——-ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่เริ่มเดินทางออกจากรามูล์ ดูเหมือนว่าการเดินทาง ไปยังเมืองหลวง ต้องใช้เวลาสามสัปดาห์
ตัดมาที่สภาพปัจจุบัน ตอนนี้ฉันกำลังต่อแถวรอระหว่างการแจกจ่ายอาหารเย็น
“แค่…….นี้เองเหรอครับ?”
ฉันอดไม่ได้ที่จะถาม ชายวัยกลางคนที่ท่าทางเหมือนพ่อครัวพร้อมกับเหลือบตาลงไปมองก้อนขนมปังสีดำ หยาบๆที่อยู่ในมือ จริงอยู่ว่า ถึงฉันจะนั่งรถม้าคันเดียวกับพวกโรสเมรี่ แต่ก็จ่ายค่าเดินทางล่วงหน้าให้พวกเขาแล้ว ได้ยินจากคุณปู่ว่าแบบนั้น เพราะงั้น ไม่มีเหตุผมที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ
“นี่คือคำสั่งของลอร์ด แฟรคตัน คนข้างหลังเค้ารออยู่ รีบไสหัวไปได้แล้ว”
ชายวันกลางคนที่เหมือนพ่อครัว โบกมือขวาราวกับไล่แมลง
แฟรคตัน ก็คือขุนนางเคราแพะท่าทางอวดดีคนนั้น ดูเหมือนเขาจะเกลียดฉันเอามากๆ ทุกครั้งที่เจอกัน เขามักเข้ามาตอแยพร้อมกับพูด ไอคนไร้ความสามารถ ทุกครั้ง ทำตัวอย่างกับเด็ก
แต่ทว่า เหล่าผู้ติดตามของโรสที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจาก แฟรคตัน นัก ประท้วงไปก็ไร้ความหมาย
ขณะกำลังจะกลับเต็นท์ ฉันถูกผลักจากด้านหลัง ทำให้ล้มหน้าขมำไถลไปกับพื้นดิน
“โอ่ย ไอคนไร้ความสามารถ! บังอาจมาชนฉันได้นะ!”
นักดาบสูงอายุ ตัวท้วม ไว้เครา พูดพร้อมกับแถบเส้นเลือดสีน้ำเงินผุดขึ้นที่หน้าผาก จากนั้นเขาก็เตะเข้าที่หน้าท้องของฉัน
“คุ!”
ฉันหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆถาโถมเข้ามา
“ถ้าฉันเกิดสกปรกขึ้นมาแกจะทำยังไง! หาา!?”
ครั้งที่สอง ที่เขาเตะเข้ามาทำให้ฉันขดตัวเหมือนกับเต่า ทำเกินไปแล้ว ถ้ากลัวสกปรกก็แค่ปล่อยไป ดูเหมือน เจ้านี่จะคิดไม่ได้กับสิ่งที่แม้แต่เด็กยังคิดได้ เหล่าบริวารที่อยู่รอบๆที่เอาแต่ยืนดูการกระทำที่ไร้เหตุผลนี้โดยไม่คิดจะเข้าหยุดแม้แต่น้อยก็เหมือนกัน เจ้าพวกนี้คงเน่าเฟะไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจแล้ว
ระหว่างที่กำลังโดนเตะหลายต่อหลายครั้ง———–
“หยุดนะ!”
เสียงโกรธของหญิงสาวดังก้อง ทำให้การเตะหยุดชะงัก
พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเด็กสาวผมแดง คว้าไหล่ของนักดาบสูงอายุตัวท้วม ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“โอย! อันนา นี่เธอ คิดจะปกป้องเจ้าคนทรยศ นี่เหรอ”
นักดาบสูงอายุ แผดเสียงพร้อมกับแถบเส้นเลือดสีน้ำเงินผุดขึ้นที่หน้าผาก
“ไม่ได้ปกป้องซักหน่อย เพียงแต่ คำสั่งของท่านโรสคือ ต้อนรับหมอนี่ ในฐานะแขก ก็เท่านั้น!”
อันนา เด็กสาวผมแดงผู้เป็นผู้ติดตามของโรสไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ระหว่างที่ทั้งสองเขม่นใส่กัน————
“เอะอะอะไรกัน!?”
