ได้เป็นฮันเตอร์มันก็ดีอยู่หรอก แต่ระยะเวลาพำนักมีจำกัดแถมสิ่งที่ทำได้ในเมืองนี้ก็มีไม่ค่อยเยอะ
ถูกโรสขอให้อยู่แต่ในที่พักไม่ให้เตร็ดเตร่ไปไหนก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามขนาดนั้น อย่างแรกเลย ปกติโรสก็มีอาร์โนลด์ตามคุ้มกันอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้เห็นกับตัวเอง แต่ปู่ก็รับรองให้แล้วว่าทักษะดาบของอาร์โนลด์เป็นของจริง เพราะงั้นในสถาณการณ์แบบนี้ เลยไม่จำเป็นต้องตัวติดกับโรสขนาดนั้นก้ได้
เพราะแบบนั้น ตอนนี้เลยพา ฟาฟ เฟน แล้วก็ แอสต้า เดินดูรอบๆตลาดในเมืองบัลเซ่
แล้วก็ บอกเฟนแล้วว่าให้รออยู่ในหนังสือภาพไปซักพักก่อน แต่พูดยังไงเจ้าตัวก็ไม่ยอมฟัง เลยตั้งเงื่อนไขว่าห้ามออกห่างจากฉันเป็นอันขาดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ของกินเต็มไปหมดเลยเจ้าค่ะ!”
ฟาฟ ตาเป็นประกายพร้อมกับตะโกนก้อง
『ผมก็จะกินด้วย!』
เฟน ที่อยู่บนหัวของฟาฟยกอุ้งเท้าเล็กๆขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องเล็กๆออกมา
เพราะฟาฟ พึ่งเคยมาที่ที่คึกคักเต็มไปด้วยของกินแบบนี้เป็นครั้งแรกหรือยังไง ทำให้เธอตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เธอกับเฟน หมุนไปรอบๆจากร้านหนึ่งไปอีกร้านหนึ่ง ใช่เงินค่าขนมที่ให้ไปไล่ซื้อของที่ท่าทางน่าอร่อยกินจนแก้มป่อง
อื-ม เงินในกระเป๋าเริ่มร่อยหรอแล้วด้วยสิ ดูเหมือนต้องคิดหาวิธีหาเงินอย่างจริงจังแล้วสิ
มี สมบัตินับไม่ถ้วนที่ได้จากดันเจี้ยนเริ่มต้นนั่นอยู่ก็จริง แต่ จากสถาณการณ์ในตรอกมืดก่อนหน้านี้ การที่คนไร้ความสามารถอย่างฉันปล่อยสมบัติที่ได้จากดันเจี้ยนในเส้นทางถูกกฎหมายดูยังไงก็สงสัย ถ้าเป็นฮันเตอร์ขี้แพ้เหมือนวันก่อน ก็ไม่มีปัญหาอะไรรับมือได้สบายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นพวกศูนย์กลางประเทศละโมบแห่งนี้เคลื่อนไหวล่ะก็ ได้กลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบกับราชอาณาจักรอเมเลีย แน่
แน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้นทางนี้ก็พร้อมจะเดินหน้าเต็มกำลังเหมือนกัน แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือ ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่ใช่ชีวิตยุ่งเหยิงแบบนั้น
กลับกัน ถ้าใช้เส้นทางใต้ดิน มีความเสี่ยงน้อย ที่จะโดนพวกสวะศูนย์กลางประเทศตามกลิ่นเจอมากกว่าใช้เส้นทางถูกกฎหมายก็จริง แต่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าธุรกิจใต้ดินเนี่ยมีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคู่ค้าที่เชื่อใจได้ระหว่างที่พักอยู่ในบัลเซ่ ท้ายที่สุด การอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะ
กลายเป็นว่า เหลือแค่การปราบอสูรให้สมกับเป็นฮันเตอร์เท่านั้น แต่ เวลาหยุดพักเหลือแค่5วัน การจะหาเงินก้อนโตคงเป็นไปไม่ได้ เอาล่ะ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้……
ขณะที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความคิด ก็เหลือบไปเห็นผู้คนมุงเต็มหน้าใหญ่ที่ลานกว้าง จากนั้น เสียงชายหญิงทะเลาะกันก็ลอยออกมา
“คิดบ้าอะไรอยู่ห้ะ!? ถึงได้กล้าลงไม้ลงมือกับเด็กตัวแค่นี้”
“คือว่านะ นี่น่ะคือสินค้า หรือก็คือสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการสั่งสอนไม่ใช้เหรอจ๊ะ”
“สัตว์ร้าย!? อย่ามาล้อเล่นนะ!ดูยังไงก็เป็นแค่เด็กเผ่ามนุษย์สัตว์ไม่ใช่รึไง!”
“อื-ม มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่านะ เป็นพวกชาวราชอาณาจักรอย่างคุณหนูก่อนไม่ใช่เหรอจ๊ะ?ที่เรียกมนุษย์สัตว์ว่าเป็นสัตว์ร้ายไร้เหตุผลน่ะ หรือว่าไม่ใช่ล่ะจ๊ะ?”
