน้าฉันอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแล้วเชียว องครักษ์ของฉันต้องเป็นคุณเท่านั้น”
“ก็บอกแล้วไง ว่าแค่เฉพาะกิจจนกว่าจะหาผู้เหมาะสมเจอ”
โรสหลุดขำ แสยะยิ้มราวกับเด็กซุกซนและ
“ถึงปากจะบอกแบบนั้นแต่ ตราบใดที่ฉันยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองอย่างไม่สั่นคลอน มั่นใจเลยว่าคุณจะอยู่กับฉันไปจนถึงที่สุดค่ะ”
“ฉันจะไปเที่ยวรอบโลก นั่นเป็นเรื่องที่ตัดสินไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้เป็นจริงให้ดู”
“เอาอีกแล้วๆ ที่จริงดีใจใช่มั้ยล่ะที่ได้เป็นอัศวินของสาวงามขนาดนี้!”
ฉันหลับตาข้างหนึ่ง ถอนหายใจให้โรสที่กำลังเอาข้อศอกขวาแทงท้องฉันย้ำๆ
“สาวงามที่แท้จริง เค้าไม่เรียกตัวเองว่าสาวงามหรอกนะ”
ยอมรับว่าโรสหน้าตาดี หรือจะบอกว่าที่น่าชื่นชมน่ะคือบุคลิกที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกันของยัยนี่ดีล่ะ สำหรับฉันแอนนาที่ตอนนี้ซื่อตรงขึ้นแล้ว ได้คะแนนในฐานะผู้หญิงสูงกว่าเล็กน้อย
“บู่ー ไค ความคิดเห็นนั่นน่ะ คิดว่าเป็นการเสียมารยาทต่อเรดี้นะคะ!”
“ถ้างั้นก็ขอโทษด้วย พอดี ฉันยังไม่ชินกับวิธีปฏิบัติต่อเรดี้แบบนั้นน่ะนะ”
เรื่องจริง ถ้าอยากได้วิธีปฏิบัติพรรค์นั้นละก็ ไว้ตอนนั้นค่อยไปขอร้องพวกผู้กล้าคนดังของราชอาณาจักรอเมเลียแห่งนี้เอาก็ได้
“ไค โปรดอย่าเปลี่ยนไปเลยนะคะ”
โรสกระซิบบอก ถ้อยคำที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่นนั้น
“ก็ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ”
ฉันตอบกลับและออกเดินมุ่งหน้ากลับโรงแรม