ชายผมฟ้า หนวดเครารุงรัง เดินเข้ามาอยู่ในวิสัยทัศน์ นักดาบสูงอายุตัวท้วมเดาะลิ้นถ่มล้ำลายลงพื้นพร้อมกับเดินไปทางพ่อครัวที่กำลังแจกจ่ายอาหารอยู่
“ข-ขอบคุณ”
ฉันก้มคำนับอันนาที่ช่วยไว้
“ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของท่านโรส ใครจะช่วยคนอย่างนายกัน รีบกลับเต้นไปได้แล้ว!”
เธอพูดรัวไม่หยุดพร้อมเดินจากฉันไป
แทนที่ อันนา ที่จากไป ชายผมฟ้า หนวดเครารุงรัง แบกดาบยักษ์ เดินเข้ามาตรงที่ฉันอยู่
ดูเหมือนเขาจะจับตาดูฉันมาซักระยะหนึ่งแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองเหล่าผู้บริวารที่อยู่รอบๆด้วยสายตาแหลมคมราวกับเหยี่ยว
“พวกแก หลังจากนี้ฉันจะให้พวกแกอธิบายเรื่องทั้งหมดนี่อย่างเต็มที่!”
เขาปล่อยเสียงเย็นยะเยือกจนหน้าสะพรึงกลัว ออกมา
เหล่าบริวารสวมเกราะสีขาวแก้มกระตุกอย่างรุนแรง และถ่อยห่างจากชายผมฟ้าราวกับวิ่งหนี
นักดาบผมฟ้าคนนี้คือ คุณอัล เป็นผู้นำเหล่าบริวารทั้งหมดของโรส และเขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับ “คนไร้ความสามารถ”อย่างฉัน เหมือนมนุษย์ปกติ
“ไคคุง ดูเหมือนว่าจะสร้องความเดือดร้อนให้เธออีกแล้วสินะ ต้องขอโทษจริงๆ”
คุณอัลก้มหัวให้ฉันอย่างสุดซึ้ง
“ม-ไม่หรอกครับ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
ใช่แล้ว ฉันที่เป็นผู้ถือครองกิฟท์ขยะพรรค์นี้ ตอนที่อยู่ รามูล์ มักถูกปฏิบัติแบบนี้ไม่มากก็น้อยอยู่แล้วการเหยียดหยามแค่นี้รับได้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะ อณาจักรศักดิ์สิทธิ์อเมเลีย แห่งนี้ ที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อ เทพสงครามศักดิ์สิทธิ์——เอเรส
บ้านเกิดของฉัน—ถึงจะไม่ได้สุดโต่งเท่าที่ลามูล์ แต่ กิฟท์ ที่เทพเอเรสมอบให้เปรียบเสมือนตัวกำหนดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ กล่าวคือ ฉันที่มีสมญานาม 【ผู้ที่ไร้ความสามรถที่สุดในโลก】ก็เปรียบเสมือน【 มนุษย์ที่ไร้ค่าที่สุดในโลก】 ในเวลาเดียวกัน เป็นผู้ทรยศที่ถูกพระเจ้าเกลียดชัง
ก่อนหน้านี้ที่ นักดาบสูงอายุตัวท้วม บอกว่าสกปรกก็ด้วย ท่าทางเย็นชาของ อันนา ก็ด้วย
รวมทั้งสายตาดูถูกเหยียดหยามของเหล่าบริวาร ทั้งหมดล้วนเกิดจาก ฉันคือผู้ทรยศที่ถูกพระเจ้าเกลียดชัง
คุณอัล กัดฟันแน่น หลังจากการให้คำตอบของฉัน
“หลังจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนเอาอาหารไปให้เธอที่เต็นท์เอง”
เขาเสนอแบบนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ครับ คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น………..”
“ไคคุง หัดซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้หน่อยนะ”
พอคุณอัลพูดแบบนั้น เขาก็เดินกลับไปหาชายวัยกลางคนที่เหมือนกับพ่อครัว
เหล่าบริวารของโรสที่ยืนเรียงกันเปิดทางให้
“เอาอาหารให้เขาซะ”
เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบกับชายวันกลางคนที่เหมือนพ่อครัว
“ต-แต่ว่า ลอร์ดแฟรคตัน———“
“ไม่ได้ยินหรือไง!?ฉันบอกให้เอาอาหารออกมา!”
เขาเขม่นมองพร้อมกับกระชากคอเสื้อ และตะโกนเสียงดัง
“ฮ-ฮี้!เข้าใจแล้ว!”