เสียงผู้หญิงนั่นเคยได้ยินมาก่อน พอฝ่าฝูงชนออกไปยืนข้างหน้า คนหนึ่งคือชายแต่งหน้าท่าทางอ้อนแอ้น ส่วนอีกคนคือ ผู้หญิงผมแดงสวมเกราะหรูหราสีขาว นั่นน่ะแอนนาไม่ใช่เหรอ กำลังทำอะไรอยู่น่ะ ยัยนั่น?
“ไม่ใช่! ไม่ได้กำหนดให้เผ่ามนุษย์สัตว์เป็นสัตว์ร้ายไรเหตุผลสักหน่อย! สิ่งที่ประเทศของเรายืนกรานคือความแตกต่างของกิฟท์ ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ!”
“อะไรล่ะนั่น?ความแตกต่างที่ว่านั่นก็ไม่ได้ต่างจากการเลือกปฏิบัติเลยนะจ๊ะ คุณหนูหัวเป็นอะไรรึเปล่า?”
ผู้ชายคนนั้นคำพูดคำจาเหมือนผู้หญิงเลยนะ รัฐบาลของราชอาณาจักรอเมเลีย ตราหน้าเผ่าที่ไม่ได้รับกิฟท์ส่วนใหญ่ อย่างเผ่ามนุษย์สัตว์ ว่าเป็นผู้ทรยศมาอย่างช้านาน เหมือนกับเด็กสาวนั่น เป็นเรื่องปกติที่เผ่าอื่นจะถูกพาตัวเข้ามาในประเทศนี้ในฐานะสินสงครามและถูกบังคับให้เป็นทาส ผู้ที่คิดค้นระบบพรรค์นี้ขึ้นมาก็คือพวกขุนนางชั้นสูงอย่างพวกโรสนั้นแหละ สรุปคือ มันไม่ใช่สิ่งที่จะไปวิพากวิจารณ์การกระทำของชายเสียงหญิงคนนั้นได้นั่นเอง เอาเถอะ สวะที่กล้าลงไม้ลงมือกับเด็กแบบนั้นฉันก็เกลียดเหมือนกันนั่นแหละ
“นี่แก กำลังล้อเลียนฉันคนนี้อยู่อย่างงั้นเหรอ!?”
พอแอนนาวางมือบนด้ามดาบ เหล่าชายผ้าคลุมดำลูกน้องของชายเสียงหญิงก็ออกมาขวางข้างหน้า ให้ตายสิ จะทำตัวยุ่งยากไปถึงไหนกันนะ ยัยนั่น แต่ก็คงเพราะอยู่เงียบๆให้เด็กเล็กถูกทุบตีไม่ได้ล่ะมั้ง?ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ดีกว่าเจ้าพวกที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเอาแต่ยืนดูอยู่เฉยๆล่ะนะ
“หยุดเลย เธอนั่นแหละเป็นฝ่ายผิด”
พอฝ่าพวกไทยมุงออกไปยืนอยู่ข้างหน้า ก็ตำหนิแอนนานิดหน่อย จากนั้นก็หันหน้าไปทางชายเสียงหญิง
“ยัยนี่แค่รู้เท่าไม่ถึงการ ยังไงก็ยกโทษให้เธอเถอะ”
พร้อมกับ ปล่อยคำขอโทษอย่างอย่างเต็มใจ
“เธอ ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่พอคุยกันรู้เรื่องสินะจ๊ะ”
ชายเสียงหญิงถอนหายใจเล็กน้อยแล้วยกมือขวาขึ้น ทำให้พวกชายผ้าคลุมดำคลายท่าทางพร้อมรบทันที
ชุดเกราะของแอนนามีตราประจำชาติสลักอยู่ เท่ากับว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของราชอาณาจักร พวกพ่อค้าทาสก็ดูจะไม่ชอบการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นเหมือนกัน
“ไค นี่แก——”
ฉันเมินเสียงแหกปากของแอนนา และหยิบถุงผ้าที่ใส่เงินจำนวน8หมื่นโอลด์ซึ่งเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองในตอนนี้โยนให้ชายเสียงหญิง
ชายเสียงหญิงรับถุงผ้าและก้มลงมองจากนั้นก็ขมวดคิ้ว
“อะไรกัน แค่8หมื่นโอลด์เองไม่ใช่เหรอ แค่นี้ใช้ไถ่ตัวไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”
ก็ตามคาดล่ะนะ
“ถ้างั้น เท่าไหร่ล่ะ?”
“เด็กมนุษย์สัตว์ขนเงินสลวยแบบนี้ยิ่งหายากด้วยสิ 2ล้านโอลด์ล่ะนะจ๊ะ”
“รับทราบ นั้นน่ะค่ามัดจำ ที่เหลือเดี๋ยวจ่ายให้ เพราะงั้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น ปฏิบัติกับเด็กคนนั้นอย่างทะนุถนอมด้วยล่ะ”
“ถ้าไม่จ่ายภายใจ20วัน ขอรับเงินค่ามัดจำทั้งหมดไปล่ะนะจ๊ะ แบบนั้นคงได้ใช่ไหม?”