พ่อครัว ปล่อยเสียงเล็กๆออกมาด้วยความกลัว เขานำอาหารวางบนถาดไม้แล้วยื่นให้ฉันด้วยมือที่สั่นเทา
“ฉันจะให้บทเรียนกับเจ้าไร้ยางอายพวกนี้เองเพราะงั้นอย่าได้กังวลไปเลย ฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องพรรค์นี้อีกเป็นครั้งที่สอง”
พอคุณอัลพูดแบบนั้น เขาทำหน้าราวกับยักษ์และมุ่งหน้าไปทางเต็นท์ของขุนนางที่ชื่อ แฟรคตัน
ฉันถืออาหารและมุ่งหน้ากลับเต้นของตัวเองเช่นกัน
——ณ เส้นทางภูเขาของมหาพงไพร ซิลเก้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เข้าสู่เขตของมหาพงไพรซิลเก้ คืนนี้พวกเราตั้งแคมป์กัน ณ จุดพักผ่อน ตามเส้นทางภูเขา
ส่วนเรื่องอาหารคุณอัลก็เป็นคนไปเอามาให้ เหล่าบริวารของโรสที่แสดงความน่ารังเกรียจต่อฉันอย่างเปิดเผยก่อนหน้านี้ก็เริ่มน้อยลง
ยังไงก็เถอะ ยังคงส่งสายตาราวกับกำลังมองสิ่งสกปรกเหมือนเดิม ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ถึงจะเป็นอย่างนั้น การกระทำอันน่ารังเกียจก็ได้บรรเทาลง แค่นั้นก็ทำให้ฉันอยู่อย่างสบายใจแล้ว
ให้ตายสิ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ตั้งแต่วันนั้น เพราะพรที่ได้รับจากพระเจ้า ทำให้การใช้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว
แต่เดิม มันก็แน่นอนอยู่แล้วแหละ เหล่าคนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนมาจนถึงตอนนี้ ถูกพวกนั้นประณามว่า ผู้ทรยศที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก
ตอนแรกก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่หรอก แต่ว่ายังมี ไลล่า เรน่า คีท ทั้งสามคนอยู่ มีแค่สามคนนี้เท่านั้นที่ตั้งแต่รู้ว่าฉัน ไร้ความสามารถ ก็ยังปฏิบัติกับฉันเหมือนเดิม
“เรน่ากับคีท ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ…………”
เรน่าและคิสแต่ละคนตั้งแต่ที่ได้รับการอวยพรและได้รับ กิฟท์ นักบุญดาบ กับ มหาจอมเวทย์ มาครองปัจจุบันคงใช้ชีวิตในเมืองหลวงเพื่อฝึกฝน
ณ จุดนี้ แต่แรกเริ่มพวกเขาก็ปฏิเสธหัวชนฝา แต่ต่างกับโรมัน พวกเขาถูกคัดค้าน
ส่วนเหตุผมคือ กิฟท์ ของพวกเขานั้นพิเศษ
กิฟท์ มหาจอมเวทย์ ที่คิท มีอยู่นั้น เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ถึงอย่างนั้น ในรามูล์ที่ให้ความความสำคัญกับ ศิลปะการต่อสู้ เป็นหลักเวทมนตร์จึงถูกมองว่าไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น จึงไม่สามารถฝึกฝนเวทมนตร์ที่รามูล์ ได้
เพราะฉะนั้น รัฐบาลอเมเลียจึงบังคับให้คีท เข้าไปเป็นลูกศิษย์หัวหน้าจอมเวทย์ราชสำนัก
ส่วนเรน่าคือผู้ถือครอง กิฟท์ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเรียกว่าขาดไม่ได้ในการทำสงครามกับเผ่าปีศาจ
เพราะจำเป็นต้องทำให้ตัวตนของเด็กสาวผู้ถือครอง กิฟท์นักบุญดาบ เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ดังนั้น รัฐบาลอเมเลียจึงบังคับให้เธอ เข้าร่วมฝึกฝนกับทีมสุดยอดหัวกะทิในการเปิดศึกกับกองทัพจอมมาร อย่างทีมผู้กล้า
เรน่า ต่างจากฉันกับไลล่าที่ตอนเด็กต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่ง เธอเป็นเด็กที่แม้แต่ดาบไม้แท่งเดียวยังไม่เคยจับ
ให้เด็กแบบนั้นเข้าทีมสุดยอดหัวกะทิในการเปิดศึกกับกองทัพจอมมารอย่าง ทีมผู้กล้า พวกนั้นยังมีสติอยู่รึเปล่า
แน่นอนว่าคัดค้านไปแล้ว แต่คนไร้ความสามารถอย่างฉันพูดอะไรไปพวกนั้นก็ไม่ฟัง กลับถูกคนรอบข้างมองว่าก็แค่ อิจฉา กิฟท์ ของเรน่า เท่านั้น
“ไค ตื่นรึยังคะ?”
ได้ยินเสียงแจ่มใจของหญิงสาวดังจากข้างนอกเต้นจนแก้วหูสั่น
“อืม ตื่นแล้ว”
ฉันตอบกลับทันที พร้อมกับลุกขึ้น ทันใดนั้น เด็กสาวรูปงามผมสีลูกท้อสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ เลิกผ้าเต้นออกและเข้ามาในเต้น
โรส เจ้านายของบริวารเหล่าทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้ บอกตามตรง ฉันไม่ค่อยถูกกับเธอ เลยไม่ค่อยอยากยุ่งกับเธอซักเท่าไหร่
“มีธุระอะไรเหรอ?”
ฉันตอบคำถามด้วยท่าทางตึงเครียด
“ขอโทษด้วยนะคะ!”
เธอโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวขอโทษฉันอย่างสุดซึ้ง
“ฮะ?เอ๊ะ?”
เธอกล่าวของโทษอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ได้ฟังจากอัล มาแล้วค่ะ เรื่องที่เหล่าอัศวินทำกับคุณ เมื่อวาน”
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กร่าเริงอย่างเธอจะทำหน้าหมองแบบนั้น พร้อมกับ กุมมือทั้งสองข้างและเปล่งเสียงอ่อนแอออกมา
“ก็ไม่ติดใจอะไรหรอก…………พูดแบบนั้นคงจะโกหก แต่ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว”
นอกเหนือจากนี้ ถ้ายังใส่ใจเรื่องราวในครั้งก็คงไม่เกิดผลตีต่อทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยปัจจุบัน แค่ถูกปฏิบัติสมกับเป็นมนุษย์คนนึง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
แล้วก็ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันก็ไม่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับขุนนางชั้นสูงแบบโรสอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความคุ้นเคยเป็นพิเศษ
“แต่ว่า เพราะฉันขอร้องท่านนักบุญดาบด้วยความเอาแต่ใจของตัวเองว่า อยากร่วมเดินทางกับไคจนถึงเมืองหลวง…………..”
อยากร่วมเดินทางกับฉัน? ถ้าไม่รู้จักตัวตนของ ไค ไฮเนมัน ตั้งแต่แรกแล้วละก็คงไม่คิดแบบนั้นหรอก แน่นอน ถ้าหมายถึงความด่างพร้อยเพียงหนึ่งเดียวของนักบุญดาบ ก็มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็ดูไม่ใช่คนที่อุส่าขอร้องคุณปู่เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
“คุณโรสทำไมถึงอยากร่วมเดินทางกับฉันขนาดนั้นเหรอ?”
“เพราะคุณคือเพื่อนสมัยเด็กของ คิทกับเรน่า ค่ะ”
“รู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอ!?”
“ค่ะ หัวหน้าจอมเวทราชสำนักแต่เดิมก็คืออาจารณ์ของฉันด้วย คิทคือศิษย์น้อง ส่วนเรน่า โกรท คือเพื่อนคนสำคัญของฉัน”
ได้รับการสั่งสอนจากหัวหน้าจอมเวทราชสำนักเหรอเธอคนนี้ ตัวจริงเป็นใครกันแน่ อย่าบอกนะว่า ท่านนักบุญตัวจริงเสียงจริง? เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ถ้าเป็นแบบนั้น ลามูล์ ต้องวุ่นวายแล้วแน่ๆ
“แล้ว ไปฟังเรื่องอะไรมาจากสองคนนั้นเกี่ยวกับฉัน?”
“ค่ะ โดยเฉพาะเรน่าเอาแต่พูดเรื่องของคุณ บางที ฉันน่าจะรู้จักคุณมากกว่าคิท อีก”
คงเป็นเรื่องประวัติศาสตร์อันดำมืดสมัยเด็กๆแน่ อย่างไรก็ตาม เรน่าก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันมาตั้งแต่จำความได้
“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้น นั่นคือเหตุผลที่อยากให้ฉันร่วมเดินทางกับคณะเดินทางในครั้งนี้?”