“ย่อมได้”
ไม่ว่าจะทางไหน ก็ใช่ว่าฉันจะอยู่เมืองนี้ไปตลอด ถ้าหาเงินมาจ่ายไม่ได้ก็เท่ากับฉันเป็นฝ่ายแพ้นั่นแหละ
“เจรจาสำเร็จ ค่—า ไปกันได้แล้ว มอบเสื้อผ้ากับอาหารให้เด็กคนนั้นหน่อย!แล้วก็ทะนุถนอมในฐานะแขกด้วยนะจ๊ะ!”
“ฮะ!”
พวกชายชุดดำเปลี่ยนท่าทางจากหน้ามือเป็นหลังมือ และพาตัวเด็กสาวมนุษย์สัตว์ไปด้วยความเคารพราวกับปฏิบัติกับลูกขุนนาง สาวน้อยเอาแต่หันกลับมามองพวกฉันหลายต่อหลายครั้ง จนตัวเองหายลับเข้าไปในเต้น
“หมายความว่ายังไง!!?”
แอนนาตัวโกนสุดเสียงพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกระชากหน้าอกฉัน ฟาฟคำรามออกมาพร้อมกับเฟนหางตั้งเพื่อข่มขู่
อีกด้านหนึ่ง แอสต้าถอนหายใจจนไหล่ตก เหมือนกำลังบอกว่า เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องยุ่งยากอีกแล้ว ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ท่าทางเหมือนผิดหวังกับอะไรซักอย่างแบบนั้นของแอสต้า มันก็น่าโมโหเหมือนกันนะ
“ความสามารถในการเข้าใจยังไม่พอสินะ ไม่เข้าใจเหรอ?ฉันกำลังจะชื้อเด็กนั่นจากพวกมันยังไงล่ะ”
“ซื้องั้นเหรอ!? หมายถึงจะซื้อมนุษย์ด้วยเงินงั้นเหรอ!?”
“อา ใช่แล้วล่ะ นั่นคือวิธีที่เร็วที่สุด”
“คิดว่าอัศวินผู้ทรงเกียรติแห่งราชอาณาจักร จะยอมรับเรื่องซื้อขายมนุษย์แบบนี้งั้นเหรอ!?”
แอนนาเหมือนจะเป็นลูกขุนนาง แต่กลับปฏิบัติกับมนุษย์สัตว์ราวกับมนุษย์ทั่วไป ซึ่งแตกต่างกับพวกขุนนางคนอื่น ถึงอย่างนั้นกับเรียกฉันว่าคนทรยศ ทัศนคติที่มีต่อมนุษย์สัตว์กับทัศนคติที่สาปแช่งฉันขัดแย้งกันอย่างชัดเจน
อันไหนเป็นใจจริงของแอนนากันแน่ล่ะ แต่ก็ไม่เห็นกับต้องประกาศต่อหน้าสารธารณะชนแบบนี้ก็ได้
“ยอมอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่ เป็นรัฐบาลของราชอาณาจักรเองไม่ใช่เหรอ ที่ยอมรับว่าการซื้อขายทาสถูกกฎหมายน่ะ ถ้างั้น จะซื้อก็ไม่เห็นจะเป็นอุปสรรคตรงไหนเลยนิ”
“ฝ่าบาททรงไม่เห็นชอบกับการซื้อขายทาส!เพียงแต่พระองค์ทรงไม่ห้ามอย่างเคร่งครัดเท่านั้น!”
“ยัยงั่ง นั่นน่ะมันก็เท่ากับถูกกฎหมายนั่นแหละ แล้วก็ยิ่งกว่าถูกกฎหมายถ้าใช้กำลังพาตัวเด็กนั่นมา ฝ่ายเราเองนั่นแหละที่จะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ถ้าเป็นแบบนั้น ตำแหน่งของโรสก็จะสั่นคลอน แบบนั้นน่ะดีแล้วเหรอ?”
“แบบนั้น—ก็ลำบาก……”
แอนนากัดริมฝีปาก พึมพำเบาๆพร้อมกับน้ำตาแห่งความคับข้องใจไหลออกจากตา
“เพราะงั้น ถ้าอยากจะปกป้องเด็กคนนั้นก็มีแต่ต้องทำตามกฎของประเทศนี้เท่านั้น หรือก็คือ การไถ่ตัวเป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว เป็นไง เริ่มเข้าใจขึ้นมารึยัง?”
“……”
แอนนาปล่อยมือทั้งสองข้างออกมจากอกฉันพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ถ้างั้น ก็ต้องคิดหาวิธีหาเงินให้ได้เร็วที่สุด กลับไปที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไง”
“เข้าใจแล้ว”
ยังยอมรับไม่ได้สินะ แอนนาปิดปากแล้วย่ำเท้าวิ่งออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเราเองก็ไปกันเถอะ”
พร้อมกับลูบหัวเฟนที่กับลังขู่แอนนาอยู่บนหัวฟาฟเบาๆ จากนั้นก็กระตุ้นให้ฟาฟกับแอสต้าออกเดินมุ่งสู่ที่พัก
MANGA DISCUSSION