“เพราะสองคนนั้น ฉันเลยยืนกรานว่า อยากเจอคนแบบคุณซักครั้ง ก็เลยฝืนบังคับท่านนักบุญดาบโดยขอให้คุณร่วมเดินทางไปกับพวกเราในครั้งนี้”
“เรน่า ไปได้ดีกับทีมผู้กล้ารึเปล่า?”
เดิมทีก็เป็นเด็กซื่อตรงท่าทางบ้าๆบอๆ อยู่แล้ว คงไม่ถูกหลอกหรือทำอะไรร้ายแรงหรอกนะ
“แต่เดิม เธอก็มีนิสัยไร้เดียงสาแบบนั้นอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ พวกอัศวินฝึกหัดกับเหล่าผู้กล้าถูกใจกันใหญ่เลยค่ะ”
งั้นเหรอ ถ้าเป็นเป็นแบบนั้นจริงก็ดีไป ค่อยคุ้มค่ากับคณะเดินทางครั้งนี้หน่อย
“คุณโรส ขอบคุณมากจริงๆที่บอกเรื่องพวกนั้นให้ฉันรู้”
ฉันก้มหัวขอบคุณด้วยความรู้สึกจากใจจริง
หลังจากนั้นก็คุยเรื่องเกี่ยวกับชีวิตสมัยเด็กกับโรส อันนา เด็กสาวผมแดงผู้เป็นผู้ติดตามของโรส เดินมาพร้อม แสดงสีหน้าราวกับยักษ์ โรสจึงกลับเต้นของเธอไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เธอไปไม่นาน ชายผมฟ้าหนวดเครารุงรัง ร่างกายลำสัน ก็เข้ามาหาฉันในเต้น
“ขอโทษที่มาหาซะดึกนะ”
“ไม่ครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
มาหาตอนดึกแบบนี้คงมีวัตถุประสงค์แหละ
“เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแท้ๆ แต่ก็ขอบคุณที่เป็นเพื่อนคุยกับท่านโรสนะ ดูเหมือนท่านจะดีใจจริงๆที่ได้เปิดอกคุยกับเธอ”
คุณอัล นั้งหลังตรงพร้อมกับก้มหัวให้ฉัน
“ย-หยุดเถอะครับ ผมรู้สึกซึ่งใจจริงๆที่เธอยอมคุยกับคนไร้ความสามารถอย่างผม…..เออ จะว่ายังไงดีล่ะ….นั่นน่ะ….”
“ถึงจะไม่เท่าเธอ แต่ฉันก็ได้รับ กิฟท์ ระดับล่างเหมือนกันเพราะงั้นก็เลยเข้าใจหัวอกของเธอ”
“กิฟท์ ระดับล่าง”
“อา และนี่คือทั้งหมดที่ฉันพูดได้ พยายามเข้า! ขอแค่พยายามซักวันมันต้องสัมฤทธิ์ผล แน่ๆ!”
คุณอัล ทำหน้าตาเคร่งขึมราวกับยอมรับโชคชะตาของตัวเองพร้อมกับเอามือขวาทุบอกฉันเบาๆและออกจากเต้นไป
“ขอแค่พยายามซักวันมันต้องสัมฤทธิ์ผล”เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนั้นกับฉัน จากการจัดระเบียบข้อมูลมาจนถึงตอนนี้ เด็กที่ชื่อโรสนั่น คงเป็นบุตรสาวของขุนนางระดับสูงแม้แต่ในอณาจักรนี้แน่ๆ คุณอัน ก็เป็นพยายายามจนขึ้นมาถึงระดับตัวแทนของเหล่าบริวารได้ เป็นคนที่สุดยอดจริงๆนั้นแหละ ซักวันนึ่งฉันจะเป็นมนุษย์ที่มีคนอื่นบอกว่าต้องการเหมือนอย่างคุณอัลไหมนะ
หลังจากที่ล้มตัวนอน จิตสำนึกก็ค่อยๆดับลง
***อันนี้คือมือใหม่หันแปลของจริงครับ ถ้ามีส่วนไหนที่อ่านแล้วงงไม่เข้าใจผมต้องขออภัย และถ้าผิดพลาดตรงไหน อย่างใช้คำผิด สรรพนามผิด บอกได้เลยครับ พร้อมรับคำวิจาร เพื่อพัฒนาตัวเอง
MANGA DISCUSSION